หลังจากรู้เรื่องกลุ่มคนที่ไม่ชอบฉันโพสท์ตามที่ต่างๆไปไม่นาน ตอนนี้ในคนกลุ่มนั้นก็เริ่มปรากฏขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง
ทุกครั้งที่ฉันไปโรงเรียน เสียงกรี๊ดกร๊าดในตอนเช้าก็ดูจะเบาบางลง แถมเด็กผู้หญิงหลายคนเมื่อเห็นฉันเดินผ่านก็จับกลุ่มซุบซิบเหมือนกำลังนินทา
“ปอ ฉันว่าคนพวกนี้มันจะมากไปแล้วนะ! จับกลุ่มนินทาแกอยู่ได้ เรื่องไม่จริงก็เอามาพูดกัน ตอนนี้เริ่มลามไปทั้งโรงเรียนแล้ว” ยัยมินท์สาวจอมพลัง ทำหน้าหงุดหงิดและเดินเข้ามาฟ้องฉัน
“ใช่! ฉันไปห้องน้ำมา ก็ได้ยินเรื่องแกด้วย” ยัยหม่อนสาวเนิร์ดเสริมขึ้น
“ที่โรงอาหารก็มี เมาท์มอยชีวิตแกกับอย่างกับอยู่บ้านเดียวกันเลย” ยัยไหมผสมโรง
“แล้วเค้านินทาอะไรบ้างล่ะ?” พอฟังสามสาวเล่ามา ฉันเองก็อยากรู้ พลางหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
“คนหลอกลวง ชอบสร้างภาพให้ดูดี!”
“ชอบอ่อยผู้ชาย หว่านเสน่ห์ไปทั่ว!”
“เคยท้องตั้งแต่เด็กเพราะใจแตก!”
พรวด!... ฉันสำลักน้ำทันที จนสามสาวตกใจรีบเอาผ้ามาเช็ดให้
“เดี๋ยวนะ! คนพวกนี้มันได้ข่าวมาจากไหนนี่!” ฉันตกใจในข่าวที่ทั้งสามคนเล่ามา
“ก็นั่นน่ะสิ...ยังมีอีกเพียบเลยนะ..เช่น....”ยัยไหมสาวจอมกินเสริม
“พอแล้วๆ! สงสัยฟังทั้งวันก็ไม่หมด ตอนนี้ข่าวลือมันคงแพร่ไปมากกว่าที่คิด” ฉันห้ามยัยไหมพร้อมตั้งข้อสังเกต
เป็นเรื่องแปลกในสังคมเรา ระหว่างข่าวร้ายกับข่าวดี ข่าวดีมักจะพูดไม่นาน แต่ข่าวร้ายพูดกันได้ข้ามปี ยิ่งเป็นข่าวโคมลอยแบบไม่มีหลักฐาน ผู้คนยิ่งมักจะเอามาพูดกันทุกวัน จนห่างไกลจากความจริงมากขึ้นเรื่อย อย่างที่มีนักข่าวคนหนึ่งเคยบอกว่า
“ข่าวดีขายไม่ได้ แต่ข่าวร้ายขึ้นหน้าหนึ่ง”
“แล้วแกจะทำอย่างไรต่อไป ให้ฉันเข้าไปลบกระทู้พวกนั้นไหม?” ยัยหม่อนสาวเนิร์ด แฮกเกอร์มือต้นของประเทศเสนอตัว
“อย่าเลยเสียเวลาเปล่าๆ เดี๋ยวลบแล้วมันก็โพสท์กันใหม่อีก ในวงการนี้มีคนที่ดังกว่าฉันอีกตั้งเยอะ อยู่นิ่งๆไปก่อนแหละ เดี๋ยวสักพักก็น่าจะเงียบ ” ฉันตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ร่าเริงเหมือนเดิม พวกสามสาวเห็นดังนั้นจึงไม่พูดอะไรต่อ และพวกเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน
เย็นวันนั้นเมื่อฉันกลับไปที่หอพัก แม้ต่อหน้าเพื่อนๆฉันจะดูร่าเริงเหมือนเดิม แต่จริงๆแล้วฉันก็ไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ยัยหนู! เป็นอะไรทำหน้าเหมือนโดนผู้ชายทิ้ง” พี่สาวซาตี้ทักฉันเมื่อเห็นฉันเปิดประตูเข้ามา
“โห!..พี่สาวซาตี้ ทักคำแรกก็เป็นสิริมงคลมากเลยนะ” ฉันมองค้อนพี่สาวซาตี้ที่ตอนนี้กำลังนั่งรายล้อมด้วยขนมนานาชนิด
“กินขนาดนี้ระวังอ้วนจนโดนคุณคิมคิมพูดแขวะอีกนะ” ฉันแซวพี่สาวซาตี้กลับ
“แปลกนะ! ข้ากินของข้าแต่กลับไปหนักที่หัวยัยคิมคิม ก็ดีเหมือนกัน” พี่สาวซาตี้ตอบกลับ แหม! คารมไม่ธรรมดานะนี่
“พี่สาวหนูเครียดเรื่องที่โรงเรียน เรื่องนั้นมันลามไปในโรงเรียนแล้ว เสาร์อาทิตย์นี้ตรงกับวันหยุดพิเศษ หนูเลยได้หยุดห้าวัน เรากลับบ้านไปหาแม่กับยายกันดีไหม?” ฉันนั่งนิ่งๆ ข้างๆพี่สาซาตี้ ตอนนี้ไม่รู้ทำไม ฉันเริ่มนึกถึงคนที่บ้าน
“ยัยหนู! เจ้าคงเครียดมาก ถึงได้อยากกลับบ้าน” พี่สาวซาตี้เอามือที่เลอะขนมมาลูบหัวฉันแล้วปลอบ จนฉันอยากจะร้องห้าม แต่ก็ปล่อยให้แกทำเพราะรู้สึกเหมือนได้รับความรู้สึกที่ถูกปลอบโยน
“เจ้ายังเด็กและไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ การกลับไปบ้านอาจช่วยเยียวยาเจ้าได้ดี เดี๋ยวข้าจะเตรียมจองตั๋วรถทัวร์กับเตรียมของให้แล้วกันนะ วันนี้เราไปเยียวยาจิตใจของเจ้าด้วยการไปกินหมูกระทะกันไหม ข้าเลี้ยงเอง!” พี่สาวซาตี้ปลอบต่อพลางชวนไปกินหมูกระทะ
“ไปๆ! ไม่ได้กินนานแล้ว เลี้ยงด้วยนะ แล้วอย่ามาบอกว่าลืมกระเป๋าตังค์เหมือนครั้งที่แล้วอีก” ฉันเปลี่ยนอารมณ์ทันทีที่ได้ยินคำว่าหม^กระทะ
เอึ่มม! หมูกระทะสามารถช่วยเยียวยาทุกอย่างได้จริงๆ
............................
และแล้วก็มาถึงวันหยุด ฉันกับพี่สาวซาตี้เดินทางกลับบ้านกันสองคนตั้งแต่เช้า หลายชั่วโมงต่อมาฉันก็ถึงบ้าน
“แม่! ยาย! หนูกลับมาแล้ว” ฉันเปิดประตูบ้านพลางตะโกนเรียกแม่และยาย
เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นแม่กำลังทำกับข้าว กลิ่นหอมฟุ้งชวนหิวเป็นอย่างยิ่ง
“อ้าวปอ กลับมาถึงแล้วหรือนี่! แม่ยังคิดอยู่ว่าจะให้ลุงพลไปรับ” แม่หันมาตอบฉัน ลุงพลก็คือลุงหูตึงข้างบ้านที่เคยขับอีแต๋นไปรับพวกพี่เจมส์และยัยหลินครั้งที่แล้ว
“โห! ถ้าลุงพลไปรับหนู กว่าจะถึงบ้านคงถึงเที่ยงคืนแน่ๆ ” ฉันตอบกลับแม่แล้วยิ้มอารมณ์ดี พลางมองหายาย
“อ้าว! แล้วยายไปไหนล่ะ?” ฉันถามแม่อีกครั้งเมื่อไม่เห็นยาย
“ยายไม่สบาย นอนอยู่ข้างบน ปอขึ้นไปหายายก็ได้นะ ถ้ายายรู้ว่าปอมาถึงแล้วน่าจะดีใจ” แม่ตอบฉันแล้วทำกับข้าวต่อ
ฉันเดินขึ้นไปที่ห้องของยาย ที่อยู่ชั้นล่าง
“ยายหนูกลับมาแล้ว!” ฉันตะโกนบอกยายก่อนเคาะประตูแล้วเข้าไป
“ปอ เอ๊ย! กลับมาแล้วเหรอ?”เสียงยายตอบเบาลงจากเดิมเหมือนคนป่วย แต่ลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มให้ฉัน
“ยายเป็นอย่างไรบ้าง? หนูไม่เคยเห็นยายป่วยเลยนะ” ฉันนั่งข้างๆแล้วกอดยาย
“โรคคนแก่น่ะ ไม่มีอะไรหรอก ไปข้างนอกกันดีกว่า ในห้องมันอึดอัดจะได้นั่งคุยกันด้วย มีของฝากมาด้วยไหม?” ยายชวนไปข้างนอกพร้อมทวงของฝาก
แหม! ยายฉัน ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“โห! เจอหน้าหลานก็ทวงของฝากเลย มีสิ! ครั้งนี้ซื้อของที่ยายชอบมาด้วยนะ ไปดูกันดีกว่า” ฉันชวนยายไปข้างนอกแล้วเปิดดูของที่เอามาฝาก
พูดแล้วก็ขำ ยายฉันเมื่อเห็นของฝากแล้วก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็มีขนมเจ้าดังเจ้าหนึ่งมาฝากยาย
“ไอ้นี่น่ะเหรอ! ที่คนเค้าต่อคิวยาวกันยังกับแจกฟรี ก็อร่อยดีนะ แต่ก็คงไม่ถึงขนาดต้องต่อคิวกันยาวขนาดนั้น ไม่เข้าใจคนกรุงเทพเลยจริงๆ” ยายพูดขึ้นหลังได้ชิมขนม
“มันเป็นการตลาดน่ะยาย ทำให้คนรู้สึกว่าอยากลองเพราะขายดี” ฉันตอบยายพลางกินขนมไปด้วย
ฉันนั่งคุยกับยายอยู่สักพัก แม่ก็ทำกับข้าวเสร็จและเรียกพวกฉันไปนั่งกินมื้อเย็นพร้อมกัน เมื่อบรรยากาศที่อบอุ่นนี้กลับมาอีกครั้งก็ทำให้ฉันหายเครียดและลืมเรื่องที่ทุกข์ใจ แม่กับยายชอบพี่สาวซาตี้มาก พูดคุยหยอกล้อเหมือนเป็นลูกคนหนึ่งในบ้าน ฉันแอบเห็น แวบๆ เหมือนพี่สาวซาตี้จะมีน้ำตาที่หางตา ไม่รู้ว่าแสบตาเพราะควันในครัวตอนแม่ทำกับข้าวหรือตื้นตันใจกับบรรยากาศแบบนี้กันแน่
คืนนั้นฉันกับพี่สาวซาตี้นอนด้วยกัน เหมือนก่อนจะหลับพี่สาวซาตี้บ่นพึมพัมอะไรบางอย่างแล้วก็หลับไป
“ยัยหนู...ขอบคุณอาหารมื้อนี้มาก ข้าไม่เคยมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว”
.............................
ฉันตื่นแต่เช้า เพราะอยากเดินมาสูดอากาศยามเช้า จนเมื่อเดินมาหน้าบ้านก็เห็นกระดาษสี่ถึงห้าแผ่นติดอยู่ที่ประตูบ้าน จึงเดินออกมาดูว่าใครมาติดประกาศอะไร แล้วฉันก็ต้องตกใจเมื่อข้อความนั้นเขียนว่า
“ออกไป! ไอ้พวกบ้านชอบสร้างภาพ! หลอกลวงคนอื่น!”
...........................................