สวัสดี...กลิ่นฤดูแห่งความรัก
ตอนที่ 41 เดทแรกที่(ไม่)น่าจดจำ
“เดี๋ยวเรา...ไปตรงโน้นดีกว่านะครับ” พี่เจมส์ชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ดูเปลี่ยวและลึกลับ
 
“จะดีหรือคะพี่เจมส์ หนูว่าเราไปที่อื่นกันดีกว่าค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าดูไม่ค่อยดี
 
“พี่ว่าดีนะครับ น้องปอร์เช่จะได้ไม่ต้องกลัวคนเห็น” พี่เจมส์มองหน้าฉันแล้วยิ้ม
 
“ก็..ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับคำพี่เจมส์ แล้วเดินตามต้อยๆ เข้าบ้านลึกลับที่ดูน่ากลัว
 
เดทแรกของฉัน...ก็เดินตามผู้ชายเข้าบ้านร้างซะแล้ว ถึงจะเป็นครั้งแรก...แต่ฉันก็ยังกลัวอยู่ดี
 
อะไรกัน! คิดกันไปถึงไหน ฉันก็แค่เดินตามพี่เจมส์เข้าบ้านผีสิงที่สวนสนุกแห่งหนึ่งก็เท่านั้นเอง
 
ก็พี่เจมส์ชวนฉันมาที่สวนสนุก! เพราะบอกว่ามีบัตรฟรีจากพี่สาวที่ทำงานเป็นผู้บริหารของที่นี่เป็นคนเอามาให้ แล้วพี่แมกซ์ก็ไม่ว่างจึงมาชวนฉันแทน
 
แหม! พ่อหนุ่มจะชวนสาวมาเดททั้งทีก็หาข้ออ้าง รู้หรอกน่ะหนุ่มน้อย อิอิ
 
แต่เพื่อให้ดูว่าฉันยังเป็นเพียงแค่ลูกแกะตัวน้อย ก็เลยเล่นตามบทไป ฮ่าๆๆ!
 
นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มาเที่ยวสวนสนุกแบบนี้ เคยเล่นก็แต่เครื่องเล่นตามงานวัดแถวบ้าน พอมาที่นี่ดูทุกอย่างมันอัพเกรดไปหมด
 
ตามประสาเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งมาเที่ยวด้วยกันสองต่อสองครั้งแรก ฉันและพี่เจมส์ก็ดูเกร็งๆ ต่างจากที่เราเคยคุยกันที่โรงเรียน
 
ฉันแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์แล้วมีเสื้อแจ็คเก็ตผูกเอวไว้  เผื่อว่าตอนบ่ายแดดร้อนจะได้เอามาใส่กันแดด
 
ส่วนพี่เจมส์ใส่หมวกแก๊ป เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์เหมือนกัน ดูเผินๆเหมือนเราแต่งตัวคู่กันเหมือนกับคู่รัก
 
“แหม! เราสองคนแต่งตัวเหมือนกันเลยนะคะ” ฉันเอ่ยทักพี่เจมส์เมื่อตอนที่เจอกัน
 
“นั่นสิครับ! ไม่คิดว่าจะใจตรงกันขนาดนี้” พี่เจมส์ตอบแล้วยิ้ม
 
โดนหยอดเข้าไปหนึ่งหนึ่งดอก แหม! ร้ายเหมือนกันนะพ่อหนุ่ม เล่นซะฉันหน้าแดงตั้งแต่เช้าเลย
 
เราสองคนเริ่มจากเดินเล่นกันก่อน ฉันตื่นตาตื่นใจมากกับความสวยงามของที่นี่ ราวกับเป็นดินแดนเทพนิยายสมัยเด็กที่เคยฝัน ทั้งปราสาทเทพนิยาย มาสคอทรูปตัวการ์ตูนหรือทีมงานที่แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง เจ้าชายและตัวตลก ทุกอย่างดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับฉัน
 
ขณะเดินเที่ยวฉันก็คิดว่าทำไมสวนสนุกแบบนี้ถึงไม่มีกันทุกจังหวัด เพราะเด็กๆน่าจะชอบและสนุกมากกว่าเครื่องเล่นตามงานวัดแน่ๆ ทำให้คิดไปว่าเด็กกรุงเทพนี่โชคดีมาก เพราะพวกเขาอยู่กับสิ่งที่ทันสมัยและเอื้อต่อการเรียนรู้หลายๆอย่างจริงๆ
 
พอมองเห็นรถไฟเหาะตีลังกา ฉันก็ชี้แล้วชวนพี่เจมส์เล่นทันที
 
“พี่เจมส์คะ เราไปเล่นรถไฟเหาะกัน” ฉันทำตาเป็นประกายเหมือนเด็กเจอของเล่น
 
พี่เจมส์พยักหน้า หลังจากนั้นพวกเราก็เดินมาที่รถไฟเหาะตีลังกาเพื่อต่อคิวอันยาวเหยียดเพื่อรอขึ้นเครื่องเล่นอันแรก
 
เคยมีคนบอกว่า อันที่จริงเครื่องเล่นต่างๆไม่ได้น่ากลัวมากและใช้เวลาเล่นแต่ละรอบไม่นาน แต่การที่สวนสนุกให้ต่อคิวยาวๆเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ให้ผู้คนได้ยินเสียงกรี๊ดจะได้สร้างความตื่นเต้นและรู้สึกคุ้มค่ากับค่าบัตรเครื่องเล่น
 
และแล้วฉันก็ได้นั่งบนรถไฟเหาะครั้งแรกด้วยความตื่นเต้น พอเสียงสัญญาณการปล่อยดังขึ้น ฉันก็เหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่งทันที
 
“กรี๊ดดด!...” ตื่นเต้น น่ากลัว หวาดเสียว ทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมด จนต้องหลับตากรีดร้อง ถึงว่าตอนอยู่ข้างล่าง ฉันก็สงสัยว่าจะร้องกันทำไม ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว!
 
รถไฟเหาะวิ่งน่าหวาดเสียวเท่าไหร่ ฉันก็กรีดร้องดังเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่กรีดร้องได้ดังขนาดนี้และสะใจมากๆ ที่สำคัญความเครียดที่สะสมมาหายไปจนหมดจริงๆ
 
แต่...........
 
“น้องปอร์เช่ไหวไหมครับ?” พี่เจมส์ถามฉันและช่วยพยุงฉันที่เดินป้อแป้ โซเซแทบจะล้ม ตอนลงจากรถไฟเหาะ
 
อะไรนะ! หาว่าฉันอ่อย  ไม่ได้อ่อยเฟ้ย! ลมกำลังจะกิน
 
พี่เจมส์พาฉันมานั่งที่ม้านั่งและวิ่งไปหาซื้อยาดมมาให้ฉัน ขณะที่ฉันนั่งหมดแรงเพราะจะเป็นลมเนื่องจากเวียนหัว
 
“ก็...สนุกนะคะ...แต่เวียนหัว คล้ายจะเป็นลมมมมมม” ฉันพูดช้าๆ พร้อมดมยาดมไปด้วยอย่างหมดฟอร์ม ส่วนพี่เจมส์ก็ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ
 
หลังฉันหายเป็นปกติเราสองคนก็เว้นเรื่องเครื่องเล่นก่อน แล้วเดินคุยกัน ขณะที่เดินคุยกันสายตาของฉันก็มองเห็นตัวตลกอ้วนๆคนหนึ่ง กำลังบิดลูกโป่งเป็นรูปต่างๆอยู่ จึงเดินเข้ามาดูเพราะอยากได้บ้าง
 
“เอารูปหมาหนึ่งตัวค่ะ!” ฉันบอกตัวตลกอ้วน
 
“แอบมาเที่ยวไม่ชวนกันเลยนะ!” ตัวตลกอ้วนพูดตอบ ด้วยเสียงที่คุ้นเคย จนฉันมองไปที่หน้าของตัวตลก แล้วก็ต้องตกใจ!
 
“พี่สาวซาตี้! มาได้ไงนี่!” ฉันร้องอุทานขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวซาตี้อยู่ในชุดตัวตลก
 
“หน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวไง ต้องตามมาดูก็เลยรับจ๊อบบิดลูกโป่งไปด้วย” พี่สาวซาตี้ตอบด้วยหน้านิ่งๆเช่นเคย
 
“โถ! ไม่เลือกงานไม่ยากจนจริงๆ เอาสวยๆหน่อยนะ คุณตัวตลก!” ฉันแซวพี่สาวซาตี้
 
“ดูท่าทางเจ้าจะมีความสุข จนลืมพี่สาวคนนี้เลยนะ” พี่สาวซาตี้พูดแบบงอนๆ
 
“โห! เราอยู่ด้วยกันทุกวันยี่สิบสี่ชั่วโมง หนูจะลืมพี่สาวซาตี้ได้อย่างไร วันนี้ขอเวลาส่วนตัวเที่ยวกับหนุ่มสักวันนะ” ฉัยพูดแล้วก็ยิ้มแห้งๆ
 
“ให้วันนี้แค่วันเดียวนะ อย่าทำอะไรไม่ดีล่ะ เด็กสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ เอ้า! เสร็จแล้ว ร้อยนึง” พี่สาวซาตี้พูดห้วนๆ พลางแบมือขอค่าลูกโป่ง
 
“อ่ะ! เอาไป แค่นี้ก็ให้น้องสาวสุดที่รักฟรีๆ บ้างก็ไม่ได้” ฉันบ่นอุบพลางยื่นเงินใส่มือพี่สาวซาตี้
 
“แล้วก็อย่ากลับค่ำล่ะ ขี้เกียจรอเปิดประตู” พี่สาวซาตี้ยื่นลูกโป่งให้พร้อมบ่นนิดหน่อย แล้วก็เดินจากไป
 
ฉันรับลูกโป่งมาแล้วก็มองดูพี่สาวปากร้ายใจดีคนนี้ ที่ดูเป็นห่วงฉันตลอดเวลา ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนที่โชคดี  แต่............
 
“พี่สาวซาตี้เอาเงินคืนมาเลยนะ! นี่มันหลอกกันนี่! ให้ทำรูปหมามาดันทำมาเป็นจิ้งเหลนซะงั้น ทำไมมันน่าเกลียดอย่างนี้ เฮ้อ!..” ฉันบ่นยาวเพราะลูกโป่งในมือดูน่าเกลียด เกินกว่าที่จะถืออวดใครๆ
 
ก็ลืมนึกไปว่าพี่สาวซาตี้จะไปหัดบิดลูกโป่งมาจากไหน....ลาก่อนหนึ่งร้อยบาทของฉัน เสียเงินฟรีซะแล้ว!
 
ถึงจะบ่นแต่ฉันก็ยังถือลูกโป่งของพี่สาวซาตี้เดินเที่ยวต่ออย่างไม่อายใคร ไม่ได้เป็นคนดีหรอกนะ แต่เอาไว้โชว์ให้คนอื่นเห็นว่าอย่าไปใช้บริการตัวตลกอ้วนคนนี้ หุหุ ร้ายไหมล่ะ!
 
จนกระทั่งมาถึงบ้านผีสิง คราวนี้พี่เจมส์เป็นฝ่ายชวนฉัน
 
“พี่อยากเล่นอันนี้บ้างไม่เคยเข้าบ้านผีสิงเลย ไปเล่นกันนะครับ” พี่เจมส์พูดพร้อมทำตาเป็นประกายเหมือนฉันเมื่อเช้า แม้ว่าจะพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายฉันก็ตอบว่า
 
“ก็..ก็ได้ค่ะ” แล้วก็เดินตามผู้ชายไป
 
พี่เจมส์จะรู้ไหมนะ ว่าฉันน่ะ.....โคตรจะกลัวผีเลย! แม่จ๋า..ช่วยหนูด้วย ฮือๆ!
.....................................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 42 เวทย์ต้องห้าม