สวัสดี...กลิ่นฤดูแห่งความรัก
ตอนที่ 44 สู่โลกใบเก่า
ช่วงที่ฉันอยู่คนเดียว นอกจากสั่งอาหารด้วยแอพพลิเคชั่นบนมือถือแล้วก็แทบไม่ได้ออกไปไหน มีก็แต่ซื้อของใช้บ้างนิดๆหน่อยๆ ซึ่งก็ไปแค่ร้านใกล้ๆหอพัก
 
น่าแปลก…ที่สมัยก่อนเวลาเป็นร่างใหม่ที่หน้าตาดี เดินไปแล้วมีผู้คนทักทายยิ้มแย้มแม้ไม่รู้จักกัน แต่พอกลับมาอยู่ในร่างเดิม ผู้คนรอบๆก็ทำหน้าตาเฉยเมย มากกว่านั้นคือพูดจาห้วนๆใส่แบบไม่มีหางเสียง แม้แต่คนที่ฉันคิดว่านิสัยดีเหมือนน้องที่ร้านค้ามินิมาร์ทแห่งนี้
 
ร้านค้ามินิมาร์ทที่นี่ ปกติแม้ฉันไม่ได้มาซื้อของบ่อยๆแต่พนักงานก็ต้อนรับและทักทายเป็นกันเอง แต่ครั้งนี้ฉันมาด้วยรูปลักษณ์เดิมที่ อ้วน เตี้ย ล่ำ ดำ สิวเขรอะ แถมยังใส่แว่นหน้าเตอะ ก็ไม่คิดว่านี่คือน้องนิสัยดีที่ฉันเคยเจอ
 
“ยี่ห้อนี้ไม่มีค่ะ! ยี่ห้ออื่นก็ใช้ได้เหมือนกัน คนอื่นมาก็ไม่ได้เรื่องมากขนาดนี้นะคะ!”น้องคนที่เคยน่ารักรำคาญใส่ เมื่อฉันถามถึงครีมบำรุงยี่ห้อหนึ่ง
 
เอาน่า! น้องเขาอาจจะหงุดหงิดเรื่องงานก็ได้ เลยอารมณ์ไม่ดี ฉันพยายามคิดเช่นนั้น
 
แต่สักพักก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูน่ารักและทำท่าเหมือนเป็นขาจรที่เพิ่งมาครั้งแรก มาถามเรื่องเดียวกับฉัน แต่น้องพนักงานกลับตอบอย่างเป็นมิตร ต่างกับฉันอย่างสิ้นเชิง
 
หน้าตาคนเราก็คงมีส่วนจริงๆ นั่นแหละ
 
ฉันค่อยๆเดินออกไปจากร้านแล้วก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่ว่ายุคสมัยใด คนหน้าตาดีก็มักจะได้อภิสิทธิ์พิเศษ ขนาดฉันยังอยากหน้าตาดีเลย คนอื่นก็คงไม่ต่างกัน
 
ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คนพูดกันถึงผลการประกวด T idol รอบสุดท้ายซึ่งเพิ่งประกาศผลอย่างเป็นทางการ
 
“ฉันว่าแล้วว่าน้องปอร์เช่ต้องได้เข้ารอบ แหม! ทั้งร้องทั้งเต้นแถมยังน่ารักอีก” หญิงสาววัยกลางคน ที่เป็นแม่บ้านของหอพักพูดขึ้น
 
ไม่นานคนอื่นๆที่ได้ดูการประกวดก็พูดถึงคนที่เข้ารอบโดยเฉพาะน้องปอร์เช่ ที่ดูเหมือนจะมีคนชื่นชอบมากมาย
 
ทั้งๆ ที่ฉันควรดีใจที่รู้ว่าตัวเองได้เข้ารอบสุดท้าย แต่ไม่รู้ทำไม...ข้างในหัวใจกลับรู้สึกเศร้าแบบบอกไม่ถูก
 
เหมือนปอร์เช่...คืออีกคนหนึ่งที่ฉันไม่รู้จัก
 
เมื่อถึงห้องพัก ฉันก็นั่งร้องไห้กับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นโลกใบเก่าที่ฉันคุ้นเคย
 
“พี่สาวซาตี้หนูเหงา!....” ฉันคิดถึงพี่สาวซาตี้และเริ่มร้องไห้ภายในห้องอีกครั้ง
 
..................................
 
ตึ๊งๆ!  เสียงแจ้งเตือนข้อความแชท ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง เจ้าของเครื่องเป็นเด็กสาวใส่แว่น ดูท่าทางเป็นเด็กเรียน เด็กสาวคนนี้ก็คือ “ยัยหม่อน” หนึ่งในเพื่อนสาวของฉัน กำลังตอบกับข้อความนั้น
 
“แก! พวกเราทำเกินไปหรือเปล่าวะ! ปิดเทอมนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลย” ยัยไหม สาวจอมกินเป็นคนเปิดกระทู้ในห้องแชท
 
“ฉันก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน” ยัยหม่อน พิมพ์ตอบกลับ
 
“แต่พวกเราตกลงกันแล้วนี่ ว่าจะทำแบบนี้” ยัยมินท์สาวจอมพลัง พิมพ์อธิบายเหตุผล
 
ทั้งสามสาวคุยกันในวันที่ใกล้จะเปิดเทอม หลังจากที่ทั้งสามสาวห่างจากฉันไปก็มาตั้งห้องใหม่คุยกันแค่สามคน
 
“เราคบกันก็นานนะ แถมปอเองก็อาจจะไม่ได้เป็นคนแบบนั้นจริงๆก็ได้”ยัยไหมชี้แจง
 
“บางทีฉันว่า...พวกเรามานั่งคุยกันใหม่ดีไหม?”ยัยหม่อนเสนอ
 
“ดีๆ ฉันเห็นด้วย!” ยัยไหมเห็นตาม
 
“ฉันด้วย!” ยัยมินท์สนับสนุน
 
และแล้วไม่นาน ทั้งสามสาวก็ออกมาเจอกันที่ร้านคาเฟ่ขนมแห่งหนึ่ง
 
“พวกแกมีใครได้ติดต่อปอ ช่วงปิดเทอมบ้างไหม?” ยัยหม่อนถาม
 
“ไม่เลย!”
“ฉันก็ไม่ได้ติดต่อ”
สองสาวที่เหลือตอบด้วยเสียงอ่อยๆ
 
“เอาล่ะ! ฉันนั่งคิดมาตลอดช่วงปิดเทอมแล้ว ฉันว่าพวกเราตัดสินใจผิดและทำไม่ถูก” ยัยหม่อนพูดขึ้น
 
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น แค่คลิปเสียงเดียว ทำให้ต้องเลิกคบเพื่อน ฉันมาคิดดูแล้ว ปอ! ก็ไม่น่าเป็นคนพูดนะ”ยัยไหมเสริม
 
 “แต่คลิปที่พวกแก็งค์ไม้ยมกส่งมา มันเป็นเสียงปอ! จริงๆ นะ แถมยังพูดเหมือนกับพวกเราไม่ใช่เพื่อน พูดแล้วฉันยังโกรธไม่หายเลย” ยัยมินท์สาวจอมพลังอธิบายเหตุผล
           
 “ฉันลองเอาคลิปไปให้พี่ที่เป็นแฮกเกอร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ตรวจสอบแล้ว เค้าบอกว่าคลิปนี้น่าสงสัย” ยัยหม่อนหยิบกระดาษที่มีข้อมูลขึ้นมาหนึ่งแผ่น
 
“แกตรวจสอบเสร็จแล้วเหรอ! ไหนๆขอดูหน่อย” สองสาวพูดขึ้นแทยจะพร้อมกันแล้วดูข้อมูลในเอกสารทันที
 
“ปกติคลิปเสียงจะมีข้อมูลของแหล่งที่มาว่ามาจากโทรศัพท์หรือมาจากอะไรพร้อมข้อมูลอื่นๆ แต่คลิปเสียงนี้ไม่มี แต่บอกว่ามาจากคอมพิวเตอร์”ยัยหม่อนชี้ข้อมูลให้เพื่อนๆดู
 
“หมายความว่า?” สองสาวทำหน้าเหวอ
 
“หมายความว่าคลิปนี้ ไม่ใช่คลิปที่มาจากปอ คุยกับพี่เจมส์แต่มันมีโอกาศเป็นคลิปที่ตัดต่อจากเสียงจริงๆของปอ แม้ว่าฉันจะไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มั่นใจได้ว่าพวกเราโดนหลอก”  ยัยหม่อนพูดอธิบาย
           
ใครจะรู้ว่า จริงๆแล้วเบื้องหลังของสามสาวที่ห่างเหินกับฉันก็เกิดมาจากคลิปเสียงเพียงคลิปเดียวเท่านั้น  
 
โดยก่อนหน้านั้นแก๊งค์ไม้ยมกได้เรียกสามสาวไปคุยและให้ฟังคลิปเสียงนี้ ซึ่งสามสาวก็งง แต่ก็ยอมฟังโดยดี และเมื่อได้ฟังสามสาวก็ตกใจ เพราะมันเป็นเสียงของฉันกำลังนินทาสามสาวให้พี่เจมส์ฟังนั่นเอง
 
“สามสาวนั่นเหรอคะ! พี่เจมส์ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ หนูก็แค่ทนฝืนคบเพราะสงสารค่ะ ทั้งสามคนอย่าเรียกว่าเพื่อนเลยค่ะ เรียกว่าคนรับใช้ส่วนตัวดีกว่า เรียกให้ไปทำอะไรก็ไปทำไม่กล้ามีปากมีเสียง ขอแค่หนูยอมคบเป็นเพื่อนก็พอ.....”
 
นั่นคือข้อความบางส่วนจากคลิปเสียง ส่วนใหญ่นอกจากจะพูดกับพี่เจมส์เรื่องนี้ ยังมีการบูลลี่สามสาวแยกคน ให้พี่เจมส์ฟังอีกด้วย
 
เฮ้อ! เพื่อนนะเพื่อน ทำไมหูเบากันขนาดนี้
 
..............................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 45 การหายตัวของปอร์เช่