ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 5 วัยรุ่นยุค 70
“เดี๋ยวหนูก็จะได้รู้ว่าเพราะอะไร!” ผมพูดพลางยิ้มให้น้องมีน
 
“ว่าแต่เราจะอยู่รอดูแบบนี้ คงต้องใช้เวลาถึงสามปีเลยนะ น้องมีนมีวิธีอื่นที่เร็วกว่านี้อีกไหม?” ผมถามถึงวิธีที่เร็วขึ้น เพราะถึงจะชอบบรรยากาศย้อนยุคแบบนี้แต่การที่ต้องอยู่ถึงสามปีเพื่อดูอย่างเดียว ก็รู้สึกว่านานเกินไป
 
“มีค่ะ! หนูก็กำลังจะบอกพ่อเหมือนกัน” น้องมีนพูดเสียงใส
 
“แล้วต้องทำอย่างไรครับ?”
 
“ก็แค่ทำแบบนี้นะคะ เหมือนเราดูหนัง” น้องมีนพูดจบก็โบกมือ ไม่นานก็มีหน้าต่างใสๆปรากฏอยู่เบื้องหน้า พร้อมปุ่มกดเหมือนรีโมท
 
“หากพ่ออยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆเราก็กดเพิ่มความเร็ว 1x” น้องมีพูดจบก็กดปุ่ม 1x
 
ทันใดนั้น! ทุกอย่างรอบตัวก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้น
 
ผมอึ้งในหน้าต่างควบคุมนี้มากขึ้น นี่มันเหมือนกับเรากำลังดูหนังออนไลน์ที่เลื่อนปรับความเร็วได้ โดยความเร็วเหล่านี้ มีตั้งแต่ระดับ 1x ไปจนถึง 100x นอกจากนี้ยังมีปุ่มถอยหลังเพื่อย้อนภาพที่มีความเร็วจาก 1x-100x เช่นกัน และปุ่มสีแดงด้านบนตรงกลางก็คือ Exit
 
“น้องมีนครับปุ่ม Exit สีแดงนี่คืออะไรครับ”  ผมชี้ไปที่ปุ่มสีแดง
 
“อ๋อ! ปุ่มนี้ก็คือ...ปุ่มที่จะส่งพวกเราออกไปจากความทรงจำค่ะ พอกดแล้วเราสองคนก็จะไปอยู่ข้างเตียงที่พ่อนอนอยู่ด้านนอกเช่มเดิม” น้องมีนพูดด้วยความภูมิใจ เหมือนเด็กทั่วไปที่ชอบอวดของ จนผมเริ่มรู้สึกเหมือนเธอเป็นลูกผมจริงๆ
 
“งั้นเราไปที่เทอมสองกันดีกว่า ตอนนั้นแหละที่พ่อเพิ่งเริ่มจีบผู้หญิงคนนี้” ผมบอกน้องมีน ไม่นานว่าที่ลูกสาวของผมก็กดไปที่ปุ่ม 100x ทันที
 
ทันใดนั้น! ทุกอย่างก็หายไปเห็นเพียงลางๆ ไม่กี่วินาที ก่อนที่จะกลับมาปรากฏชัดเจนอีกครั้ง
 
“เทอมสองแล้วค่ะพ่อ!” น้องมีนส่งเสียงเล็กๆบอกผม ในขณะที่บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยนักเรียน
 
ผมมองบรรยากาศในห้องเรียนและนึกถึงเหตุการณ์ในเทอมสองที่ผมเริ่มจีบขิง ในวันแรกที่เปิดเรียน หลังจากที่แอบไปพร่ำเพ้อถึงเธอที่บ้านอยู่ทุกวัน
 
อันที่จริงผมก็เริ่มชอบขิงตั้งแต่เทอมหนึ่งนั่นแหละ แต่ไม่กล้าเปิดเผยมากนัก สมัยก่อนวัยรุ่นอายในการจีบกันมาก พวกเราไม่โผงผางในการเข้าไปขอเบอร์โทรหรือไลน์เหมือนสมัยนี้เพราะไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ที่นิยมกันมากๆในยุคนี้ก็คือ.....
 
จดหมายนั่นเอง!
 
ภาพตอนพักเที่ยงที่ทุกคนลงไปโรงอาหารปรากฏขึ้น ผมโอ้เอ้และผลักไสให้กลุ่มเพื่อนสนิทลงไปกินข้าวก่อน เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องผมในตอนนั้นก็แอบเอาจดหมายใส่ไปในหนังสือเรียนวิชาภาษาไทยของขิง
 
พอย้อนกลับมาเห็นตัวเองในตอนนั้น ผมก็ขำตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่ทำท่าเหมือนโจรและเหงื่อออกเต็มตัวด้วยความตื่นเต้น
แต่ถ้าย้อนไปตอนนั้นมันก็ตื่นเต้นสุดชีวิตจริงๆนั่นแหละ
 
จนกระทั่งเลิกเรียน ขิงเองก็ยังไม่เห็นจดหมายที่ผมแอบสอดไว้ในหนังสือ
 
“น้องมีนครับ พวกเราย้ายตัวเองไปที่อื่นได้ไหมครับ พ่ออยากรู้ว่าตอนขิงอ่านจดหมายครั้งแรกเป็นอย่างไร?” ผมถามน้องมีน ที่กำลังนั่งขำ ตอนเห็นผมชะเง้อมองขิงตอนเรียนจนถึงตอนกลับบ้าน
 
“พ่อนี่ก็ขี้อายดีนะ มิน่าเรียนไม่ค่อยดี วันๆเอาแต่นั่งมองสาวนี่เอง เอ๊ะ! เมื่อกี้ถามหนูว่าอย่างไรนะคะ?” น้องมีนไม่ได้ยินสิ่งที่ผมถามแถมยังถามผมกลับ เอิ่มม! สงสัยลูกสาวผมคนนี้น่าจะโดนตีสักป๊าบนะนี่
 
“พ่อถามว่าพวกเราย้ายตัวเองไปที่อื่นได้ไหมครับ?” ผมทวนคำถามพลางทำเสียงดุ ทำเอาว่าที่ลูกสาวหน้าจ๋อยเลยทีเดียว
 
“ได้ค่ะ! แต่พ่อไม่ต้องดุหนูก็ได้ หนูก็แค่ขำพ่อตอนวัยรุ่นเท่านั้นเอง” น้องมีนพูดพลางโบกมือซ้ายขึ้น ภาพหน้าจอใสๆก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเหมือนแผนที่ในโทรศัพท์มือถือ
 
“พ่อก็แค่เลื่อนหาสถานที่ ที่พ่อต้องการแล้วปักหมุด จากนั้นก็กดโอเค พวกเราก็ไปอยู่ตรงจุดนั้นค่ะ” น้องมีนอธิบายเหมือนเด็กกำลังเล่นของเล่น ทำให้ลืมเรื่องที่ผมทำเสียงดุเมื่อครู่ไปจนหมด
 
เด็กหนอเด็ก! เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจริงๆ
 
ผมทำตามที่น้องมีนบอก ค้นหาบ้านของขิงแล้วก็ปักหมุด ก่อนกดปุ่มโอเค ไม่นานเราสองคนก็ปรากฏตัวอยู่ที่บ้านของขิง
 
บ้านของขิงเป็นบ้านไม้ครึ่งปูน มีบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ดูร่มรื่น อยู่ย่านชานเมืองไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก
 
ขิงมักจะนั่งทำการบ้านตรงโต๊ะม้าหินที่สนามหญ้าหน้าบ้านเสมอ ผมมองเห็นขิงกำลังเอาหนังสือเรียนออกมาจากกระเป๋าและเริ่มเปิดทบทวนบทเรียนเพื่อทำการบ้าน
 
และในที่สุดเธอก็เห็นจดหมายรักฉบับแรกของผม
 
มันเป็นจดหมายรักที่อยู่ในซองสีชมพู ขิงดูแปลกใจแต่เมื่อมองชื่อที่เขียนว่า “ถึง น้ำขิง” เธอก็ตัดสินใจแกะออกมาอ่าน
 
“วันที่รอ พ.ศ.ที่คิดถึง
 
นี่เป็นจดหมายฉบับแรกของเรา ขิงเธอคงไม่รู้ว่าเราแอบชอบเธอมานาน เราชอบเวลาที่เธอยิ้ม เวลาที่เธอพูดกับเพื่อนและทุกอย่างที่เป็นเธอ เพราะเธอเป็นคนน่ารัก หากเธอยังไม่มีแฟน เขียนจดหมายตอบเราด้วย แล้วเอาไว้ที่โต๊ะของเธอ เย็นพรุ่งนี้เราจะได้เอากลับมาอ่าน
 
จากคนแอบรัก
 
ธีย์ กระเป๋ารถแห่งความรัก”
 
ผมและน้องมีนยืนอยู่หลังขิงและแอบอ่านจดหมายพร้อมขิง
 
“โห! พ่อสำนวนเชยมากๆ สมควรแล้วที่โสด” น้องมีนพูดขึ้นพร้อมเบะปากใส่ผม
 
“มันเป็นจดหมายในยุคนี้ ใครๆเค้าก็เขียนสำนวนแบบนี้แหละ หนูยังเด็กไม่เข้าใจหรอก” ผมพูดกับน้องมีน และมองไปที่ใบหน้าของขิงดูว่าเธอรู้สึกอย่างไร เพราะจำได้ว่าผมต้องส่งจดหมายแบบนี้ไปเกือบสิบฉบับจนท้อไปหลายรอบ กว่าเธอจะเขียนตอบกลับมา
 
และเมื่อเห็นใบหน้าของเธอที่อ่านจดหมายฉบับแรก ผมก็ต้องแปลกใจ
 
เมื่อพบว่าเธอหน้าแดงและยิ้มเหมือนเด็กวัยรุ่นที่กำลังมีความรัก
 
“หา! สำนวนเชยๆแบบนี้ก็มีคนชอบหรือนี่?” น้องมีนตกใจที่เห็นภาพดังกล่าวขัดกับความรู้สึกของเธอ
 
อย่าว่าแต่น้องมีนเลย แม้แต่ผมเองก็ไม่คิดว่าเธอจะมีความสุขและไม่ขยำจดหมายนี้ทิ้งไป นั่นแสดงว่า......
 
ขิงเอง...ก็แอบชอบผมเหมือนกัน!
 
นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่!!!!
 
...........................
 
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 6 ผู้หญิงเข้าใจยากทุกยุค