ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 12 โลกสีชมพู
การข้ามจากเฟรนด์โซน มาเป็นแฟน บางครั้งก็ยาก...หากอีกฝ่ายยังคิดกับเราเหมือนเพื่อนไม่เปลี่ยนแปลง
 
แต่หากทั้งสองคิดแบบคนรัก...แล้วกล้าที่จะบอกความในใจ
 
เฟรนด์โซน....ก็คงต่างกันแค่สีของพื้นที่ ที่คิดไปเองว่ามีกำแพงสูงกั้นอยู่
 
หลังจากที่ขมิ้นชวนผมเป็นแฟนในวันที่พวกเราเจอ “เจ้าบุญทิ้ง” เต่าน้อยน่าสงสารที่เก็บได้  ผมอึ้งไปพักใหญ่ด้วยความดีใจและตอบตกลงกับเธอ
 
คนเรานี่ก็แปลก! ตอนนี้ขมิ้นก็ซ้อนท้ายจักรยานและเล่นกับเจ้าบุญทิ้งเหมือนเดิม แต่พอรู้ว่าได้คบกันเป็นแฟนแล้ว เส้นทางเบื้องหน้าของผมก็ดูเป็นสีชมพูไปหมด
 
ถนนสีชมพู ต้นไม้สีชมพู รถสีชมพู ผู้คนในชุดสีชมพู ดอกไม้.......
 
แม้แต่.....หมาก็ยังสีชมพู
 
นอกจากจะเห็นทุกอย่างเป็นสีชมพูแล้ว ผมก็ยิ้มอย่างมีความสุขไปตลอดทางเหมือนคนเมายากันยุง ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากตะโกนว่า...
 
"ผมมีแฟน........กับเค้าแล้วโว๊ยยยย!!!"
 
ไม่นานผมก็ปั่นจักรยานที่ถึงหอพักหญิง ขมิ้นลงจากจักรยานแล้วยื่น “เจ้าบุญทิ้ง” เต่าน้อยน่าสงสารให้ผม
 
“เลี้ยงมันดีๆนะ! อย่างน้อยจะได้จำได้ ว่าเราสองคนเป็นแฟนกันในวันที่เจอเจ้าบุญทิ้งตัวนี้”ขมิ้นส่งเต่าน้อยเสร็จก็หน้าแดง และทำท่าเขินอายเหมือนผู้หญิงทั่วไป ก่อนวิ่งขึ้นหอพัก
 
ขนาดผมเองที่เห็นเธอมานาน ยังรู้สึกว่าวันนี้เธอดูน่ารักเป็นพิเศษ
 
อานุภาพของความรักนี่! มันช่างทำให้เรามองโลกเดิมๆเปลี่ยนไปจริงๆ
 
หลังจากไปส่งเธอที่หอพักเสร็จ คืนนั้นผมก็นอนไม่หลับเพราะความดีใจ เพราะผมเองก็ชอบขมิ้นมานานแล้วเช่นกัน
 
ผมมองเจ้าบุญทิ้ง ที่ตอนนี้กำลังคลานต้วมเตี้ยมไปมาในตู้ปลาเล็กๆด้วยความสุข ราวกับว่ามันเหมือนสิ่งสำคัญในชีวิตอย่างหนึ่ง
 
“บุญทิ้งลูกพ่อ! ขอบใจมากเลยนะ หายเร็วๆนะ พ่อจะได้พาไปเดินเล่น!”
 
เอิ่มม! ตอนนั้นผมคงเป็นเอามากจริงๆ
 
........................................
 
ตั้งแต่...เราสองคนคบกันเป็นแฟน
 
การได้อยู่กับขมิ้นก็ทำให้ผมอิ่มเอมในความสุขมากขึ้น  การมองเห็นผู้ชายจากคณะอื่นมาจีบเธอ แล้วเธอบอกว่ามีแฟนแล้วและชี้มาทางผม ยิ่งทำให้ผมมีความสุขและรู้สึกเหนือกว่าผู้ชายคนอื่นเป็นครั้งแรก
 
แม้ว่าผู้ชายเหล่านั้น...จะดูไม่ค่อยเชื่อก็ตาม
 
หรือไม่ก็...จะมีคำอวยพรแนวนี้มาให้ได้ยิน
 
“หน้าตาก็ดี! ไม่น่าเลือกไอ้ปลาบู่ชนเขื่อนคนนี้เป็นแฟนเลย เสียของจริงๆ”
 
ถึงปลาบู่จะชนเขื่อน...แต่ก็มีแฟนน่ารักเฟ้ย!  อันนี้คิดในใจนะครับ ไม่กล้าพูดออกไป!
 
แม้เราสองคนจะเป็นแฟนกัน แต่กิจวัตรประจำวันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ที่เปลี่ยนไปคงเป็นความรู้สึก ที่เหมือนเราต่างเป็นเจ้าของอีกฝ่ายและคิดถึงอนาคตร่วมกัน
 
“ขอนไม้! จบไปแกอยากทำงานอะไร?” ขมิ้นถามผมตอนที่อ่านหนังสืออยู่หน้าคณะ และยังคงสรรพนามที่เรียกกันเหมือนเดิม
 
“ที่บ้านเราอยากให้เป็นเกษตรอำเภอ ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็คงเลือกอันนี้มั้ง!” ผมตอบขมิ้น
 
“ก็ดีนะ! เท่ห์จะตาย ส่วนเราอยากทำสวนที่บ้านเอง แล้วช่วยให้ความรู้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน เพราะชาวบ้านขาดความรู้ เลยปลูกแล้วเป็นหนี้กันเยอะมาก” ขมิ้นพูดความฝันของเธอ
 
ยิ่งใกล้ชิดขมิ้นมากเท่าไหร่ ผมก็รู้สึกว่าผมโชคดีที่ได้เป็นแฟนกับเธอ แม้เธอจะเป็นสาวห้าว แต่เธอก็จิตใจดี และช่วยเหลือคนอื่นเช่นกัน
 
แต่โลกสีชมพูของผม ก็ดำเนินต่อไปได้ไม่นานนัก
 
เพราะผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ผมก็เริ่มรู้จักนิสัยเธออย่างหนึ่งที่ทำเอาผมเองก็เริ่มรับไม่ค่อยได้
 
นั่นก็คือ.....
 
ขมิ้นเป็นคนขี้หึง!
 
และไม่ใช่หึงธรรมดา! แต่เป็นระดับหึงมากกกกกกกก!!
 
แรกๆผมเองก็ยังไม่รู้สึกตัว แต่หลังๆพอคุยกับผู้หญิงคนอื่นหรือแค่ทักทาย
 
ขมิ้นก็จะอารมณ์เสียทันที!
 
“ไม่ต้องหึงน่า! หน้าตาอย่างเราไม่มีใครเค้าเอาไปทำแฟนหรอก ถ้าสาวๆพวกนี้จะหาแฟนก็โน่นพวกเด็กวิศวะ หล่อๆเยอะแยะ ” ผมบอกขมิ้นที่ตอนนี้ทำหน้ายักษ์ใส่ผมอยู่
 
“ก็ไม่รู้แหละ! อย่างน้อยเราก็ยังคบกับนายเป็นแฟนโดยที่ไม่สนเรื่องหน้าตาเลย คนอื่นก็คงมีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน!” ขมิ้นตอบกลับผม
 
เอิ่มม! ก็จริงของเธอนะ!
 
ความหึงของขมิ้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมแทบจะเป็นขอนไม้จริงๆ เพราะมองอะไรไม่ได้อีกเลย...นอกจากเธอคนเดียว
 
“เมื่อกี้...แอบมองน้องผมสั้นเหรอ?” ขมิ้นทำตาเขียวใส่ผม แม้ว่าผมแทบจะมองแต่พื้นดินเวลาเดิน
 
“มีแฟนสวยๆแบบนี้ เราจะไปมองใครได้อีก” ผมใช้ไม้ตายทันที
 
“ดีมาก! แล้วก็ออกมาห่างๆจากตรงนั้นด้วย!” ขมิ้นออกคำสั่งผมอีกครั้ง
 
“ทำไมล่ะ!” ผมมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นจะมีสาวๆคนไหนอยู่ใกล้
 
“มันใกล้หมาตัวนั้น! มันเป็นตัวเมีย” ขมิ้นยิ้มใส่ผมราวกับเป็นเผด็จการ
 
และแล้วความอดทนของผมก็ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อพวกเราถึงช่วงฝึกงานที่ต้องเลือกสถานที่และออกไปฝึกงานจริงๆ ผมยื่นคำขาดขอไปฝึกงานคนเดียว ซึ่งเป็นช่วงเดียวที่ผมตัดสินใจห่างจากขมิ้น
 
แม้เธอจะใช้อำนาจความเป็นแฟนข่มขู่ผมหรือบีบน้ำตาแบบนางเอก ผมก็ยังยืนยันคำเดิม
 
“ขมิ้นแกเคยบอกเราว่า ชอบเราเพราะเราใจดีชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ตอนนี้ความเป็นตัวเราที่แกเคยชอบในอดีตมันกำลังจะหายไป เพราะความขี้หึงของแก”
 
“แกไปฝึกงานกับเพื่อนที่เชียงใหม่เถอะ ส่วนเราจะไปฝึกงานในไร่ส้มที่เพชรบูรณ์คนเดียว ห่างกันแบบนี้บางทีเราอาจรู้ใจตัวเราเองมากขึ้น ว่าจริงๆแล้วเรารักกันเพราะชื่นชมในตัวของอีกฝ่ายหรือแค่ผูกพันธ์เพราะความใกล้ชิดกันแน่”
 
ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดออกไปในวันนั้น และพยายามไม่เจอหน้าของขมิ้นอีก!
 
ท่ามกลางความรู้สึกที่ปวดใจ..ที่ไม่ได้พบกับขมิ้น!
 
ไม่นาน....พวกเราก็ถึงกำหนด ที่จะต้องแยกกันไปฝึกงาน!
 
...................
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 13 ระยะห่าง