ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 19 คำตอบ
ในที่สุด! คำตอบที่ผมรอมานานก็ดังขึ้น
 
“ธีย์!......”
 
น้ำหวานเรียกชื่อผมก่อนนิ่งไปสักพัก ทำเอาหัวใจผมเต้นรัวอีกครั้งหนึ่ง
 
“รู้ตัวช้าจังเลยนะ! เรารอให้ธีย์เป็นผู้ชายคนนั้นมานานแล้ว” เมื่อเธอพูดจบใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้าของเธอก็เผยรอยยิ้ม
 
ทันใดนั้น! ความอึดอัดทั้งหมดที่ผมแบกไว้ก็สิ้นสุดลง จนผมเข่าอ่อนเพราะหมดแรง
 
“ธีย์! เป็นอะไรมากไหม?” น้ำหวานตกใจและรีบวิ่งเข้ามาประคองผม ที่กำลังเข่าอ่อน
 
“ตอนแรกก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ตอนนี้เป็นแล้ว..” ผมตอบน้ำหวานเหมือนคนหมดแรง
 
“เป็น..เป็นอะไรมากไหม?” น้ำหวานตกใจและถามผม
 
ก่อนที่ผมมองเธอแล้วยิ้ม พร้อมพูดว่า
 
“ก็ตอนนี้....เราคงเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?” ผมมองหน้าน้ำหวานที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงและเอามือทุบผมเบาๆเพื่อแก้เขิน
 
ลาก่อนนะ.....เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของผม
 
เพราะตอนนี้....ผมก้าวข้ามคำว่าเพื่อนมาเป็นแฟนกันแล้ว
 
ไชโย! ๆ ๆ
 
....................................
 
หลังจากวันที่ผมและน้ำหวานตกลงเป็นแฟนกัน โลกของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
 
ทุกๆ วันมันกลายเป็นวันแห่งความสุข ที่ได้ทำงานและอยู่ด้วยกันทุกวัน
 
เราพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เข้าใจกันและช่วยเตือนเรื่องนิสัยที่ไม่ดีของกันและกัน ทำให้ดูแตกต่างจากรักที่ผ่านมาของผม
 
และทำให้ผมรู้ว่าความรักที่เราเป็นตัวของตัวเองโดยมีคนเข้าใจ มันมีความสุขมากแค่ไหน
 
หนึ่งปีหลังจากที่ผมและน้ำหวานคบกันเป็นแฟน ในช่วงเทศกาลหยุดยาวช่วงสงกรานต์
 
ผมก็พาน้ำหวานไปพบกับครอบครัวที่กรุงเทพ ซึ่งทำให้พ่อกับแม่ต่างตกใจมากเพราะร้อยวันพันปีผมไม่เคยพาแฟนคนไหนมาแนะนำเลย
 
พอพามาครั้งนี้ ก็เรียกว่าแตกตื่นกันทั้งหมู่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่น้องสาวของผม
 
“พ่อ! เจ้าธีย์มันไม่ได้ทำของใส่หนูคนนี้ใช่ไหม ไม่งั้นเด็กสาวที่น่ารักนิสัยดีแบบนี้จะมาชอบไอ้ลูกไม่เอาถ่านของเราได้อย่างไร” แม่ผมแอบกระซิบกับพ่อตอนอยู่ในครัว
 
“แหม! แม่ก็...มันก็ต้องได้เชื้อพ่อมันบ้างแหละ ขนาดแม่เองสมัยสาวๆมีคนมาจีบตั้งเยอะ ยังมาหลงเสน่ห์พ่อเลย จำไม่ได้เหรอ?” พ่อผมคุยอวดกลับ
 
“ก็แหม! ตอนนั้นพ่อเล่นนั่งคุกเข่าขอความรักอยู่กลางถนนนี่ แม่อายคนอื่นเค้าก็ต้องรับรัก คนบ้าชอบพูดเรื่องเก่าๆอยู่เรื่อย เค้าอายนะ” แม่ผมทำหน้าแดงแล้วบิดตัวด้วยความเขินอาย
 
“ไม่ต้องอายหรอก ก็ตอนนั้นแม่สวยจริงๆ พ่อเลยต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อขอความรัก บางทีเจ้าธีย์กับน้องสาวมันอาจจะอยากได้น้องอีกคนก็ได้นะ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้.....” พ่อพูดจีบแม่อีกรอบแล้วทิ้งท้ายพร้อมมองแม่ด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม
 
“คนบ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้ เค้าเขินนะ” แม่พูดแล้วก็ทำท่าเขินเหมือนสาวๆ
 
และแล้วทั้งคู่ก็ได้สติ เมื่อมีเสียงลอยแว่วเข้ามาในหู
 
“เอ้าๆ! มันแต่จีบกันอยู่นั่นแหละ เย็นนี้จะได้กินข้าวไหมนี่ คนอื่นเค้าหิวนะ ทำกับข้าวห้านาทีแล้วก็จีบกันอีกครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวหนูบอกพี่ธีย์ให้ไปกินข้าวข้างนอกก็ได้นะ ปล่อยพ่อกับแม่ไว้ที่บ้านกันสองคน เผื่อหนูจะได้มีน้องคนเล็กเพิ่มอีก” เสียงน้องสาวผมที่กำลังช่วยตำน้ำพริกดังขึ้น
 
ต้องขอบคุณเสียงนี้ที่ช่วยดึงพ่อกับแม่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง หลังจากคิดว่าห้องครัวเป็นโลกสีชมพู
 
เพราะไม่นาน พวกเราก็ได้กินมื้อเย็นกันพร้อมกับน้ำหวานเป็นครั้งแรก
 
น้ำหวานเข้ากับครอบครัวผมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับน้องสาวผม ทั้งสองคุยกันได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องแฟชั่นและนินทาผม
 
“นี่ถ้าพี่ธีย์ไม่ใช่พี่ชายหนูนะ หนูจะยุให้พี่น้ำหวานเลิกคบแล้วไปคบคนอื่นดีกว่า สวยน่ารักและนิสัยดีแบบพี่น้ำหวาน หาได้ดีกว่าพี่ชายหนูเยอะเลย”
 
เอิ่มมม! บางทีผมก็อยากบอกน้องสาวผมบ้างว่า เกรงใจพี่ชายบ้างก็ได้นะ เบาได้เบา!
 
น้ำหวานเข้ากันได้ดีทั้งครอบครัวของผม เพื่อนฝูงหรือคนรอบตัว เรียกได้ว่าทุกคนรักและชื่นชอบในตัวของเธอหมด ทำเอาผมดีใจมากที่พรหมลิขิตช่วยให้ผมได้พบกับเธออีกครั้งและได้เป็นแฟนกัน
 
จนผมเริ่มมองอนาคตร่วมกับเธอและวางแผนที่จะขอน้ำหวานแต่งงานในอีกไม่กี่ปี
 
แต่ติดอยู่แค่เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ.....ครอบครัวของเธอ!
 
ครอบครัวของน้ำหวานเป็นคนไทยเชื้อสายจีนและมีน้ำหวานเป็นลูกสาวคนเดียว
 
ป๊ากับม้าของน้ำหวานเป็นคนใจดีก็จริง ทั้งคู่ตามใจน้ำหวานทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องของการหาคู่ครองให้ลูกสาวแล้วล่ะก็
 
ทั้งคู่....จะกลายเป็นหนังคนละม้วน
 
“หวานจะเลือกแฟนเองไม่ได้! ป๊ากับม้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ป๊ากับม้าจะขอกับหวาน ผู้ชายสมัยนี้มันหาคนดีๆยาก หวานเป็นลูกคนเดียวป๊ากับม้าห่วงเรื่องนี้มากและขอหาคนดีๆมาให้เอง”
 
พ่อของน้ำหวานจะโมโหทุกครั้งที่น้ำหวานพูดเรื่องแฟน
 
นั่นเฉพาะแค่ลูกสาวพูดว่าอยากหาคู่ครองเองนะ ยังไม่รวมกับเรื่องใหญ่ที่ผมเองก็เพิ่งรู้ที่หลังเช่นกัน
 
ว่าที่บ้านของน้ำหวาน...ปฏิญาณเรื่องคู่ครองของน้ำหวานไว้ว่า.....
 
ลูกเขยบ้านนี้ จะต้องเป็น "คนไทยเชื้อสายจีน" เหมือนกัน
 
ไม่ใช่คนไทยแท้แบบผม!! เพราะ "คนไทยขี้เกียจ"
 
นั่นก็คือหนึ่งในสาเหตุ ที่ทำให้ผมยืนขาสั่นอยู่หน้าบ้านของน้ำหวานที่ภาคใต้
 
เพราะหลังจากที่เราตัดสินใจ คบกันเป็นแฟนมาสามปี
 
นี่เป็นครั้งแรก! ที่เธอพาผมมาพบกับครอบครัวของเธอ!
 
.............................
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 20 ความรักกับครอบครัว