ฉันดูรูปในมือด้วย ด้วยความสับสน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร จึงทำได้อย่างเดียวก็คือ.....
วิ่ง..สุดชีวิต พร้อมถือรูปนั้นไปด้วย
“อ้าว! ปอ...วิ่งไปไหนน่ะ!” นายต้นกล้ามองเห็นหลังฉันไกลลิบจนในที่สุดก็ลับสายตา ไม่นานเขาก็พูดกับตัวเอง
“ปอ! เธอคงจำฉันไม่ได้ แต่ฉันจะทำให้เธอจำได้เอง” นายต้นกล้าพูดเสร็จก็ยิ้มที่มุมปาก
“ฮัลโล! พี่สาวซาตี้ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว?” เมื่อทิ้งห่างจากนายต้นกล้า ฉันก็หามุมแอบ แล้วโทรหาพี่สาวซาตี้ทันที
“ว่าไงยัยหนู! ข้ากำลังกินน้ำเต้าหู้อยู่หน้าโรงเรียน” พี่สาวซาตี้ตอบ ขณะที่มีแก้วน้ำเต้าหู้ร้อนๆอยู่ในมือ แต่บนโต๊ะ มีทั้งปาท่องโก๋ ข้าวขาหมู ข้าวหน้าเป็ดและของกินอีก2-3 อย่าง ลอยควันฉุย
“มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเดินมาทักฉัน บอกว่าเพิ่งย้ายมา แล้วมีรูปฉันในตอนร่างเดิมด้วย ทำยังไงดีพี่สาวซาตี้! ตอนนี้เพื่อนคนนี้อยู่ในโรงเรียนด้วย” ฉันพูดอย่างกระวนกระวาย
“พรวด! เจ้าว่าอย่างไรนะ” พี่สาวซาตี้สำลักน้ำเต้าหู้ทันที เมื่อได้ยินเรื่องที่ฉันพูด
ฉันเล่าใหม่อีกครั้ง จนพี่สาวซาตี้บอกให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะรีบเข้ามาให้ฉันไปเข้าแถวและนั่งเรียนไปก่อน
ฉันเข้าแถวและเดินเข้ามาที่ห้องเรียนด้วยความกระวนกระวายใจ พลางนึกถึงหน้าของเด็กผู้ชายทื่ชื่อต้นกล้า ว่าทำไมฉันถึงจำหน้าไม่ได้ จนกระทั่ง
“อ๋อ!.... นายต้นกล้าคนนั้นนั่นเอง!” ในที่สุดฉันก็นึกออก
นายต้นกล้า เป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับฉันที่โรงเรียนเก่า อยู่ในกลุ่มเด็กที่โดนบูลลี่เช่นกัน สมัยก่อนพวกเพื่อนๆในห้องไม่ได้เรียกชื่อนี้แต่เรียกนายต้นกล้าว่า......
“เฮ้ย! “ไอ้ขี้มูกยืด” จากนี้พวกเราไม่เรียกแกว่าต้นกล้า แต่จะเรียกว่า “ขี้มูกยืด” จำไว้” นายแจ็คหัวโจกของห้องล้อเลียนนายต้นกล้า เพราะนายคนนี้ขี้มูกยืดตลอดเวลาเนื่องจากเป็นภูมิแพ้
ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็ก ใส่แว่นหนาเตอะ และขี้มูกยืดตลอดเวลา ต้นกล้าก็เลยกลายเป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายชายที่โดนบูลลี่ และฉันก็คือเบอร์หนึ่งของฝ่ายหญิง
เมื่อเริ่มจำได้ความทรงจำต่างๆก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว แม้กระทั่งเรื่องที่ฉันอายมากๆ
“พวกเราดูสิ น้องประเทืองกับไอ้ขี้มูกยืดนั่งคู่กันด้วย สงสัยจะเป็นแฟนกัน โคตรเหมาะสมกันเลยจริงมั้ย!” นายแจ็คหัวโจกคนเดิม ล้อเลียนฉันกับต้นกล้าในวันที่คุณครูจัดให้เราสองคนนั่งด้วยกัน ตั้งแต่นั้นฉันและนายต้นกล้าก็ถูกล้อเรื่องเป็นแฟนกันมาตลอด
“น้องประเทืองไม่ดูแลแฟนเลยนะ ปล่อยให้ขี้มูกยืดทุกวันอยู่ได้”
“เฮ้ย ไอ้ขี้มูกยืดปล่อยแฟนอ้วนอย่างนี้ ระวังอุ้มไม่ไหวนะเฟ้ย!”
“สองคนนี้เรียนจบแล้วจะแต่งงานกันเลยมั้ย!”
ในความทรงจำที่ผ่านมา ฉันและนายต้นกล้าถูกบูลลี่มาตลอดและนั่งข้างกันตั้งแต่ชั้นม.1 จนถึง ม.3 แต่น่าแปลกที่เราคุยกันน้อยมากๆ
นั่นอาจเป็นเพราะว่า ฉันเองก็อายเพราะทุกครั้งที่พูดกับนายต้นกล้า ก็จะโดนเพื่อนๆบูลลี่ทันที นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ฉันคุยแบบนับครั้งได้
บ่อยครั้งที่ฉันเห็นนายต้นกล้าถูกนายแจ็คหัวโจกของห้องข่มขู่และทำร้ายร่างกาย จนฉันเคยไปฟ้องครู แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะครูก็แค่เรียกนายแจ็คกับเพื่อมาว่า ซึ่งหลังจากนั้นนายต้นกล้าก็จะโดนแกล้งหนักขึ้น
“ปอ...เธอไม่ต้องช่วยเราหรอก เราไม่เป็นไร” ต้นกล้าพูดกับฉันเบาๆ ในวันที่ฉันไปฟ้องครู แต่เขากลับโดนแกล้งหนักจนร้องไห้ในห้องเรียน
นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาคุยกับฉัน
“หรือว่านายต้นกล้าต้องการแก้แค้นฉัน?” ฉันนึกในใจ เพราะสาเหตุที่นายต้นกล้าถูกแกล้งก็อาจเป็นเพราะฉันด้วยส่วนหนึ่ง
“เอ๊ะ! พี่สาวซาตี้นี่” ฉันมองออกไปที่นอกห้องเรียน ก็เห็นพี่สาวซาตี้เต้นแร้งเต้นกาทำสัญลักษณ์มือ เรียกฉันออกไปคุยที่ด้านนอก ฉันจึงแกล้งขออนุญาตคุณครูไปเข้าห้องน้ำ แล้วรีบวิ่งไปหาพี่สาวซาตี้ทันที
“พี่สาวซาตี้ทำอย่างไรดีนี่?” ฉันถามพี่สาวซาตี้เรื่องนายต้นกล้าอีกครั้ง
“ถ้านายคนนี้ เปิดโปงความลับของเจ้าจนทุกคนรู้ก่อนทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย เจ้าก็ต้องกลับสู่ร่างเดิม” พี่สาวซาตี้พูดหน้านิ่งๆ
“โถ่! พี่สาวซาตี้ ต้นอาฮวนก็เพิ่งจะเอามาปลูก ยังไม่รู้เลยว่าสามปีจะมีดอกทันไหม แล้วหนูจะทำอย่างไรดี?” ฉันเริ่มจิตตก
“ไม่ต้องห่วงยัยหนู ข้าไปสืบมาแล้วเพื่อนของเจ้าคนนั้นเรียนอยู่คนละห้อง ข้าแอบใช้จิตตรวจกระเป๋าของเด็กคนนั้นแล้วไม่มีรูปของเจ้าใบอื่นอีก” พี่สาวซาตี้ตอบ
“แล้วในมือถือล่ะ! เดี๋ยวนี้ใครๆก็เก็บรูปไว้ในมือถือกันทั้งนั้น”ฉันท้วงขึ้น
“มือถืออันนี้น่ะเหรอ!” พี่สาวซาตี้โชว์โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งขึ้นมา ที่โทรศัพท์มีชื่อเขียนไว้ว่าต้นกล้า
“นี่พี่สาวซาตี้! ขโมยโทรศัพท์นายต้นกล้ามาเลยหรือนี่?” ฉันหยิบโทรศัพท์นายต้นกล้ามาดู
“ไม่ได้ขโมย แค่ขอยืมมา ยัยหนูเจ้าลองดูในโทรศัพท์หน่อย ว่ามีรูปเจ้าตอนสมัยเด็กอีกหรือไม่”พี่สาวซาตี้บอกแผนการณ์
ฉันได้ยินดังนั้นจึงเปิดโทรศัพท์ของนายต้นกล้าดู โชคดีที่นายคนนี้ไม่ได้ล็อคโทรศัพท์ไว้ จึงเปิดดูได้สบาย และแล้วฉันก็เห็นรูปของฉันในร่างเดิมเกือบนับร้อยรูป ทำเอาฉันตกใจเลยทีเดียว
“ท่าทางนายคนนี้ ไม่ได้หวังดีแน่ๆ ” ฉันนั่งไล่ลบรูปทีละรูป ซึ่งบางรูปฉันเองก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นต้องใช้ แผนสอง” พี่สาวซาตี้พูดขณะที่มองฉันนั่งลบรูป
“แผนสองนี่ ต้องทำอย่างไรบ้าง?” ฉันถามพี่สาวซาตี้
“ก็แค่............” พี่สาวซาตี้บอกแผนให้ฉันฟังอย่างเบาๆ ราวกับกลัวใครจะได้ยิน
“หา...จะดีเหรอ!” ฉันอุทานออกมาหลังจากได้ยินแผนนั้น
.............................
ในช่วงพักเที่ยง ตอนนี้ฉันและนายต้นกล้ารวมถึงพี่สาวซาตี้ อยู่ด้วยกันที่ม้าหินหลังโรงเรียนที่ไม่มีผู้คน แผนของพี่สาวซาตี้ก็คือ “การเจรจา”
“นายต้นกล้า! ฉันจำนายได้แล้วถึงแม้นายจะสูงขึ้นและเปลี่ยนไปบ้าง” ฉันพูดกับนายต้นกล้าด้วยท่าทีจริงจัง
“จริงหรือปอ! เธอจำฉันได้ด้วยหรือนี่ แล้วโทรศัพท์ฉันที่เธอบอกว่าเก็บได้ล่ะ!” นายต้นกล้าถามถึงโทรศัพท์ของตัวเอง
แผนของเราก็คือพี่สาวซาตี้ให้ฉันแจ้งกับประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน ว่ามีผู้ปกครองเก็บโทรศัพท์มือถือได้มีชื่อเขียนว่าต้นกล้า นักเรียนคนไหนทำหายให้มารับที่หลังโรงเรียนช่วงพักเที่ยง ก็เลยได้เจอกับนายต้นกล้าและเริ่มเจรจากัน
“นี่โทรศัพท์นาย แต่ก่อนอื่น! นายต้องการอะไรถึงเอารูปสมัยก่อนมาให้ฉันเซ็นต์” ฉันถามนายต้นกล้าก่อนหยุดมือที่จะยื่นโทรศัพท์ค้างไว้
“ไม่มีอะไร! ฉันก็แค่อยากให้คนอื่นรู้ว่าฉันเคยเรียนที่เดียวกับเธอ” นายต้นกล้าพูดขึ้นอย่างซื่อๆ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอแลกรูปถ่ายใบนี้กับโทรศัพท์ของนาย! นายโอเคมั้ย?” ฉันยื่นข้อเสนอ
“ไม่มีปัญหา! เพราะฉันมีรูปเธออีกตั้งเยอะ” นายต้นกล้ารับข้อเสนอและเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์
“’งั้นก็ตกลงตามนี้ อ้อ! ฉันลืมบอกไปว่ารูปในเครื่องนายฉันก็ลบหมดแล้วนะ เพราะมันเป็นรูปของฉัน ฉันน่าจะมีสิทธิ์ลบมันออก” ฉันพูดด้วยหน้าตาจริงจัง
“ไม่...เธอลบมันหมดเลยหรือนี่!” นายต้นกล้าร้องโวยวาย เมื่อตรวจสอบรูปข้างในโทรศัพท์
“ใช่! ฉันไม่รู้เจตนาของนายว่าทำไม นายถึงย้ายมาโรงเรียนนี้ และตั้งใจมาหาฉันพร้อมรูปเก่าสมัยเรียนเต็มโทรศัพท์ แต่ฉันถือว่านี่มันเหมือนเป็นการคุกคามกันอย่างหนึ่ง” ฉันพูดในแนวกฎหมายตามที่พี่สาวซาตี้สอนมา
“เธอนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ! ” นายต้นกล้าพูดกับฉันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“เธอกลัวใช่ไหมว่าฉันจะเอารูปเก่าเธอมาประจาน! ว่าสมัยก่อนเธอเป็นเด็กขี้เหร่ อ้วน ดำ เตี้ย สิวเขรอะ ใส่แว่นหนา! หุหุ” นายต้นกล้าสีหน้าเปลี่ยนไปแลดูชั่วร้ายมากขึ้น
ฉันและพี่สาวซาตี้สะดุ้ง เพราะด้วยเวทมนต์ของพี่สาวซาตี้ นายต้นกล้าที่เป็นคนใกล้ตัวก่อนทำสัญญา ไม่น่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันของฉันได้
“เธอย้ายโรงเรียน และทิ้งฉันให้เผชิญอยู่กับการบูลลี่เพียงคนเดียว! เธอมันเห็นแก่ตัวและเอาตัวรอด!”
“ฉันจะเปิดโปงอดีตของเธอ! ให้เธอรู้ว่าไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราสองคนก็ต้องไม่ทิ้งกัน!”
“ ที่สำคัญคนที่ทำพันธสัญญาแล้วเปลี่ยนตัวเองได้ ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว!” นายต้นกล้าพูดจบก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย
ในขณะที่ฉันและพี่สาวซาตี้ตกใจที่นายต้นกล้ารู้ความลับของพวกเราและไม่ได้ตกอยู่ในมนต์สะกด
ทันใดนั้นเอง! ควันสีดำก็ลอยออกจากตัวของนายต้นกล้า แล้วมารวมตัวกันที่เบื้องหน้าฉันและพี่สาวซาตี้ ก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ใส่ชุดสูทพร้อมสวมหมวกทรงสูงที่มีปีก ใบหน้านั้นมีหน้าตาเจ้าเล่ห์และมีหนวด
เมื่อชายผู้นั้นปรากฎตัวขึ้น ก็กล่าวคำทักทายด้วยเสียงที่เล็กแหลมว่า
“สวัสดีซาตี้....สบายดีไหม?” ชายลึกลับค้อมตัว พร้อมขยับปีกหมวกเมื่อพูดจบ
ฉันมองไปทางพี่สาวซาตี้ ที่ตอนนี้กำลังตื่นตระหนกและพูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า
..........................................