คงไม่ต้องบอกว่าเมื่อฉันเห็นหน้าผู้ชายคนแรกในวันนั้นจะเป็นอย่างไร
“รูปหล่อ! มาซื้อของหรือ ขอเบอร์หน่อยได้ไหมคะ ครั้งหน้าเราจะได้มาซื้อของที่ร้านอาม่าพร้อมกัน” นั่นไงอาการโรคตกหลุมรัก รุนแรงระยะสั้นของฉันกำเริบอีกแล้ว
อาการนี้กำเริบทีไร ฉันก็จะมองผู้ชายคนนั้นเป็นคนหล่อ แม้ว่าชีวิตจริงอาจจะขี้เหร่ก็ตาม
“เอ่อ! คุณไปอะไรหรือเปล่าทำไมท่าทางแปลก ๆ ” ชายหนุ่มคนนั้นตกใจ เมื่อเห็นฉันมีท่าทางเหมือนเมายา
“ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่ตอนนี้คอแห้ง เราไปหาร้านกาแฟแถวนี้ แล้วสั่งอะไรมากินกันดีไหมคะ จะได้ทำความรู้จักกันด้วย” ฉันส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้ชายหนุ่มเบื้องหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีงานต่อ ขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธฉัน แล้วหันหลังกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาที่มีโลโก้ของบริษัทเดลิเวอรี่เจ้าหนึ่ง ก่อนสวมหมวกกันน็อคแล้วสตาร์ทรถหนีไปทันที
ส่วนตัวฉันนั้นหรือ เมื่อรั้งชายหนุ่มไว้ไม่ได้ ก็พยายามวิ่งตาม แต่ก็สู้ความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ จึงอุ้มเจ้าข้าวตูแล้วโบกแท็กซี่ทันที!
“พี่ตามรถมอเตอร์ไซค์ข้างหน้าไปเลย เค้าขโมยของค่ะพี่” ฉันเปิดประตูรถแล้วออกคำสั่งกับคนขับทันที
“ได้เลยครับ สมัยนี้มิจฉาชีพเยอะจริง ๆ เดี๋ยวผมจัดการตามตัวให้ครับ” คนขับแท็กซี่รับคำ แล้วเหยียบคันเร่งมิดทันที
แม้มอเตอร์ไซค์ของชายหนุ่มจะซอกแซกและทิ้งห่าง แต่พี่คนขับก็โชว์สกิลการขับที่เหนือชั้น ทั้งปาดซ้ายแซงขวา แถมยังมีการดริฟท์โชว์เหมือนหนังแอคชั่นในฉากไล่ล่าที่ฉันเคยดู
ตอนนี้รถแท็กซี่กวดไล่รถมอเตอร์ไซค์ข้างหน้าทันแล้ว ห่างกันอยู่แค่ไม่กี่เมตร พร้อมด้วยด้านหลังที่ตามมาด้วยรถตำรวจหลายคัน
“นั่งดีๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะเร่งแซง แล้วปาดหน้าบังคับให้มอเตอร์ไซค์จอดให้ได้” พี่คนขับฉีกแซงขวา เร่งเครื่องมากขึ้น...มากขึ้น....มากขึ้น.........
และแล้ว!...รถมอร์เตอร์ไซค์เป้าหมายก็เร่งแซงหายไป
“โถ่พี่! อีกนิดเดียวเอง แล้วพี่จอดทำไมล่ะ กำลังจะแซงแล้วปาดหน้าได้อยู่แล้ว!” ฉันถามพี่คนขับที่ตอนนี้จอดรถอยู่ข้างทางและทำท่าเหมือนหมดเรี่ยวแรงจากการขับรถ
“แก็สหมดน่ะครับ!” พี่คนขับตอบและยิ้มแห้ง ๆ
ฉันทำหน้าเซ็งก่อนจ่ายค่ารถ แล้วเรียกรถคันใหม่ เมื่อได้รถคันใหม่แล้วพี่คนขับคันเดิมก็ตะโกนถามมาว่า
“น้องครับ! คนขับรถมอเตอร์ไซค์เมื่อกี้ ขโมยของอะไรไปครับ น้องไปแจ้งตำรวจก่อนได้เลยนะ”
ฉันเห็นความทุ่มเทและใส่ใจของพี่คนขับมาก จึงตะโกนตอบกลับไปว่า
“ขอบคุณค่ะ! คงไม่ต้องถึงตำรวจหรอก เพราะเค้าแค่ขโมยหัวใจของหนูไปค่ะ!”
“.............” คนขับแท๊กซี่
...............................
“แล้วหลังจากนั้น คุณทับทิมทำอย่างไรต่อคะ?” หมอขวัญถามฉันต่อ ขณะที่นั่งฟังพร้อมยัยเมย์อย่างลุ้นระทึกเหมือนกำลังขาดช่วง
“หนูก็กลับบ้าน แล้วโทรสั่งอาหารจากแอพเดลิเวอร์รี่เจ้านั้นทุกชั่วโมง เผื่อจะได้เจอกับผู้ชายคนนั้นค่ะ แต่แล้ว....ก็ไม่เจอ” ฉันเล่าพลางนึกถึงอาหารกองใหญ่เหมือนเนินเขา ที่ตั้งอยู่ในบ้าน
“จนกระทั่งถึงตอนเช้า ที่ปกติแล้วความรู้สึกตกหลุมรักต้องหายไป แต่ตอนนี้หนูยังรู้สึกกับผู้ชายคนนี้เหมือนเดิมและยังจำเค้าได้ค่ะ ก็เลยโทรหาคุณหมอกับเมย์นี่แหละค่ะ” ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดเรียบร้อย
“นี่ถือว่าเป็นข่าวที่ดีนะคะ แสดงว่าการรักษาเริ่มจะดีขึ้น แต่หมอขอทดสอบอะไรบางอย่างอีกนิดนะคะ เพื่อจะได้ประเมินการรักษาได้แม่นยำขึ้น” หมอขวัญพูดขึ้น
หมอขวัญเริ่มให้ผู้ชายเข้ามาในห้อง ก่อนพาฉันไปรอบ ๆ โรงพยาบาลเพื่อเจอกับผู้ชายคนอื่นๆ ซึ่งผลสรุปว่า....
ฉันยังคนหลงรักผู้ชายคนเมื่อวานเหมือนเดิม และจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ
“แม้หมอจะไม่รู้ว่าอาการตกหลุมรักครั้งนี้จะอยู่ได้กี่วัน แต่ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ที่ตอนนี้คุณทับทิมจะสามารถใช้ชีวิตในสังคมปกติได้แล้ว เพียงแต่ขอให้ระวังช่วงแรก ๆ ก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าอาการตกหลุมรักนี้จะกลับมาใหม่อีกหรือไม่”
“ส่วนการหลงรักผู้ชายคนเมื่อวาน เดี๋ยวหมอจะช่วยบำบัดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่วินิจฉัยโรคเก่าให้หายเรียบร้อยก่อนนะคะ ” หมอขวัญผู้ซึ่งมองเรื่องความรักเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่ง บอกข่าวดีกับฉัน
เย็นวันนั้น! เป็นครั้งแรกที่ฉันสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนคนทั่วไป ฉันสามารถไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนได้ อย่างไม่ต้องกลัวอีกต่อไป
ความสุขในการใช้ชีวิต...กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
“เมย์แกว่าถ้าฉันเลิกหลงรักผู้ชายคนนี้ แล้วอาการเดิมกลับมา ฉันควรจะทำอย่างไรดีวะ?” ฉันพูดกับยัยเมย์เพื่อนซี้
“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ! ว่าควรปล่อยให้แกหลงรักผู้ชายคนนี้เหมือนเดิม หรือควรให้แกกลับมาเป็นอย่างเดิมดี แต่อย่างน้อยช่วงนี้ แกก็ยังได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมนะ” ยัยเมย์พูดตอบ
ใช่แล้ว! ตอนนี้....ฉันยังหลงรักผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ทั้งที่ไม่รู้จักชื่อหรือที่อยู่ของเขา แถมยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่.....ความรู้สึกนี้มันจะหายไป
“บางทีการหลงรักใครสักคน ที่นานมากกว่าหนึ่งวัน...ก็ทำให้ฉันรู้สึกมีคุณค่าขึ้นนะ แม้รู้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงก็ตาม” ฉันพูดขณะที่นั่งมองผู้คนมากมายเดินผ่านหน้าร้านกาแฟ หลายคนที่เดินผ่านเป็นคู่รักที่กำลังมีความสุข
ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า...
ถ้าฉันเป็นหนึ่งในคู่รักเหล่านี้ ชีวิตของฉันจะมีความสุขมากขนาดไหน?
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันก็โทรหายัยเมย์แต่เช้า
“ฮัลโล! เมย์แกตื่นหรือยัง?”
“ตื่นตอนแกโทรนี่แหละ! วันนี้แกยังหลงรักผู้ชายคนนั้นอยู่ไหม หรือหายไปแล้ว?”
“ยังรู้สึกเหมือนเดิม เมย์! ฉันตัดสินใจได้เรื่องหนึ่งแล้วล่ะ!”
“แกตัดสินใจเรื่องอะไร อยากไปเที่ยวตอนนี้เหรอ ก็ดีนะ แกไม่ได้ไปเที่ยวข้างนอกมาหลายปีแล้ว” ยัยเมย์ตอบกลับ
“ฉันไม่ได้อยากเที่ยว! แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่า....”
“ฉันจะตามหาตัวผู้ชายคนนั้น! และอยากคบผู้ชายคนนั้นเป็นแฟน”
“หา!...แกว่าไงนะ!!!!” ยัยเมย์ตกใจกับการตัดสินใจของฉัน