หลังจากที่เซ็นสัญญาที่โรงเรียนไม่กี่วัน ค่ายเพลงของพี่โอมและพี่เบียร์ก็จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโปรเจค T idol ที่ค่ายเพลง xxxxx
พี่โอมคือหนึ่งในผู้บริหารค่ายเพลง ที่เป็นโปรดิวเซอร์มือทอง เรียกได้ว่าปั้นใครก็ดังทุกคน และไม่ใช่แค่ศิลปินไทยนะ แก Go inter ไปโปรดิวส์ให้กับศิลปินระดับโลกมาแล้วมากมาย จนรางวัลเต็มบ้าน และProject นี้คือหนึ่งในความฝันของแก ที่ตั้งใจปั้นศิลปินไทยให้โด่งดังในระดับโลก
โปรเจค T idol นี้จะคัดเลือกเด็กสาววัยรุ่น 50 คนที่มีความสามารถมาร่วมกิจกรรมโดยแบ่งเป็นทั้งหมดสี่รอบ
รอบที่หนึ่งทุกคนต้องแต่งเพลงเองและร้องเอง โดยบริษัทจะเป็นคนช่วยเรื่องภาคดนตรีให้ และให้ผู้ชมโหวตทางออนไลน์เพื่อคัดเลือกเหลือเพียง 25 คน
รอบที่สอง ทางบริษัทจะนำเพลงแรกมามิกซ์ใหม่แล้วให้ผู้ประกวดคิดท่าเต้นของตัวเอง พร้อมถ่ายทำเป็น MV เพื่อให้ผู้ชมโหวตทางออนไลน์เพื่อคัดเลือกเหลือเพียง 10 คน
รอบที่สาม ผู้เข้ารอบต้องแต่งเพลงใหม่เพื่อสะสมคะแนนโหวตสำหรับรอบที่สี่
รอบที่สี่รอบสุดท้าย ผู้เข้ารอบต้องร้องเพลงที่แต่งและแสดงสดถ่ายทอดทาง TV และออนไลน์ เพื่อขอคะแนนโหวต โดยจะนำคะแนนโหวตจากรอบที่สามมารวมด้วย เพื่อตัดสินผู้ชนะ โดยรอบนี้จะได้ร้องเพลงคู่กับนักร้องระดับโลกด้วย
โปรเจคนี้จะใช้เวลาทั้งสิ้นถึงสองปีครึ่ง เพื่อให้ผู้ชมเห็นพัฒนาการของผู้ประกวดและเป็นการสะสมแฟนคลับ ในระหว่างนี้ทางค่ายก็จะส่งคนมาฝึกสอนด้านต่างๆและมีกิจกรรมกับแฟนคลับอยู่ตลอด โดยจะถ่ายทำคลิปเพื่อโปรโมททุกครั้ง
ในวันแถลงข่าวตอนเปิดตัวผู้เข้าร่วมประกวดก็มีฉันและเด็กสาวอื่นๆรวมทั้งหมด 50 คน อยู่ในงานและหนึ่งในนั้นก็คือยัยหลินโจทย์เก่าของฉันเอง
โดยทางค่ายเลือกเพลงที่ฉันแต่งและร้องเอง เป็นเพลงแรกของโปรเจคที่ปล่อยออกมาเพื่อสร้างกระแส ส่วนเพลงของคนอื่นๆก็ทยอยปล่อยออกมาไล่เลี่ยกัน
อันที่จริงฉันก็อยากเข้าวงการนี้เหมือนเด็กสาวคนอื่นๆ ยิ่งเจอกับกองทัพสื่อมวลชนกับฝูงชนที่วุ่นวายแล้ว การได้คนจากค่ายเพลงมาช่วยจัดการให้ก็ถือว่าช่วยให้ชีวิตสงบไปได้มาก
นอกจากเงินเดือนที่ทางค่ายจ่ายให้แล้ว ทางค่ายเพลงยังสอนให้พวกฉันรู้จักการเปิดช่องออนไลน์ของตัวเองเพื่อหารายได้ทางอื่นด้วย ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าการที่มีคนดูช่องเราเยอะๆจะได้รายได้จาก Startube ด้วย ซึ่งถือเป็นตัวเลขรายได้ที่มากโข นี่ยังไม่รวมรายได้จากสปอนเซอร์ที่สนับสนุนโดยตรงด้วยนะ
แหม! หลงให้ดูฟรีซะตั้งนาน
ด้วยรายได้ที่งามและสามารถเริ่มลงทุนได้แค่มีโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กสมัยนี้ไม่ตัดสินใจเรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัย แต่ตัดสินใจเป็น Startuber กันมากขึ้น
เพราะเด็กรุ่นใหม่มองว่าไม่รู้จะเรียนไปทำไม เปลืองเงิน เสียเวลาแถมจบมหาวิทยาลัยก็ยังไม่มีงานทำกันตั้งเยอะ
และสุดท้ายที่ปลายทาง ทุกคนก็ต้องเรียนจบแล้วทำงาน
แถมบางคนขนาดได้เกียรตินิยม ก็ยังเงินเดือนน้อยกว่า Startuber ทั่วไปอีก
แต่ฉันกลับมองว่า Startuber ก็คืองานหนึ่งที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด
Startuber อาจเป็นได้ง่าย แต่ Startuber ที่รายได้สูงและโด่งดัง ก็มีจำนวนไม่มากเหมือนงานปกติทั่วไป มีทั้งคนที่ทำสำเร็จ มีทั้งคนที่ทำได้แบบปกติ
และ....มีทั้งคนที่ทำแล้วล้มเหลว
ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางไหน ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบความฝัน ทุ่มเทและตั้งใจกับสิ่งที่ทำให้เต็มที่ถึงจะสำเร็จ
................................................
“ฉันขอบคุณตัวเองทุกเช้า......ที่ยังมีลมหายใจ
ที่ให้ตัวฉันนั้น...ทำหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ
ฉันขอบคุณโลกใบนี้ทุกวัน...ที่ทำให้ฉันได้พบสิ่งดีๆ
แต่สิ่งเหล่านั้นคือเมื่อก่อน ที่ฉันเคยขอบคุณ
เพราะว่า...................
เพราะฉันรู้ว่า...ภายใต้ลมหายใจนี้
มีคุณอยู่ในนั้น.......ฉันจึงต้องขอบคุณ...เธอคนนี้
คนที่ทำให้ฉัน...อยากหายใจ
เพื่อจะมีเธอ........อยู่ตลอดไป...............”
เพลงของฉันดังขึ้นเกือบทุกสถานีหลังถูกทำใหม่ โดยค่ายของพี่โอมและพี่เบียร์ และขึ้นครองอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงทันที ขณะที่เพลงของผู้ประกวดคนอื่นๆก็กำลังไต่ชาร์ตขึ้นมา
ฉันมาโรงเรียนตามปกติ เหล่าแฟนคลับก็มาวุ่นวายหน้าโรงเรียนเช่นเคย แต่พี่สาวซาตี้ก็รับมือได้ดีแถมช่วยฉันหารายได้อีกด้วย
“รูปพร้อมลายเซ็นน้องปอร์เช่ห้าร้อยบาท เป็นรูปตอนใส่ชุดคอสเพลย์ที่ไม่เคยมีใครเห็นด้วยนะ” พี่สาวซาตี้คอยขายของที่ระลึกกับแฟนคลับตอนเช้าและเย็นทุกวัน จนตอนนี้รายได้ส่วนนี้เริ่มจะแซงเงินเดือนไปซะแล้ว
“นี่ก็สองเดือนแล้ว! ทำไมยังไม่ย้ายออกอีกนี่!” ฉันแกล้งถามพี่สาวซาตี้
“ก็อยู่กับเจ้ามันสนุกดี แถมได้เงินเยอะเลย เดี๋ยวช่วยค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟนะ ห้องออกจะใหญ่ไม่เหงาบ้างเหรอ?” พี่สาวซาตี้อ้อนพร้อมทำหน้าใสซื่อ
อันที่จริงฉันก็ชอบอยู่กับพี่สาวซาตี้นะ รู้สึกเหมือนมีพี่สาวคนหนึ่ง อยู่คนเดียวก็เหงาจริงๆ แม้จะกวนประสาทบ้างบางครั้ง แต่ทุกครั้งที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของแก แม้จะเป็นกลิ่นหอมจากสบู่เบนเนทปาปาย่าที่ใช้ด้วยกัน แต่ฉันก็รู้สึกว่าหอมต่างกันและรู้สึกปลอดภัย
ในแต่ละคนรอบตัวเรามักจะมีกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งสำหรับฉันกลิ่นของแต่ละคนไม่ได้บอกแค่เหม็นหรือหอม แต่เป็นบรรยากาศที่อธิบายถึงตัวคนๆนั้นไปด้วย
มีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยเรื่องกลิ่นและพบว่า กลิ่นสามารถเชื่อมโยงกับส่วนความทรงจำระยะยาวและอารมณ์ของคน ทำให้เราทำให้คนเรานึกถึงเหตุการณ์ สถานที่หรือบุคคลขึ้นมา เมื่อได้กลิ่นบางกลิ่น
กลิ่นของพี่สาวซาตี้ จะรู้สึกถึง....ความปลอดภัย
กลิ่นของแม่ จะรู้สึกถึง....ความรักความผูกพันธ์
กลิ่นของยาย จะรู้สึกถึง....ความห่วงใยและสนุกสนาน
กลิ่นของสามสาวตระกูล ม ม้า จะรู้สึกถึง...มิตรภาพ แต่ก็มีความแตกต่างกันไปอีกเล็กน้อย
ส่วนกลิ่นของพี่เจมส์ จะรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความสุข
หรือว่า!.....ฉันรักพี่เจมส์เข้าแล้ว
ไม่!.....ไม่!.มันไม่น่าเร็วขนาดนั้น ฉันอาจจะแค่ชอบหรือปลื้มพี่เจมส์เท่านั้น เหมือนศิลปินหรือไอดอลคนหนึ่ง
ทำไมถึงมั่นใจน่ะเหรอ! ....ก็ฉันไม่เคยมีแฟนจะรู้ได้อย่างไรเล่า ว่ากลิ่นของความรักมันเป็นอย่างไร?
..........................
หลังจากงานโรงเรียนจบลง พวกยัยหลินและแก๊งค์ไม้ยมกก็ทำตามสัญญา วิ่งรอบสนามพร้อมตะโกนว่าเป็นจอมสร้างภาพแล้วก็แรด จากนั้นยัยหลินและเดอะแก๊งค์ก็เงียบหายไปไม่มาหาเรื่องพวกฉันอีก
ส่วนพี่เจมส์ เราก็คุยกันมากขึ้น บ่อยครั้งที่พี่เจมส์ชวนฉันไปร้องเพลงให้กับวงของชมรม ฉันก็ตอบตกลงเพราะถือว่าช่วยประชาสัมพันธ์โรงเรียนไปด้วย
“พี่ไม่อยากให้ปอร์เช่ประกวด T idol เลย” พี่เจมส์เอ่ยขึ้นลอยๆ ในวันหนึ่งที่ฉันไปซ้อมร้องเพลงที่ชมรม
“ทำไมล่ะคะพี่เจมส์? หนูว่าก็ดีนะ เผื่อหนูจะได้เลือกเส้นทางนี้เป็นอาชีพ” ฉันถามพี่เจมส์
“ก็พี่เห็นแก่ตัว แค่อยากฟังปอร์เช่ร้องเพลงให้พี่ฟังคนเดียวน่ะครับ” พี่เจมส์ตอบนิ่งๆ แล้วก็เอาของไปเก็บ
ส่วนฉันน่ะเหรอ ยืนหน้าแดงแทบจะม้วนตัวเป็นเกลียวเพราะความอาย อยู่ตรงนั้นตั้งนาน
แหม! นานๆหยอดที ก็ไม่ธรรมดาเลยนะ.....พี่เจมส์
ขณะที่ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆ ก็ถึงช่วงเวลาที่ฉันรอคอย นั่นก็คือช่วง......ปิดเทอมแล้วจร้า! เย้!
ปิดเทอมนี้ฉันตั้งใจกลับบ้านและไปตามหาต้นอาฮวนเพื่อทำภารกิจตามพันธสัญญากับพี่สาวซาตี้ โดยตั้งใจว่าจะพาสามสาวตระกูล ม. ม้าไปด้วยตามที่นัดกัน ซึ่งแน่นอนว่าพี่สาวซาตี้ก็ตามไปด้วยในฐานะผู้จัดการส่วนตัว
แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น....เพราะไม่รู้ว่าข่าวรั่วได้อย่างไรกลายเป็นฉันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกนั่นก็คือ พี่เจมส์และเพื่อน รวมถึง........ยัยหลินพร้อมเดอะแก๊งค์ไม้ยมก!....
ก็เลยไม่รู้ว่าการกลับบ้านครั้งนี้ชีวิตของฉันจะวุ่นวายขนาดไหน........เฮ้อ!
...........................................