หลังจากจากบ้านที่ต่างจังหวัด ฉันก็เลิกคิดเรื่องคนที่ตั้งกลุ่มเกลียดฉัน และตั้งใจเรื่องงานกับเรื่องเรียนมากขึ้น
งานมินิคอนเสิร์ตครั้งที่สอง ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ครั้งนี้พวกเราจัดขึ้นที่บ้านพักคนชรา พอได้เห็นรอยยิ้มของผู้สูงอายุเหล่านี้ ฉันก็คิดถึงยายมากยิ่งขึ้นและอยากให้ท่านมีความสุขแบบนี้เช่นกัน
เมื่อมินิคอนเสิร์ตจบลง ก็มีคุณยายคนหนึ่งเดินเข้ามาฉันเพื่อขอบคุณ
“ยายเป็นตัวแทนของเพื่อนๆที่นี่ ขอบคุณหนูและเพื่อนๆมากที่มาช่วยจัดงานในวันนี้ พวกทุกคนมีความสุขและขออวยพรให้หนูและเพื่อนประสบความสำเร็จทั้งเรื่องเรียนและทุกๆเรื่องที่หวังไว้นะ”
คุณยายอายุประมาณเกือบแปดสิบปี รูปร่างผอมตัวเล็ก หน้าตาใจดี กล่าวขอบคุณและให้พรฉัน แต่แล้ว! คุณยายก็พูดต่อ
“ที่ร่างของหนูมีไอชั่วร้ายที่มาจากแรงอาฆาตปกคลุมอยู่ทั่วตัวถึงสองสาย อนาคตของหนูอาจจะถึงชีวิต”
คุณยายพูดเสร็จก็มองไปที่พี่สาวซาตี้ สักพักหนึ่งก็ยิ้มแล้วมองกลับมาแล้วก็จับมือฉันทั้งสองข้าง
“เพราะความดีในตัวหนู ไอชั่วร้ายสายหนึ่งเลยหันมาช่วยปกป้อง แต่อีกสายหนึ่งน่าจะมีความแค้นกับหนูมากๆ จำคำยายไว้นะ ถ้าหนูจะผ่านไปได้ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งและต้องมีความกล้ามากกว่าที่ผ่านมา จึงจะผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้” คุณยายพูดเสร็จก็เดินหนีหายไป ปล่อยให้ฉันยืนงงอยู่คนเดียว
“น่าสนใจจริงๆ ในหมู่พวกมนุษย์ตอนนี้ ก็ยังมีคนที่สัมผัสถึงวิญญาณได้ด้วย” พี่สาวซาตี้พูดขึ้นมา แล้วมายืนอยู่ข้างๆฉัน
“ก็อย่างที่คุณยายคนนั่นบอกนั่นแหละ เจ้าก็ตั้งใจทำทุกอย่างให้เต็มที่ เรื่องร้ายๆที่พบเจออยู่ก็น่าจะผ่านไปด้วยดี” พี่สาวซาตี้พูดแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ
ทั้งคำพูดของคุณยายและพี่สาวซาตี้ทำเอาฉันงงมากกว่าเดิม นี่ตกลงฉันจะเชื่อได้ไหมนี่ เฮ้อ!.....
หลังจากจบงานมินิคอนเสิร์ตฉันก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอีกและตารางงานเดือนนี้ก็แน่นจนแทบไม่มีเวลาว่าง
จนกระทั่งเวลาผ่านเกือบเดือน ก็ใกล้ถึงงานมินิคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย วันหนึ่งสามสาวตระกูล ม. ก็เดินมาบอกฉันว่า
“ปอ! พวกเราสามคนคงไม่ได้ไปช่วยงานมินิคอนเสิร์ตครั้งนี้นะ พวกเราทั้งสามคนติดธุระช่วงนั้น” ยัยมินท์ สาวจอมพลังเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ เอ่ยปากบอกฉัน
“ไม่เป็นไร พวกแกไม่ว่างกันนี่ ช่วยแค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว แล้วนั้นพวกแกไปไหนกัน เผื่อฉันเสร็จงานแล้วจะได้ตามไป” ฉันถามต่อด้วยความอยากรู้
“เอ่อ! ไม่ได้ไปไหนกันหรอก พอดีวันนั้นพวกเราติดธุระพร้อมกันน่ะ” ยัยมินท์พูดตอบแบบอ้ำอึ้ง ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใส่ใจ และชวนคุยเรื่องอื่นแทน
แต่ฉันหารู้ไม่ว่า...ทั้งสามคนเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น
หลังงานมินิคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่บ้านเด็กด้อยโอกาสจบลง พี่เจมส์ก็เดินมาหาฉัน
“ทำไมวันนี้สามสาวไม่มาด้วยล่ะ เสียดายจัง วันนี้งานสนุกมากเลยนะ” พี่เจมส์นั่งดื่มน้ำข้างๆฉันที่โต๊ะ
“สามคนนั้นติดธุระกันค่ะพี่ แหม! ช่วยมาตั้งแต่ต้น แค่นี้หนูก็เกรงใจเพื่อนๆมากแล้ว” ฉันตอบพี่เจมส์
“แต่ช่วงหลังพี่เห็นน้องปอร์เช่ ไม่ค่อยได้เดินไปไหนมาไหนกับสามสาวเลยนะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรผิดใจกันใช่ไหมครับ?” พี่เจมส์สงสัย
“ไม่นี่คะ ช่วงนี้หนูยุ่งๆด้วย สามสาวอาจจะไม่อยากรบกวน เลยไม่ค่อยได้เดินด้วยกันค่ะ” ฉันตอบพี่เจมส์ตามตรง
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วครับ วันนี้เลิกแล้วพวกเราไปฉลองหมูกระทะกันดีไหมครับ?” พี่เจมส์ชวนฉันไปกินหมูกระทะกับเพื่อนๆที่มาช่วยในงาน
“ได้เลยค่ะ หนูก็กะจะเลี้ยงพี่เจมส์กับเพื่อเหมือนกันแทนคำขอบคุณที่มาช่วยงานค่ะ” ฉันตอบตกลงทันที
“ไม่ต้องคิดมากนะครับน้องปอร์เช่ งานการกุศลแบบนี้ ได้มาช่วยบ่อยๆพวกพี่ก็ยอม” พี่เจมส์พูดแล้วก็ส่งยิ้มให้ฉัน
เย็นวันนั้นพวกเราก็เลยไปฉลองจบงานมินิคอนเสิร์ตโดยไม่มีสามสาวไปร่วมด้วย เนื่องจากติดธุระกัน
หลังจากจบวันงาน ฉันคิดถึงคำพูดพี่เจมส์แล้วก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ทั้งสามคนมีให้
จนกระทั่งฉันเริ่มทนไม่ไหว จึงถามทั้งสามแบบตรงๆ
“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมดูเหมือนตอนนี้พวกเราห่างกัน ไม่สนิทเหมือนเมื่อก่อน”
ทั้งสามคนฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก ยัยมินท์ก็เป็นคนพูดแทน
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเราเห็นแกยุ่งๆ ก็เลยไม่อยากกวน อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้วก็ปิดเทอม พวกเราก็เลยอยากให้คะแนนดีขึ้นด้วยเลยไม่ค่อยได้ไปไหนกับแกเหมือนเดิม”
“แกไม่ต้องคิดมากหรอก บางทีเวลาเรียนพวกเราก็อยากได้คะแนนดีๆบ้างก็เท่านั้น” ยัยหม่อนสาวเนิร์ดพูดเสริม
“ช่วงนี้ฉันก็ลดน้ำหนักอยู่ เลยไม่ค่อยชวนแกเหมือนกัน”ยัยสาวจอมกินพูดบ้าง
เมื่อเห็นสามสาวเหมือนปฏิเสธ ฉันก็พยายามไม่คิดมาก แล้วปล่อยให้เลยตามเลย
และแล้วพวกเราก็สอบเสร็จและก็ปิดเทอมอีกครั้ง
ชีวิตบางทีก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวฉันก็หมดเทอมแรกของ ม.5 แล้ว
นับตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่ชีวิตฉันก็ผ่านอะไรหลายอย่างจนน่าเหลือเชื่อ บางทีโลกที่มันดูมีสีสันแบบนี้ คงเริ่มจากวันที่ฉันเลือกทำพันธสัญญากับพี่สาวซาตี้
บางทีเหตุการณ์เล็กๆ ก็เปลี่ยนชีวิตเราได้เหมือนกัน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าทุกเหตุการณ์ในชีวิตไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ล้วนกำหนดอนาคตของเราได้ทั้งนั้น
เหมือนกับที่ฉันจะไม่เคยคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์เล็กๆของสามสาว ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากเรื่องไหน จะทำให้ตลอดปิดเทอมนั้น เราก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย
ในช่วงปิดเทอมครั้งนี้ฉันไม่ได้กลับบ้านต่างจังหวัด เพราะเตรียมตัวทำของที่ระลึกขอบคุณแฟนคลับตามคำแนะนำของพี่สาวซาตี้ เพราะพี่สาวซาตี้ได้วิเคราะห์คะแนนแล้วว่าฉันน่าจะได้เข้ารอบสุดท้าย เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่อันดับเท่าไหร่
“นี่เราต้องทำอีกกี่ชุดนี่พี่สาวซาตี้ มือหนูจะหงิกอยู่แล้วนะ” ฉันบ่นขณะที่กำลังเย็บตุ๊กตาตัวเล็กๆเพื่อทำพวงกุญแจแจกแฟนคลับ
“อย่าเพิ่งบ่นน่ายัยหนู! เจ้าเป็นคนเลือกเองนะว่าจะทำของชิ้นนี้ ตอนนี้เพิ่งจะได้แค่ห้าสิบห้าตัวเอง ยังขาดอีกเก้าร้อยสี่สิบห้าตัวถึงจะครบพันชุด” พี่สาวซาตี้บอกขณะที่กำลังถ่ายคลิป
“ก็พี่สาวซาตี้เป็นคนบอกเองว่า ของขอบคุณที่ดีควรจะทำเอง หนูก็คิดว่าอันนี้ง่ายสุดแล้วล่ะสิ ดูมือน้อยๆของหนูสิ บวมเป็นใบลานแล้ว” ฉันพูดพลางยกมือให้พี่สาวซาตี้ดู
“เอาน่าไม่ต้องบ่น นั่งทำไปก็แล้วกัน” พี่สาวซาตี้ตัดบทแล้วก็ถ่ายคลิปต่อ
เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น ด้วยความที่กำลังเย็บตุ๊กตาอยู่ฉันจึงรับสายเลยโดยไม่ดูว่าใครเป็นคนโทรมา
“สวัสดีครับ น้องปอร์เช่ใช่ไหมครับ” เสียงคุ้นๆจากปลายสายทักทายก่อน
“ใช่ค่ะ! ไม่ทราบจากไหนค่ะ” ฉันตอบแบบสั้นๆ
“นี่พี่เจมส์นะครับ แหม! ไม่ได้เมมเบอร์พี่ไว้ใช่ไหมนี่” พี่เจมส์แซวฉัน
“อ้าว! พี่เจมส์เองหรือคะ! พอดีหนูกำลังเย็ยตุ๊กตาอยู่น่ะค่ะเลยไม่ทันมอง แล้ว.....” พอรู้ว่าพี่เจมส์โทรมาฉันก็วางงานทั้งหมดทันที
นานๆ จะมีผู้ชายหลงโทรมาหา ก็ขอหน่อยเถอะนะ!
ฉันคุยกับพี่เจมส์ประมาณครึ่งชั่วโมงก็วางสาย แล้วเดินยิ้มกลับมา
“เป็นอะไรไปยัยหนู! ยิ้มหน้าบานมาเลย” พี่สาวซาตี้แซวฉัน
“ไม่มีอะไร! แค่มีผู้ชายชวนไปเดทวันเสาร์นี้น่ะ ” ฉันยื่นหน้าไปพูดกับพี่สาวซาตี้ด้วยความสุข แล้วก็เข้าสู่โลกของทุ่งลาเวนเดอร์ ทันที!
“โอ้! โลกของความรัก ทุกอย่างที่นี่ดูสวยไปหมด ถึงว่าทำไมผู้คนถึงชอบมาวิ่งเล่นกัน” ฉันมองโลกในจินตนาการที่มีดอกลาเวนเดอร์เต็มไปหมด ทางเดินข้างหน้ามีป้ายเขียนไว้ด้านบนว่า
“ยินดีต้องรับ สู่เส้นทางแห่งความรักของปอร์เช่”
วุ้ย! เขินๆ และแล้วฉันก็เดินวิ่งบ้าบออยู่ในห้อง จนพี่สาวซาตี้ส่ายหน้าเบาๆ
“มนุษย์นี่ช่างจินตนาการกันเก่งจริงๆ เฮ้อ!”
........................................