“ข้าวตู! วันนี้เราไปโรงพยาบาลกัน แต่แกต้องนั่งรอข้างนอกนะ!” ฉันลุกขึ้นจากเตียงแล้วบอกเจ้าข้าวตู ที่อยู่ใกล้ ๆ
เจ้าข้าวตูเห่าแล้วทำหน้าดีใจ มันทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่ง แล้วรีบไปจัดการตัวเองในห้องน้ำทันที เพราะอยากไปเที่ยว
บางทีฉันก็แอบรู้สึกว่า มันฉลาดเหมือนกันนะนี่
“บ้าน่า..ถ้ามันล็อคประตู ทำกับข้าวกับซักผ้าได้สิ ถึงจะเรียกว่าฉลาด” ฉันคิดในใจ ก่อนจะลุกขึ้นจัดการตัวเองเพื่อเตรียมจะออกไปที่โรงพยาบาล
เมื่อวาน...หลังจากคุยกับนายภูผาเรียบร้อย พวกเราก็ติดต่อโรงพยาบาลเรื่องนี้โดยผ่านทางหมอขวัญ
หมอขวัญช่วยจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำและประสานกับโรงพยาบาลเดิม ให้มาส่งตัวได้ในตอนเช้าวันนี้
ตอนที่ภูผาโทรมาปลุก ก็น่าจะเป็นช่วงที่ส่งตัวเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ส่วนฉันวันนี้มีนัดกับหมอขวัญเพื่อตรวจอาการ จึงอยากไปดูด้วยว่าเรื่องแม่ของนายภูผาเป็นอย่างไรบ้าง
นี่ฉันคงต้องซื้อของฝากไปเยี่ยมในฐานะ ว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยไหมนี่!
...........................
ณ โรงอาหาร ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในช่วงเที่ยง
ขณะที่นายภูผากำลังนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น
“สวัสดีค่ะพี่ภูผา ขอนั่งทานข้าวตรงนี้ด้วยนะคะ” เหมือนฝัน...หญิงสาวรุ่นน้องที่แอบชอบภูผาและเคยมาดูดวงกับฉัน ถือจานสลัดมานั่งที่โต๊ะเดียวกันและทักทาย
“เชิญเลยครับ ตามสบายนะครับ” นายภูผาดูไม่ค่อยสนใจหญิงสาวตรงหน้ามากนัก ตั้งหน้าตั้งตากินเพียงอย่างเดียว
อึมม! ทำตัวน่ารักมาก ไอ้ต้าวน้อยของฉัน
“พี่ภูผาคะ คุณแม่ของพี่เป็นอย่างไรบ้างคะ เห็นได้ข่าวว่าตอนนี้ป่วยอยู่?” เหมือนฝันถามขึ้นขณะที่กำลังตักผักสลัดอย่างบรรจง
ถ้าไม่อคติกับนาง ฉันก็ต้องบอกว่าท่าทางการตักผักสลัดนี้ ช่างดูดัดจริตและรักษามารยาทเกินงาม อย่างว่าแหละ มาอ่อยผู้ก็ต้องรักษามาดกันบ้าง
“ก็ไม่เป็นอะไรมากครับ เมื่อเช้านี้เพิ่งย้ายไปโรงพยาบาลใหม่” นายภูผาตอบสั้น ๆ
“แล้วย้ายไปโรงพยาบาลไหนคะ เหมือนฝันมีญาติเป็นคุณหมอเผื่ออาจจะช่วยคุยกับคุณหมอที่นั่นให้ดูแลเป็นพิเศษได้” เหมือนฝันถามอีก
“บังเอิญจังเลยค่ะ คุณอาของเหมือนฝันก็เป็นผู้อำนวยการอยู่ที่นั่น แล้ววันนี้พี่ภูผาจะไปเยี่ยมคุณแม่ด้วยไหมคะ เหมือนฝันจะได้พาไปหาคุณอาให้ช่วยดูแลให้เป็นพิเศษ ” เหมือนฝันทำหน้าดีใจที่รู้ว่าเป็นโรงพยาบาลนี้และเสนอความช่วยเหลือ
“ก็ต้องไปเยี่ยมอยู่แล้วครับ พี่ขี่มอเตอร์ไซค์ไป น้องคงซ้อนไม่สะดวก ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะครับ แต่คงไม่ต้องลำบากรบกวนน้องหรอก เพราะตอนนี้แม่ได้ห้องแล้ว น่าจะไม่ต้องห่วงอะไร”
“ไม่ได้นะคะ! เรื่องนี้ถ้ามีคนรู้จักข้างในคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้ การรักษาจะเร็วกว่าและดีกว่า อีกอย่างเหมือนฝันก็นั่งมอเตอร์ไซค์วินมาเรียนบ่อยอยู่แล้ว เรื่องซ้อนท้ายไม่เป็นปัญหาค่ะ” เหมือนฝันตอบนายภูผา
แหม! ยัยคนนี้ เล่นปิดการขายแบบไม่ยอมให้ปฏิเสธเลยจริง ๆ
นายภูผาทำท่าคิดสักพัก ก่อนจะตกลงและนัดเหมือนฝันเจอในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเพื่อไปโรงพยาบาลพร้อมกัน
..............................
แม้อยู่ในโลกโซเชียล ฉันจะเป็นแม่หมอสาวพราวเสน่ห์ ที่แต่งตัวหรูหราและดูดีจากการใช้แอพ แต่ชีวิตจริงฉันแต่งตัวธรรมดา ๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ น้ำหอม เครื่องสำอางก็ไม่ได้ใช้ อุปกรณ์ดูแลผิวเพียงอย่างเดียวก็คือสบู่เบนเนท เอ็กซ์ตร้า ไวท์ สีม่วงนี่แหละ ที่ใช้ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทั้งล้างหน้าและถูตัว บางครั้งฉันก็เอามาสระผมด้วย!
ก้อนเดียวจะสารพัดประโยชน์ไปไหนนี่!
แต่ถึงจะใช้แค่สบู่ก้อนเดียว ยัยเมย์เพื่อนฉันก็ยังทึ่ง เพราะหน้าของฉันไม่มีสิวเลยแถมผิวยังขาวผ่องเป็นยองใย
นั่นก็เป็นข้อดีข้อเดียว ที่ทำให้ฉันยังพอใจกับร่างกายนี้อยู่บ้าง ถ้าไม่นับเรื่องหน้าตาบ้าน ๆ และอกที่แฟบเหมือนไม้กระดาน
ถ้าไม่ได้ไว้ผมยาว มองไกล ๆ อาจคิดว่าฉันเป็นผู้ชาย
เอาน่า!..วันนี้อาจจะเจอนายภูผา ฉันทาแป้งเด็กไปหน่อยแล้วกัน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวฉันก็กินข้าวและเตรียมคิวนัดหมายสำหรับลูกค้าที่จะดูดวงเสร็จ ฉันก็เตรียมออกไปโรงพยาบาลในช่วงบ่ายพร้อมเจ้าข้าวตู
เมื่อถึงเวลาเดินทาง ยัยเมย์เพื่อนฉัน ก็เป็นคนขับรถมารับเช่นเคย
“ทับทิม! แกนี่สุดยอดจริง ๆ ว่ะ โคตรบ้าเลยที่บุกไปหาผู้ชายที่ไม่รู้จัก แล้วจ้างมาเป็นแฟนสามเดือน”
“ก็ฉันไม่ชอบอะไรที่ชักช้าและอ้อมไปอ้อมมา เลยเข้าไปพูดตรง ๆ ก็เท่านั้นเอง” ฉันบอกยัยเมย์
“แล้ววันนี้นายภูผานั่น จะมาเยี่ยมแม่ของเขาไหม?”
“ก็น่าจะมานะ เพราะดูเขารักแม่ของเขามาก เย็นนี้อาจจะได้เจอกัน จริงสิ! เดี๋ยวแกแวะซุปเปอร์ก่อนถึงโรงพยาบาลด้วยนะ ฉันอยากซื้อผลไม้ไปฝากแม่ของเขาหน่อย ”
“ได้สิ แหม! แกนี่ทำคะแนนจังเลยนะ ก็ดีนะเผื่อวันนี้ฉันจะได้เห็นหน้านายภูผานั่นเสียที เห็นแกบอกว่าหล่ออย่างนั้นอย่างนี้ จะได้รู้ว่าแกไม่ได้มโนไปเอง” ยัยเมย์ตอบตกลงและอยากเห็นหน้าของนายภูผาเหมือนกัน
เมื่อพวกเราถึงโรงพยาบาล ฉันก็สั่งให้เจ้าข้าวตูนั่งรออยู่ข้างหน้าตึก เพราะโรงพยาบาลห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป มันตะเบ๊ะรับคำสั่ง แล้วนั่งรออย่างว่าง่าย พลางทำสีหน้ามีความสุขที่ได้เห็นผู้คนเดินไปมา
บางทีฉันก็สงสัย ว่าทำไมมันชอบออกมาข้างนอกแล้วนั่งรอเฉย ๆ แต่ไม่นานฉันก็ได้คำตอบ
“แม่คะ! ตรงนั้นมีหมาน่ารักด้วย หนูเอาขนมไปให้มันนะคะ” เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งเอาขนมมาให้เจ้าข้าวตูและเล่นกับมันอยู่พักหนึ่ง ขณะที่เด็กน้อยจากไป เจ้าข้าวตูก็โบกมือให้อย่างฉลาด
ข้าวตูแกก็อยู่เป็นนะนี่! ใช้ได้ๆ
ส่วนฉันเมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็ได้ถึงคิวตรวจกับหมอขวัญ
“ถ้าอาการของคุณทับทิมจะกลับมาเป็นอีกหลังจากสามเดือนจริง ต่อไปหมอคงต้องเอาดวงคนไข้คนอื่นไปดูด้วยแล้วล่ะ เรามาลองดูกันนะว่าจะเป็นตามนั้นหรือปล่าว แต่ถึงโรคนี้จะกลับมา หมอก็ขอให้คุณทับทิมอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะ มันต้องมีทางรักษาแน่นอน” หมอขวัญพูดให้กำลังใจฉัน
หลังจากที่ตรวจเสร็จเราก็คุยกันถึงเรื่องแม่ของนายภูผา ซึ่งตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยเรียบร้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หมอวิทเป็นเจ้าของไข้ สามารถรักษาได้แน่นอน แต่ครั้งนี้คุณทับทิมเลือกตกหลุมรักได้ถูกคนนะ หล่อเกาหลีมาก หมอเห็นแล้วยังเคลิ้มเลย” หมอขวัญแซวฉันก่อนที่เราจะแยกกัน
ฉันชวนยัยเมย์นั่งรอในโรงพยาบาลสักพัก แล้วส่งข้อความหานายภูผาว่าวันนี้จะมาเยี่ยมแม่กี่โมง เพราะฉันซื้อของมาเยี่ยมด้วย ไม่นานก็ได้รับข้อความตอบกลับมา
“กำลังจอดรถ ไปรอที่หน้าห้อง 139 ได้เลย”
เมื่อได้รับข้อความ ฉันก็ชวนยัยเมย์เดินไปที่ห้อง 139 ที่แม่นายภูผารักษาตัวอยู่
แต่แล้ว..ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนตึก สายตาของฉันก็มองไปที่ลานจอดรถด้านนอก แล้วก็พลันเห็นภาพบาดตาที่ทำให้เจ็บแปลบที่หัวใจ