สวัสดี...กลิ่นฤดูแห่งความรัก
ตอนที่ 29 อดีตที่ตามมาหลอกหลอน
ฉันดูรูปในมือด้วย ด้วยความสับสน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร จึงทำได้อย่างเดียวก็คือ.....
 
วิ่ง..สุดชีวิต พร้อมถือรูปนั้นไปด้วย
 
“อ้าว! ปอ...วิ่งไปไหนน่ะ!” นายต้นกล้ามองเห็นหลังฉันไกลลิบจนในที่สุดก็ลับสายตา ไม่นานเขาก็พูดกับตัวเอง
 
“ปอ! เธอคงจำฉันไม่ได้ แต่ฉันจะทำให้เธอจำได้เอง” นายต้นกล้าพูดเสร็จก็ยิ้มที่มุมปาก
 
........................
 
“ฮัลโล! พี่สาวซาตี้ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว?” เมื่อทิ้งห่างจากนายต้นกล้า ฉันก็หามุมแอบ แล้วโทรหาพี่สาวซาตี้ทันที
 
“ว่าไงยัยหนู! ข้ากำลังกินน้ำเต้าหู้อยู่หน้าโรงเรียน” พี่สาวซาตี้ตอบ ขณะที่มีแก้วน้ำเต้าหู้ร้อนๆอยู่ในมือ แต่บนโต๊ะ มีทั้งปาท่องโก๋ ข้าวขาหมู ข้าวหน้าเป็ดและของกินอีก2-3 อย่าง ลอยควันฉุย
 
“มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเดินมาทักฉัน บอกว่าเพิ่งย้ายมา แล้วมีรูปฉันในตอนร่างเดิมด้วย ทำยังไงดีพี่สาวซาตี้! ตอนนี้เพื่อนคนนี้อยู่ในโรงเรียนด้วย” ฉันพูดอย่างกระวนกระวาย
 
“พรวด! เจ้าว่าอย่างไรนะ” พี่สาวซาตี้สำลักน้ำเต้าหู้ทันที เมื่อได้ยินเรื่องที่ฉันพูด
 
ฉันเล่าใหม่อีกครั้ง จนพี่สาวซาตี้บอกให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะรีบเข้ามาให้ฉันไปเข้าแถวและนั่งเรียนไปก่อน
 
ฉันเข้าแถวและเดินเข้ามาที่ห้องเรียนด้วยความกระวนกระวายใจ พลางนึกถึงหน้าของเด็กผู้ชายทื่ชื่อต้นกล้า ว่าทำไมฉันถึงจำหน้าไม่ได้ จนกระทั่ง
 
“อ๋อ!.... นายต้นกล้าคนนั้นนั่นเอง!” ในที่สุดฉันก็นึกออก
 
นายต้นกล้า เป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับฉันที่โรงเรียนเก่า อยู่ในกลุ่มเด็กที่โดนบูลลี่เช่นกัน สมัยก่อนพวกเพื่อนๆในห้องไม่ได้เรียกชื่อนี้แต่เรียกนายต้นกล้าว่า......
 
“เฮ้ย! “ไอ้ขี้มูกยืด” จากนี้พวกเราไม่เรียกแกว่าต้นกล้า แต่จะเรียกว่า “ขี้มูกยืด” จำไว้” นายแจ็คหัวโจกของห้องล้อเลียนนายต้นกล้า เพราะนายคนนี้ขี้มูกยืดตลอดเวลาเนื่องจากเป็นภูมิแพ้
 
ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็ก ใส่แว่นหนาเตอะ และขี้มูกยืดตลอดเวลา ต้นกล้าก็เลยกลายเป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายชายที่โดนบูลลี่ และฉันก็คือเบอร์หนึ่งของฝ่ายหญิง
 
เมื่อเริ่มจำได้ความทรงจำต่างๆก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว แม้กระทั่งเรื่องที่ฉันอายมากๆ
 
“พวกเราดูสิ น้องประเทืองกับไอ้ขี้มูกยืดนั่งคู่กันด้วย สงสัยจะเป็นแฟนกัน โคตรเหมาะสมกันเลยจริงมั้ย!” นายแจ็คหัวโจกคนเดิม ล้อเลียนฉันกับต้นกล้าในวันที่คุณครูจัดให้เราสองคนนั่งด้วยกัน ตั้งแต่นั้นฉันและนายต้นกล้าก็ถูกล้อเรื่องเป็นแฟนกันมาตลอด
 
“น้องประเทืองไม่ดูแลแฟนเลยนะ ปล่อยให้ขี้มูกยืดทุกวันอยู่ได้”
“เฮ้ย ไอ้ขี้มูกยืดปล่อยแฟนอ้วนอย่างนี้ ระวังอุ้มไม่ไหวนะเฟ้ย!”
“สองคนนี้เรียนจบแล้วจะแต่งงานกันเลยมั้ย!”
           
ในความทรงจำที่ผ่านมา ฉันและนายต้นกล้าถูกบูลลี่มาตลอดและนั่งข้างกันตั้งแต่ชั้นม.1 จนถึง ม.3 แต่น่าแปลกที่เราคุยกันน้อยมากๆ
 
นั่นอาจเป็นเพราะว่า ฉันเองก็อายเพราะทุกครั้งที่พูดกับนายต้นกล้า ก็จะโดนเพื่อนๆบูลลี่ทันที นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ฉันคุยแบบนับครั้งได้
 
บ่อยครั้งที่ฉันเห็นนายต้นกล้าถูกนายแจ็คหัวโจกของห้องข่มขู่และทำร้ายร่างกาย จนฉันเคยไปฟ้องครู แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะครูก็แค่เรียกนายแจ็คกับเพื่อมาว่า ซึ่งหลังจากนั้นนายต้นกล้าก็จะโดนแกล้งหนักขึ้น
 
“ปอ...เธอไม่ต้องช่วยเราหรอก เราไม่เป็นไร” ต้นกล้าพูดกับฉันเบาๆ ในวันที่ฉันไปฟ้องครู แต่เขากลับโดนแกล้งหนักจนร้องไห้ในห้องเรียน
 
นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาคุยกับฉัน
 
“หรือว่านายต้นกล้าต้องการแก้แค้นฉัน?” ฉันนึกในใจ เพราะสาเหตุที่นายต้นกล้าถูกแกล้งก็อาจเป็นเพราะฉันด้วยส่วนหนึ่ง
 
“เอ๊ะ! พี่สาวซาตี้นี่” ฉันมองออกไปที่นอกห้องเรียน ก็เห็นพี่สาวซาตี้เต้นแร้งเต้นกาทำสัญลักษณ์มือ เรียกฉันออกไปคุยที่ด้านนอก ฉันจึงแกล้งขออนุญาตคุณครูไปเข้าห้องน้ำ แล้วรีบวิ่งไปหาพี่สาวซาตี้ทันที
 
“พี่สาวซาตี้ทำอย่างไรดีนี่?” ฉันถามพี่สาวซาตี้เรื่องนายต้นกล้าอีกครั้ง
 
“ถ้านายคนนี้ เปิดโปงความลับของเจ้าจนทุกคนรู้ก่อนทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย เจ้าก็ต้องกลับสู่ร่างเดิม” พี่สาวซาตี้พูดหน้านิ่งๆ
 
“โถ่! พี่สาวซาตี้ ต้นอาฮวนก็เพิ่งจะเอามาปลูก ยังไม่รู้เลยว่าสามปีจะมีดอกทันไหม แล้วหนูจะทำอย่างไรดี?” ฉันเริ่มจิตตก
 
“ไม่ต้องห่วงยัยหนู ข้าไปสืบมาแล้วเพื่อนของเจ้าคนนั้นเรียนอยู่คนละห้อง ข้าแอบใช้จิตตรวจกระเป๋าของเด็กคนนั้นแล้วไม่มีรูปของเจ้าใบอื่นอีก” พี่สาวซาตี้ตอบ
 
“แล้วในมือถือล่ะ! เดี๋ยวนี้ใครๆก็เก็บรูปไว้ในมือถือกันทั้งนั้น”ฉันท้วงขึ้น
 
“มือถืออันนี้น่ะเหรอ!” พี่สาวซาตี้โชว์โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งขึ้นมา ที่โทรศัพท์มีชื่อเขียนไว้ว่าต้นกล้า
 
“นี่พี่สาวซาตี้! ขโมยโทรศัพท์นายต้นกล้ามาเลยหรือนี่?” ฉันหยิบโทรศัพท์นายต้นกล้ามาดู
 
“ไม่ได้ขโมย แค่ขอยืมมา ยัยหนูเจ้าลองดูในโทรศัพท์หน่อย ว่ามีรูปเจ้าตอนสมัยเด็กอีกหรือไม่”พี่สาวซาตี้บอกแผนการณ์
 
ฉันได้ยินดังนั้นจึงเปิดโทรศัพท์ของนายต้นกล้าดู โชคดีที่นายคนนี้ไม่ได้ล็อคโทรศัพท์ไว้ จึงเปิดดูได้สบาย และแล้วฉันก็เห็นรูปของฉันในร่างเดิมเกือบนับร้อยรูป ทำเอาฉันตกใจเลยทีเดียว
 
“ท่าทางนายคนนี้ ไม่ได้หวังดีแน่ๆ ” ฉันนั่งไล่ลบรูปทีละรูป ซึ่งบางรูปฉันเองก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน
 
“ถ้าอย่างนั้นต้องใช้ แผนสอง” พี่สาวซาตี้พูดขณะที่มองฉันนั่งลบรูป
 
“แผนสองนี่ ต้องทำอย่างไรบ้าง?” ฉันถามพี่สาวซาตี้
 
“ก็แค่............” พี่สาวซาตี้บอกแผนให้ฉันฟังอย่างเบาๆ ราวกับกลัวใครจะได้ยิน
 
“หา...จะดีเหรอ!” ฉันอุทานออกมาหลังจากได้ยินแผนนั้น
 
.............................
 
ในช่วงพักเที่ยง ตอนนี้ฉันและนายต้นกล้ารวมถึงพี่สาวซาตี้ อยู่ด้วยกันที่ม้าหินหลังโรงเรียนที่ไม่มีผู้คน แผนของพี่สาวซาตี้ก็คือ “การเจรจา”
 
“นายต้นกล้า! ฉันจำนายได้แล้วถึงแม้นายจะสูงขึ้นและเปลี่ยนไปบ้าง” ฉันพูดกับนายต้นกล้าด้วยท่าทีจริงจัง
 
“จริงหรือปอ! เธอจำฉันได้ด้วยหรือนี่ แล้วโทรศัพท์ฉันที่เธอบอกว่าเก็บได้ล่ะ!” นายต้นกล้าถามถึงโทรศัพท์ของตัวเอง
 
แผนของเราก็คือพี่สาวซาตี้ให้ฉันแจ้งกับประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน ว่ามีผู้ปกครองเก็บโทรศัพท์มือถือได้มีชื่อเขียนว่าต้นกล้า นักเรียนคนไหนทำหายให้มารับที่หลังโรงเรียนช่วงพักเที่ยง ก็เลยได้เจอกับนายต้นกล้าและเริ่มเจรจากัน
 
“นี่โทรศัพท์นาย แต่ก่อนอื่น! นายต้องการอะไรถึงเอารูปสมัยก่อนมาให้ฉันเซ็นต์” ฉันถามนายต้นกล้าก่อนหยุดมือที่จะยื่นโทรศัพท์ค้างไว้
 
“ไม่มีอะไร! ฉันก็แค่อยากให้คนอื่นรู้ว่าฉันเคยเรียนที่เดียวกับเธอ” นายต้นกล้าพูดขึ้นอย่างซื่อๆ
 
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอแลกรูปถ่ายใบนี้กับโทรศัพท์ของนาย! นายโอเคมั้ย?” ฉันยื่นข้อเสนอ
 
“ไม่มีปัญหา! เพราะฉันมีรูปเธออีกตั้งเยอะ” นายต้นกล้ารับข้อเสนอและเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์
 
“’งั้นก็ตกลงตามนี้ อ้อ! ฉันลืมบอกไปว่ารูปในเครื่องนายฉันก็ลบหมดแล้วนะ เพราะมันเป็นรูปของฉัน ฉันน่าจะมีสิทธิ์ลบมันออก” ฉันพูดด้วยหน้าตาจริงจัง
 
“ไม่...เธอลบมันหมดเลยหรือนี่!” นายต้นกล้าร้องโวยวาย เมื่อตรวจสอบรูปข้างในโทรศัพท์
 
“ใช่! ฉันไม่รู้เจตนาของนายว่าทำไม นายถึงย้ายมาโรงเรียนนี้ และตั้งใจมาหาฉันพร้อมรูปเก่าสมัยเรียนเต็มโทรศัพท์ แต่ฉันถือว่านี่มันเหมือนเป็นการคุกคามกันอย่างหนึ่ง” ฉันพูดในแนวกฎหมายตามที่พี่สาวซาตี้สอนมา
 
“เธอนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ! ” นายต้นกล้าพูดกับฉันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
 
“เธอกลัวใช่ไหมว่าฉันจะเอารูปเก่าเธอมาประจาน! ว่าสมัยก่อนเธอเป็นเด็กขี้เหร่ อ้วน ดำ เตี้ย สิวเขรอะ ใส่แว่นหนา! หุหุ” นายต้นกล้าสีหน้าเปลี่ยนไปแลดูชั่วร้ายมากขึ้น
 
ฉันและพี่สาวซาตี้สะดุ้ง เพราะด้วยเวทมนต์ของพี่สาวซาตี้ นายต้นกล้าที่เป็นคนใกล้ตัวก่อนทำสัญญา ไม่น่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันของฉันได้
 
“เธอย้ายโรงเรียน และทิ้งฉันให้เผชิญอยู่กับการบูลลี่เพียงคนเดียว! เธอมันเห็นแก่ตัวและเอาตัวรอด!”
 
“ฉันจะเปิดโปงอดีตของเธอ! ให้เธอรู้ว่าไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราสองคนก็ต้องไม่ทิ้งกัน!”
 
“ ที่สำคัญคนที่ทำพันธสัญญาแล้วเปลี่ยนตัวเองได้ ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว!” นายต้นกล้าพูดจบก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย
 
ในขณะที่ฉันและพี่สาวซาตี้ตกใจที่นายต้นกล้ารู้ความลับของพวกเราและไม่ได้ตกอยู่ในมนต์สะกด
ทันใดนั้นเอง! ควันสีดำก็ลอยออกจากตัวของนายต้นกล้า แล้วมารวมตัวกันที่เบื้องหน้าฉันและพี่สาวซาตี้ ก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ใส่ชุดสูทพร้อมสวมหมวกทรงสูงที่มีปีก ใบหน้านั้นมีหน้าตาเจ้าเล่ห์และมีหนวด
 
เมื่อชายผู้นั้นปรากฎตัวขึ้น ก็กล่าวคำทักทายด้วยเสียงที่เล็กแหลมว่า
 
“สวัสดีซาตี้....สบายดีไหม?” ชายลึกลับค้อมตัว พร้อมขยับปีกหมวกเมื่อพูดจบ
 
ฉันมองไปทางพี่สาวซาตี้ ที่ตอนนี้กำลังตื่นตระหนกและพูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า
 
“ซา...ซาตาน!”
 
..........................................
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 30 การพบกันของคู่ปรับ