“วันนี้เป็นแรกในการร่วมทีมกัน"
"ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณทั้งสามท่าน ที่มาในภารกิจครั้งนี้” ผู้กององอาจกล่าวต้อนรับ “ทีมผู้นำทาง” ที่ผ่านการคัดเลือกทั้งสามคน
เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผู้ร่วมทีมที่ผ่านการคัดเลือก ขณะเดียวกันผู้กององอาจก็ให้พวกเราแนะนำตัวเอง
คนแรกที่เริ่มต้นแนะนำตัว เป็นชายหนุ่มที่มีลายสักเต็มตัว รูปร่างสูงโปร่ง ศีรษะโล้น เจาะหูและจมูก แต่งตัวเหมือนพวกพังค์
“สวัสดีครับ ผมชื่อ “เรน” อายุสามสิบปี เป็นผู้ใช้ศาสตร์จิตสัมผัส ชื่อในวงการคือ “เรนผู้หยั่งรู้” ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผู้ชายคนแรกแนะนำตัวเองด้วยความสุภาพแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ฉันเห็น
“สวัสดีครับ ผมชื่อ “คง” อายุห้าสิบปี เป็นผู้ใช้ศาสตร์ยามสามตา ชื่อในวงการคือ “พ่อหมอสามตา” ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” คนที่สองฉันรู้จักดี เพราะคือพ่อหมอสามตาที่ฉันเคยไปใช้บริการและเป็นเพื่อนกับพ่อของฉัน
พ่อหมอสามตาแนะนำตัวเสร็จก็หันมายิ้มและยักคิ้วให้ฉันเพื่อทักทาย
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อทับทิม อายุยี่สิบปี เป็นผู้ใช้ศาสตร์ดาราพยากรณ์ ชื่อในวงการคือ “แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยาม” ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ” ฉันเองก็แนะนำตัวเหมือนคนอื่นเช่นกัน
หลังแนะนำตัวเสร็จ ผู้กององอาจก็พูดถึงแนวทางการทำงานและรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี
“ผมขอให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามเผยแพร่เด็ดขาด ส่วนประวัติของพวกคุณและภารกิจที่ร่วมกับเราก็จะเป็นความลับเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณทุกคน” ผู้กององอาจย้ำกับพวกเรา
“วันนี้เราจะเริ่มจากข้อมูลในแฟ้มและของที่ได้มาจากที่เกิดเหตุบางส่วนก่อน เพื่อดูว่าพวกคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง” ผู้กององอาจให้คนนำข้อมูลและสิ่งของมากมายมาวางบนโต๊ะ
“พวกคุณมีเวลาถึงช่วงเย็น ขอให้ทำเต็มที่!”
หลังจากผู้กององอาจบอกให้เริ่มงาน พวกเราก็ประชุมและแบ่งงานตามที่ถนัด
“ผมสามารถทำนายได้ถ้าไปที่สถานที่จริง แต่จะขอลองก่อนกับภาพถ่ายของสถานที่เกิดเหตุ” หมอเรนอธิบายให้ทีมงานฟัง
“ผมสามารถใช้ศาสตร์ยามสามตาหาความเชื่อมโยงของผู้คนกับสิ่งของได้ ผมจะลองใช้กับหลักฐานพวกนี้” พ่อหมอสามตาอธิบายบ้าง
“หนูต้องใช้วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากในการทำนาย ข้อมูลของผู้เสียชีวิตเหล่านี้น่าจะพอช่วยได้” ฉันพูดอธิบายให้ทุกคนรู้
จากนั้นพวกเราก็แยกกันทำงานคนละห้อง เพื่อให้มีสมาธิในการทำนายโดยมีทีมงานของหน่วยสืบสวนช่วยเหลือ
“ห้องที่หนึ่ง หมอเรนและภาพสถานที่เกิดเหตุ”
หมอเรนใช้มือจับไปที่ภาพถ่ายของสถานที่เกิดเหตุแห่งหนึ่ง ก่อนส่งกระแสจิตเพื่อหาข้อมูล
ตอนนี้ทีมงานในห้องที่หนึ่งกำลังรอคอยว่า ผลจากการใช้รูปถ่ายจะสำเร็จหรือไม่
“ห้องที่สอง พ่อหมอสามตาและของที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ”
พ่อหมอสามตาใช้มือแตะไปที่สิ่งของต่าง ๆ ที่ตำรวจรวบรวมมา ว่าจะมีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง แม้การที่ต้องใส่ถุงมือเพื่อไม่ให้มีลายนิ้งมือไปติดบนหลักฐานอาจทำให้ความแม่นยำน้อยลง แต่พ่อหมอก็เข้าใจและพยายามลองก่อน
“ห้องที่สาม ฉันและวันเดือนปีเกิดของผู้เสียชีวิต”
หน้าที่ของฉันคืออัญเชิญดวงดาวของผู้เสียชีวิต เพื่อมาสอบถามรายละเอียด ดดยมีเจ้าหน้าที่คอยถามคำถามแต่ละข้อ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใช้ศาสตร์ดาราพยากรณ์กับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
ส่วนผู้กององอาจก็รอฟังผลอยู่อีกห้องหนึ่ง พร้อมประสานงานกับทีมอื่น ๆ ที่กำลังสอบสวนด้านอื่นอยู่
ขณะที่พวกเราพยายามทำนายเกี่ยวกับ “ฆาตกรหมายเลข 6”
บ่ายวันนั้นก็มีข่าวใหญ่เข้ามา!
“ผู้กองครับ มีข่าวมาจากหน่วยของเราว่า มีผู้พบศพหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นฝีมือของฆาตกรหมายเลข 6 ครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งแจ้งข่าวด่วนกับผู้กององอาจในห้อง
“ไป! พวกเรารีบไปดูที่เกิดเหตุกัน” ผู้กององอาจรีบเตรียมทีมงานส่วนหนึ่งออกไปที่เกิดเหตุทันที หลังจากได้รับรายงาน
..................................
ณ โรงงานร้างแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ตอนนี้เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายและสื่อมวลชนที่กำลังทำข่าวและรายงานสด
“สวัสดีค่ะ! ตอนนี้ทีมข่าวสอดรู้นิวส์ กำลังรายงานสดจากที่เกิดเหตุนะคะ มีพลเมืองดีแจ้งว่าพบศพของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะเป็นฝีมือของฆาตกรหมายเลข 6 ที่กำลังโด่งดังและทางการกำลังตามจับอยู่ ตอนนี้......... ”
“บอกนักข่าวให้ออกไปจากที่เกิดเหตุก่อน เดี๋ยวจะทำหลักฐานสำคัญเสียหาย” ผู้กององอาจสั่งการเจ้าหน้าที่ ก่อนเดินมาสมทบกับทีมสืบสวนอีกทีมที่มาถึงก่อน
“ผู้กองสุวัฒน์! ทำไมคุณไม่กันสื่อมวลชนออกไปก่อน?” ผู้กององอาจพูดด้วยความโมโหกับทีมงานอีกทีม ที่ใช้การสืบสวนแบบปกติ
“อ้าว! ผู้กององอาจ คุณมาที่นี่ด้วยหรือ ผมคิดว่าคุณยังอยู่กับพวกพ่อมดหมอผีซะอีก” ผู้กองสุวัฒน์ หัวหน้าของทีมสืบสวนแบบปกติพูดตอบ
ผู้กองสุวัฒน์เป็นหนึ่งในทีมสืบสวนที่แยกไปสืบแบบวิธีปกติ เขาไม่ค่อยชอบผู้กององอาจและเป็นเป็นเหมือนคู่แข่งที่คอยแย่งผลงานตลอด
โดยเฉพาะวิธีที่ผู้กององอาจเสนอ เขาและเพื่อนร่วมงานบางคนก็ค่อนแคะและดูถูก แม้ว่าผู้บังคับบัญชาจะอนุมัติ
“ผมจะอยู่ทีมไหนก็ไม่สำคัญ แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบคดี เพื่อที่จะได้ออกสื่อ คงทำให้คุณละเลยสิ่งที่ควรทำใช่ไหม?” ผู้กององอาจพูดตอบ ก่อนเดินสั่งการทีมงานให้กันสื่อมวลชนออกไปและรีบดูผู้เสียชีวิต
“หึหึ! จบนอกซะเปล่า แต่ก็ยังงมงายเครื่องหมอดู อย่างแกน่ะทำคดีนี้ไม่สำเร็จหรอก” ผู้กองสุวัฒน์พูดขึ้นเบา ๆ ก่อนยิ้มเหยียดด้วยมุมปาก
................................
เมื่อผู้กององอาจมาถึงจุดที่พบศพผู้เสียชีวิต เขาก็ทำหน้าสลด นี่เป็นเหยื่อรายที่ 21 แล้ว ผู้ตายถูกรัดคอจนขาดอากาศ แต่ทุกอย่างดูปกติเหมือนเป็นคนที่กำลังนอนหลับ
“ผู้กองครับ เราทราบประวัติของผู้เสียชีวิตแล้ว เธอเป็นนักศึกษาและมีเพื่อนที่พักอยู่ห้องเดียวกันแจ้งว่าหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย ที่สำคัญคือ.......” เจ้าหน้าที่รายงานแล้วก็หยุดพูด
“มีอะไรก็ว่ามา...ไม่ต้องอ้ำอึ้ง” ผู้กององอาจต่อว่าทีมงาน
“ผู้เสียชีวิตเป็นลูกสาวของทีมนักนำทางคนหนึ่ง ที่ตอนนี้กำลังช่วยเราอยู่ที่หน่วยสืบสวนครับ!”
...........................................