ฉันยืนอยู่หน้าทางเข้าที่น่ากลัวด้วยอารมณ์ตึงเครียด เพราะตอนนี้พี่เจมส์กำลังพาฉันหาสิ่งที่กลัวที่สุดนั่นก็คือ
ฉันกลัวผีมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะยายชอบหลอกฉันเรื่องผีเพื่อให้ฉันไม่ซน ไม่ว่าจะเป็นผีจะชอบมาหลอกเด็กดื้อ หรือต้องรีบนอนแต่หัวค่ำเพราะดึกๆ จะมีผีออกมาเดิน ทำให้ฉันฝังใจกับเรื่องนี้มาก
“มันคือคนใส่ชุด ไม่ใช่ผี..” ฉันพูดให้กำลังใจตัวเอง ขณะรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในบ้านผีสิงพร้อมพี่เจมส์
เอาเข้าจริงๆขนาดเตรียมใจไว้แล้ว ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี
ภายในบ้านผีสิงที่เป็นเหมือนบ้านเก่าๆ และมีควันพร้อมแสงสีแดงๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนวังเวงเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาฉันใจเต้นยิ่งกว่ากลองเมื่อมองไปรอบๆ
บรู๊ววววว! เสียงหมาหอนดังขึ้น ทำเอาฉันหลับตาปี๋และคว้าแขนของพี่เจมส์เอาไว้แบบไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ในนี้ไม่มีผีจริงๆหรอก เป็นแค่หุ่นกับคนใส่ชุดทั้งนั้นแหละ” พี่เจมส์เหมือนรู้ว่าฉันกลัว ก็เลยพูดออกมา
“ระ..รู้ค่ะ...ตะ....แต่...ว่า...หนูก็..ก็..ยังกลัวอยู่ดี” ฉันพูดเสียงสั่น แล้วค่อยๆก้าวเท้าเดินตามพี่เจมส์
“หุหุ เข้ามาแล้ว ด้วยสกิลการหลอกคนมานับสิบปีของฉัน มั่นใจได้เลยว่าคู่นี้ออกไปต้องเลิกกันแน่ๆ” ชายรูปร่างผอมคนหนึ่งในชุดผีที่ห่อด้วยผ้าขาวเก่าๆ ใบหน้าแต่งเป็นผีพร้อมคราบเลือด พูดพึมพัมกับตัวเอง เขาก็คือ “ป๋อง พันศพ”
ป๋องคือชายหนุ่มที่ทำงานในบ้านผีสิงมานับสิบปี เขารับบทบาทผีมาแล้วแทบจะทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นตระกูลผีไทย ผีจีน ผีฝรั่งหรือผีในหนัง ก็ล้วนแต่ตีบทแตกกระจุย
และเขาเองจะตั้งใจมากกว่าทุกๆครั้ง หากเห็นคู่รักเดิมมาในบ้านผีสิง เพราะคติของเขาคือ “หลอกแล้วต้องเลิกกัน!”
“ไอ้พวกคู่รักที่มาเดินบ้านผีสิงแล้วแสดงความรักกัน พวกแกทุกคนทำร้ายจิตใจของฉันมากเกินไปแล้ว รู้ไหมว่าคนโสดอย่างฉันมันอิจฉาโว๊ย!” นั่นก็คือเหตุผลที่เขาตั้งใจหลอกคู่รักเป็นพิเศษ
“น้องปอร์เช่เดินระวังนะครับ ตรงนี้มีกองหิน” พี่เจมส์ส่งเสียงบอกฉันขณะเดินเป็นระยะ เพราะฉันหลับตาปี๋มาตลอดทาง
“เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายนะครับ แล้วก็จะเจอ......เฮ้ย!” เสียงพี่เจมส์ตกใจกลัวเมื่อเห็นผีห่อผ้าขาวลอยมาตรงหน้าแล้วยิ้มให้
“ไป.....ด้วย.......สิ....” ผีตรงหน้าพูดขึ้น พร้อมแลบลิ้นปลิ้นตา ซึ่งเป็นช่วงที่ฉันลืมตาขึ้นมามองพี่เจมส์พอดี
“ผีหลอก!....กรี๊ดดด” ฉันตกใจร้องเสียงหลง ปล่อยมือจากแขนพี่เจมส์แล้ววิ่งไปแบบไม่คิดชีวิต
“น้องปอร์เช่!...เดี๋ยว...” พี่เจมส์พยายามจะร้องเรียกฉัน แต่ไม่ทันแล้ว เพราะฉันวิ่งไปแบบไม่รู้ทิศทางแล้วก็หายไป โดยที่พี่เจมส์ยังไม่ทันก้าวขาออกวิ่งเพื่อตามฉัน จู่ๆไฟก็ดับลงทั้งหมด
“ไฟดับ! เอ! ทำไม่วันนี้ไฟถึงดับได้ ทำงานมาเป็นสิบปีก็ไม่เคยดับ” ป๋อง พันศพ อุทานในใจก่อนปลดสายสลิงที่เอว แล้วค่อยๆยิ่งย้อนไปทางเดิม
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวถึงห้องควบคุมแล้วค่อยตรวจสอบอีกที” ป๋อง พันศพ ค่อยๆย่องตามความคุ้นเคย ไม่นานก็มาถึงประตูที่ซ่อนอยู่ซึ่งเป็นห้องควบคุม เขาเปิดประตู พลางหยิบไฟฉายที่เอวแล้วเปิดขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง ขณะเตรียมจะไปดูแผงควบคุมระบบไฟ แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีใครอยู่ข้างใน จึงหันกระบอกไฟฉายไปที่กลางห้องและเห็นคนนั่งอยู่
“ใครน่ะ! เข้ามาห้องนี้ได้อย่างไร พวกแก! อั่กกก!” ป๋อง พันศพ ตะโกนถามแต่ก็โดนของแข็งทุบลงที่ท้ายทอยจนสลบไป
“โชคร้ายหน่อยนะ ที่แกเข้ามาตอนนี้พอดี ถ้ารออยู่เฉยๆข้างนอกก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆร่างของ ป๋อง พันศพ ในมือถือท่อเหล็กพูดขึ้น พลางเปิดสวิชต์ไฟทำให้ในห้องมีแสงสว่าง เมื่อเห็นหน้าชัดๆแล้ว เขาก็คือนายต้นกล้านั่นเอง
“อย่าเสียเวลาที่นี่เลย เจ้ารีบเปิดไฟในบ้านผีสิงอีกครั้งแล้วออกไปวางวงเวทย์ตามที่ข้าเคยสอน เด็กผู้คนนั้นใกล้ถึงทางออกแล้ว โอกาสแบบนี้หาได้ยากนัก” ซาตานที่นั่งอยู่ตรงแผงควบคุมออกคำสั่ง
“ได้ครับ! เดี๋ยวผมจะรีบไปจัดการ แต่ทำแค่นี้จะได้ผลใช่ไหมครับ” นายต้นกล้าถามขึ้น
“มั่นใจได้ ครั้งนี้ยัยหนูคนนั้นจะได้รับบทเรียนที่ปฏิเสธความหวังดีของข้า ฮ่าๆๆ” ซาตานตอบกลับพร้อมหัวเราะเสียงดัง
...........................
“กรี๊ดดด!” ฉันร้องตลอดทางที่วิ่ง น่าเหลือเชื่อที่ฉันวิ่งหลับตามาตลอด แต่ยังไม่หกล้มจนกระทั่งเหนื่อยฉันจึงหยุดนั่งพัก แล้วค่อยๆลืมตาดูว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“ตายแล้ว! นี่มันตรงไหนของบ้านผีสิงนี่ แถมยังเผลอทิ้งพี่เจมส์ไว้ที่นั่น แล้วจะกลับไปยังไง!” ฉันมองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องๆหนึ่งที่ดูเหมือนห้องนอนที่น่ากลัว
“อึ๋ยย! น่ากลัวชะมัด ลองหาทางออกดูก่อนแล้วไปเจอพี่เจมส์ที่นั่นดีกว่า มาไกลขนาดนี้ทางออกน่าจะอยู่ไม่ไกล”ฉันรวบรวมความกล้าอีกครั้ง แล้วค่อยๆย่องไป ไม่นานก็เห็นแสงไฟสั่นไหวอยู่ที่อีกห้องหนึ่ง
“เอ! ห้องนั้นมีไฟส่องออกมา สงสัยจะเป็นทางออกไปดูก่อนดีกว่า” ฉันค่อยๆย่องแล้วเดินไปตามทิศที่มีแสงไฟทันที จนเข้ามาในห้อง
“นี่มันอะไรกัน!” ฉันร้องอุทานขึ้น เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เบื้องหน้าของฉันมีรูปเส้นวงกลมขนาดประมาณสองเมตร พร้อมด้านในเป็นรูปหกเหลี่ยมและตัวอักษรประหลาดเขียนอยู่บนพื้น โดยมีเทียนไขวางอยู่โดยรอบวงกลมนั้น
พลันสายตาฉันก็มองไปที่กลางวงกลม แล้วก็พบว่ามีรูปของฉันวางอยู่ตรงกลาง
“ใครมาเล่นพิเรนท์อะไรนี่!” ฉันโมโหขึ้นมาทันที แล้วเดินเข้าไปเพื่อจะหยิบรูปออก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
ทันใดนั้น! วงกลมที่ล้อมรอบอยู่ จู่ๆก็เรืองแสงขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น! แล้วทำไมฉันถึงตัวขยับไม่ได้” ฉันตกใจมากแถมตอนนี้ตัวก็แข็งทื่อขยับไม่ได้
“ฮ่าๆๆ! ยัยหนูตอนนี้เจ้าตกอยู่ในวงเวทย์ต้องห้ามของข้า อย่าพยายามหนีเลยเพราะแม้แต่กระดิกนิ้วก็ยังทำไม่ได้ อยู่นิ่งๆสักพักเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” เสียงของซาตานดังขึ้นภายในห้องโดยมองไม่เห็นตัว
“ไอ้ซาตานเลว! แกทำอะไรกับฉันปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันโมโหและตกใจมากขึ้น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ในขณะเดียวกันพื้นดินในรูปวงกลมก็ปรากฎกลุ่มควันสีดำล้อมรอบฉันเอาไว้
“มีไม่กี่อึดใจเจ้าก็จะรู้ว่าข้าทำอะไร ไม่นานหรอก!” เสียงซาตานดังขึ้นอีก และตอนนี้ควันสีดำในวงกลมก็แน่นขนัด จนฉันมองอะไรไม่เห็นและรู้สึกร้อนทั่วร่าง
ทันใดนั้นเอง! ฉันก็รู้สึกว่าร้อนและเจ็บปวดทั่วร่าง จนต้องร้องไห้ออกมา
ไม่กี่อึดใจ ควันสีดำก็หายไป เหลือแต่ร่างของฉันที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้นและเริ่มขยับตัวได้
“นี่เป็นการสั่งสอนเจ้าที่ปฏิเสธความหวังดีของข้า จากนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของซาตานดังก้องไปจนทั่วห้องแล้วก็หายไป เหลือแต่ฉันที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้น
“นี่เจ้าซาตานมันทำอะไรกับฉันนี่!” ฉันพูดกับตัวเอง ดูร่างกายตัวเองว่ามีบาดแผลหรือเปล่า พร้อมหยิบกระจกขึ้นมาส่องหน้า
แล้วก็ต้องตกใจมากที่สุดในชีวิต เมื่อพบว่า....
ตอนนี้.....ฉันกำลังกลับไปอยู่ในร่างเดิม!
....................................