สวัสดี...กลิ่นฤดูแห่งความรัก
ตอนที่ 24 จุดหมายของภารกิจ
หลังฉันเล่าเรื่องของยายและความผูกพันธ์กับดอกอาฮวนจบ พี่เจมส์เองก็มีน้ำตาซึมออกมา จนฉันแอบรู้สึกว่าผู้ชายก็มีด้านที่อ่อนไหวเหมือนกัน
 
คืนนั้นฉันอยู่คุยกับพี่เจมส์ทั้งคืน บางทีระยะห่างของคนสองคน อาจร่นระยะลงได้ด้วยการพูดคุย แม้เราไม่เคยคุยกันนานๆ นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าการได้รู้จักใครก็ไม่ได้เป็นเรื่องยาก
 
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำให้บรรยากาศของการคุยกันดูมีความพิเศษมากยิ่งขึ้น
 
คืนนั้นฉันนอนในเต้นท์ขณะที่พี่เจมส์นั่งอยู่ด้านนอกเพื่อคอยระวังพวกสัตว์ต่างๆ และค่ำคืนนั้นก็ผ่านไปด้วยดี
 
แต่ไม่มีใครรู้ว่า ในคืนนั้นตรงต้นไม้ใหญ่ใกล้กับเต้นท์ที่ฉันนอนอยู่มีเงาดำที่รูปร่างเหมือนคนแอบดูอยู่
 
“ยัยหนู! คืนนี้ข้าจะช่วยเฝ้ายามให้ จะไม่ไปเป็นก้างขวางคอเจ้าละกัน” เงาสีดำที่ดูวูบวาบกลับกลายเปลี่ยนเป็นรูปร่างของหญิงสาวกลางคนที่คุ้นเคย ซึ่งหากฉันเห็นก็คงจำได้เพราะนั่นคือร่างของพี่สาวซาตี้นั่นเอง
 
.....................
 
เช้าวันรุ่งขึ้นพรานตรีก็ตามหาเราสองคนจนเจอ และพามาพบกับทุกคนในทีมเดินป่า พรานตรีเล่าว่าหลังจากเกิดเรื่องที่ทุกคนแยกย้าย พรานตรีก็ไล่ตามหาพวกเราได้ทั้งหมดภายในเวลาไม่นาน ยกเว้นฉันและพี่เจมส์
 
พรานตรีบอกว่าได้ลองวิธีสุดท้ายคือทำการเซ่นไหว้เทพารักษ์ และลองเสี่ยงทายดู ผลออกมาว่าพวกฉันปลอดภัย พรานตรีก็เลยพักการค้นหาและตามหาอีกทีในตอนเช้า ซึ่งอันที่จริงฉันไม่ได้อยู่ไกลจากจุดที่ทุกคนอยู่มากนัก
 
เมื่อทุกคนเจอกันครบ พวกเราก็ออกเดินทางต่อ จุดหมายคือต้นอาฮวนป่าที่พรานตรีเคยเห็น ซี่งเป็นจุดพักแรมที่สวยที่สุดของป่าแห่งนี้ ที่พี่เจมส์และพี่แม็กซ์ตั้งใจมา
 
เราเดินทางกันนานหลายชั่วโมง พรานตรีดูแลพวกเราดีมาก เสบียงและน้ำดื่มที่เตรียมมาเพียงพอต่อพวกเรา จนบางทีฉันก็สงสัยว่าสัมภาระที่พวกเราเอามามันจะต้องหนักขนาดไหน ถึงได้มีให้กินได้เพียงพอกับคนสิบกว่าคนได้ตลอดการเดินทาง
 
และแล้วเมื่อถึงช่วงเย็น พรานตรีก็บอกกับพวกเราว่า
 
“พ้นเนินข้างหน้าก็จะเป็นจุดหมายของเราแล้ว ต้นอาฮวนและจุดพักแรมอยู่ข้างหน้านี่แหละ” พรานบุญพูดพร้อมชี้ไปที่เนินด้านหน้า
 
เมื่อได้ยินคำนี้ พวกเราก็มีพลังมากขึ้น และคาดหวังว่าจะได้พักผ่อนหลังจากเดินกันมาทั้งวัน
 
จนเมื่อพ้นเนินที่ว่า พวกเราก็พบกับพื้นที่ราบแห่งหนึ่งที่เป็นเหมือนหน้าผาที่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาลูกนี้และพื้นที่โดยรอบ
 
ท้องฟ้าสีวนิลาที่มีฝูงนกกำลังบินกลับรังเป็นภาพที่งดงามและตราตรึงพวกเรา จนความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการเดินทางหายไปจนหมด เมื่อมองไปโดยรอบเราก็พบว่า ตอนนี้พวกเราถูกห้อมล้อมด้วยดอกไม้ป่ามากมาย พร้อมด้วยลำธารเล็กๆที่ไหลรินและให้ความชุ่มฉ่ำ
 
และเมื่อเรามองไปรอบๆ พรานตรีก็ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งและบอกพวกเราว่ามันคือต้นอาฮวนที่พวกเรากำลังตามหา
 
มันเป็นต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่งที่มีใบขนาดไม่ใหญ่มากเป็นทรงพุ่มสวยงามสีเขียว ที่ให้ร่มเงากับดอกไม้ป่าเล็กๆที่ขึ้นโดยรอบ
 
แต่…ไม่มีดอกอาฮวนสีขาวดอกเล็กๆที่ส่งกลิ่นหอมรัญจวน ตามที่ฉันและเพื่อนๆหวังเอาไว้
 
ฉันรู้สึกหมดแรงทันทีที่เห็นว่าไม่มีดอกอาฮวนตามที่ตั้งใจ สามสาวตระกูล ม.ก็เช่นกัน ความรู้สึกตอนนี้เหมือนพวกเราอ่านหนังสือและตั้งใจทำข้อสอบ แต่สอบตก
 
“ไม่เป็นหรอกน้องปอร์เช่ อย่างน้อยพวกเราก็ได้เห็นและรู้จักต้นอาฮวนนะ” พี่เจมส์เดินเข้ามาปลอบ
 
แต่ตอนนั้นพวกฉันก็น้ำตาซึมและทำท่าจะร้องไห้ จนกระทั่งได้ยินเสียงของพรานตรี
 
“ถึงจะไม่เห็นดอกอาฮวน แต่พวกหนูก็เอาไปปลูกที่บ้านได้นะ ”
 
พรานตรีแนะนำพวกฉันเรื่องการนำกิ่งและเมล็ดไปปลูก
 
“แล้วมันจะขึ้นหรือคะ? ขนาดยายหนูปลูกตั้งหลายครั้งก็ยังไม่ขึ้นเลย!” ฉันถามพรานตรี
 
“ขึ้นสิ! แม้ต้นอาฮวนจะขึ้นเฉพาะพื้นที่ป่า แต่ต้นอาฮวนที่อยู่มานานขนาดนี้ กิ่งและเมล็ดของมันก็แข็งแรงสามารถปลูกขึ้นได้แน่นอน เพราะที่บ้านของหนูพื้นที่อากาศไม่ต่างจากในป่ามากนัก” พรานตรีอธิบาย
 
เมื่อฟังพรานตรีจบพวกฉันก็ดีใจมากขึ้น และตั้งใจว่าพรุ่งนี้ตอนขากลับจะนำเมล็ดพันธ์และกิ่งไปปลูกที่บ้าน เพื่อรอให้ต้นโตและออกดอก
 
เย็นวันนี้นหลังจากที่ตั้งเต้นท์เสร็จแล้ว พรานตรีและผู้ช่วยก็เตรียมอาหารให้อย่างสุดฝีมือ ซึ่งอร่อยทุกเมนู พวกเราก็คุยเรื่องราวมากมายแลกเปลี่ยนกัน แม้ยัยหลินและพวกจะคอยขัดตอนเล่าอยู่บ้างแต่ฉันก็ไม่ได้โกรธ เพราะถึงแม้จะไม่ได้เห็นดอกอาฮวนตามที่ตั้งใจ แต่ความหวังที่จะปล฿กต้นอาฮวนที่บ้านแทน ก็ยังพอชดเชยได้อยู่บ้าง
 
จนกระทั่งเริ่มดึก ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เนื่องจากเต้นท์ของเราใหญ่ฉันจึงนอนกับ สามสาวตระกูลมและพี่สาวซาตี้รวมห้าคน ส่วนแก๊งค์ยัยหลินแบ่งนอนสองเต้นท์ พี่เจมส์และพี่แม็กซ์นอนด้วยกันส่วน พรานตรีและผู้ช่วยนอนด้านนอกคอยระวังสัตว์ร้าย
สามสาวตระกูล ม. ม้าถามฉันเรื่องเมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันก็เล่าตามจริง สามสาวบ่นเสียดายนึกว่าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ เราหยอกล้อกันสักพัก ยัยมินท์ก็เริ่มคำถามที่เปลี่ยนบทสนทนา
 
“แกว่าที่ป่านี้มีผีมั้ย?” ยัยมินท์เริ่มก่อน
“ไม่รู้ แต่ว่าแกจะถามทำไม ฉันกลัวนะ! ”ยัยหม่อนสาวเนิร์ดเริ่มกลัว
“เมื่อคืนฉันก็กลัวนะ เหมือนมีเงาดำๆ วนอยู่รอบๆเต้นท์” ยัยไหมสาวจอมกินเล่าเหตุการณ์เมื่อคืน
 
“จริงดิ!” พวกเราทุกคนประสานเสียง ยกเว้นพี่สาวซาตี้
 
“แล้วคืนนี้พวกเราจะเจอกันมั้ย?” ยัยหม่อนสาวเนิร์ดขึ้นชื่อว่ากลัวผีที่สุดถามขึ้น
“ไม่หรอกน่า พวกเราอยู่กันตั้งเยอะไม่น่าเจอหรอก” ฉันเอ่ยขึ้นบ้าง
 
พวกเราคุยกันอยู่สักพักก็เริ่มง่วง และฉันก็หลับไป
 
……………………..
 
จนกระทั่งฉันรู้สึกหนาวจนขนลุก และได้ยินเสียงบางอย่างที่ด้านนอก แว่วดังเบาๆเข้ามา
 
“ช่วยด้วย……..”
 
………………………..
ตอนต่อไป
ตอนที่ 25 วิญญาณเร่ร่อน