พ่อของฉันเสียไปตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุเพิ่งห้าขวบด้วยโรคหัวใจ ดังนั้น...สำหรับฉันความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับพ่อ จึงลางเลือนเหลือเกิน
เรื่องราวของพ่อ ฉันมารู้ในวัยที่โตขึ้นจากคนอื่นแทบทั้งหมด นอกจากแม่และยายแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็จดจำพ่อได้ดี
“พ่อของหนูเป็นคนดีและรักครอบครัวมาก” แม่มักจะพูดคำนี้กับฉันบ่อยๆ เวลาที่ฉันถามถึงพ่อเมื่อตอนเด็ก
ทุกคนมักจะบอกว่าพ่อของฉันเป็นคนดีชอบช่วยเหลือคนอื่น จนชาวบ้านอยากให้พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านแต่พ่อไม่เอา และบอกกับทุกคนว่า
“ผมขออยู่กับครอบครัวแบบนี้ดีกว่า” นั่นคือคำพูดของพ่อ ที่ปฏิเสธเรื่องผู้ใหญ่บ้านอยู่เสมอ
หลังแต่งงานกับแม่ พ่อก็ขยันมาก ตื่นตั้งแต่ตีสี่แล้วก็ทำโน่นทำนี่ ก่อนออกไปทำนาทำสวน ตอนนั้นพ่อเริ่มมีเงินจ้างคนแถวนั้นมาช่วยบ้างแล้ว ทำให้นาและสวนของเราขยายไปได้มากกว่าเดิม
นอกจากนี้พ่อยังชอบไปช่วยคนในหมู่บ้านอยู่เสมอโดยที่ไม่เคยคิดค่าใช้จ่าย ซึ่งพ่อมักจะบอกกับแม่เสมอว่า
“บ้านเราอาจจะไม่ได้มีเงินมากก็จริง แต่เราก็รู้ว่าความลำบากของการไม่มี มันเป็นอย่างไร เพราะเราก็เคยไม่มีมาก่อน บ้านใกล้เรือนเคียง อะไรช่วยได้ก็ช่วยกัน”
ด้วยนิสัยของพ่อที่เป็นแบบนี้นอกจากผู้คนในหมู่บ้านจะรักใคร่และเคารพแล้ว แม้แต่ตาของฉันที่เคยไม่ชอบพ่อเมื่อสมัยก่อน ก็รักพ่อเหมือนลูกชายคนหนึ่ง
ส่วนยายของฉันนั้นแอบเชียร์พ่อ มาตั้งแต่สมัยจีบแม่แล้ว
วันที่แม่บอกพ่อว่าตั้งท้อง พ่อดีใจมากและประคบประหงมแม่เป็นอย่างดี งานบ้านแม่ไม่เคยได้ทำอีก พ่อมักจะเหมาทำแทบทุกอย่าง คำที่พ่อบอกแม่ตอนนั้นก็คือ
“ฉันเป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยเห็นหน้าแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของตัวเอง ตอนนี้เรามีลูกแล้วฉันเคยตั้งใจว่าจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ลูกต้องเสียใจ”
จนกระทั่งฉันคลอดออกมา พ่อก็คอยดูแลฉันและแม่อย่างดีตามที่เคยพูดไว้ แม่เคยเล่าให้ฟังว่า นั่นคือช่วงที่ชีวิตมีความสุขที่สุด ที่อยู่กันพร้อมหน้า มันเป็นภาพครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่ใฝ่ฝันมาตลอด
แต่ภาพนั้นก็อยู่ไม่นาน เพราะพ่อจากไปเร็วเกินไป
น่าแปลกที่ฉันจำเรื่องดีๆเหล่านั้นไม่ค่อยได้ จำได้ก็แต่ลางๆว่าเคยถูกมือหนาๆกร้านๆจับอุ้มชูสูงทุกครั้งที่พ่อกลับมาบ้าน
แต่แล้ววันนี้...ฉันกลับฝันถึงพ่อ ด้วยภาพที่ชัดเจน
ในความฝันนั้น ฉันเห็นตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ อายุประมาณ 3-4 ขวบอยู่ในอ้อมกอดของพ่อที่เป็นชายรูปร่างบึกบึน สูงใหญ่ ใบหน้านั้นแม้ไม่ได้หล่อ แต่ก็ดูดีและดูใจดี
“เห็นดอกเหลืองๆนี่ไหมลูก ดอกเหลืองเหลืองนี่ชื่อปอเทือง ที่พ่อเอาไปตั้งตั้งเป็นชื่อลูกไง” พ่อชี้ไปที่ทุ่งปอเทือง ที่ขณะนี้ออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่ง
“หนูรู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงตั้งชื่อนี้ให้หนู มันมีความหมายกับพ่อและแม่มากนะ นอกจากมันจะเป็นชื่อดอกไม้ที่พ่อมอบให้แม่ตอนที่จีบกันแล้ว ดอกปอเทืองยังเป็นดอกไม้ที่เติบโตได้แม้ดินผืนนั้นจะแห้งแล้งกันดาน”
“ผืนดินแห่งนี้ มันแห้งแล้งจนปลูกอะไรไม่ขึ้น แต่ดอกปอเทืองก็ยังสามารถขึ้นมาได้ มันช่วยให้กำลังใจพ่อตอนที่กำลังท้อแท้ แต่พอคิดว่าขนาดดอกไม้ดอกเล็กๆยังไม่ยอมแพ้ แล้วพ่อจะถอดใจได้อย่างไร ก็เลยฮึดสู้จนสำเร็จ”
“สำหรับคนอื่นดอกปอเทืองอาจเป็นเหมือนดอกหญ้าที่ไม่มีค่าและไม่สวย แต่สำหรับพ่อมันคือดอกไม้ที่พิเศษ ตอนที่เหนื่อยแล้วพ่อได้ดูดอกปอเทือง พ่อจะคิดถึงแม่กับหนูและมีแรงขึ้นมาทันที เมื่อดอกปอเทืองแก่เต็มที่ พ่อก็จะเก็บเม็ดปอเทืองเอาไว้ปลูกและไถกลบ เพื่อให้เป็นปุ๋ยสำหรับปลูกพืชอื่นๆต่อไป”
“พ่อจึงอยากให้หนูรู้ว่าชื่อปอเทืองไม่ได้มีความหมายแค่พืชชนิดหนึ่ง แต่มันคือดอกไม้แห่งความมหัศจรรย์ ที่มีความสดใส ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากและพร้อมส่งต่อสิ่งดีๆให้กับผู้อื่น เป็นอย่างไรบ้างความหมายดีใช่ไหม?” พ่อยิ้มแล้วถามฉันที่กำลังเริ่มร้องไห้แล้วใช้มือทุบหน้าอกพ่อ
“นี่แน่ะๆ! พ่อรู้ไหมว่าลูกสาวต้องลำบากเพราะชื่อนี้” ฉันที่ตอนนี้อยู่ในร่างเด็กพูดขึ้น แต่พ่อกลับได้ยินเป็นเสียงร้อง แอ๊ๆ! ของเด็ก
“อ้าว! มาตีพ่อซะแล้ว อย่างนี้ต้องเจอไม้ตาย บินไปเลย!” พ่อพูดจบ ก็ชูฉันขึ้นสุดมือ ทำให้ฉันเห็นวิวของทุ่งดอกปอเทืองสูงขึ้นและเริ่มหัวเราะออกมา
“แน่! ชอบใช่ไหม ทำทีไรอารมณ์ดีขึ้นทุกที อย่างนั้นเรามาบินกลับบ้านกันเลยนะ ปอเทืองบินแล้ว!” พ่อของฉันร้องตะโกนออกมาเหมือนเด็กๆที่มีความสุข ส่วนฉันเองก็จดจำความรู้สึกนี้ได้แล้ว
ความรู้สึกที่พ่อชอบชูฉันขึ้นสูงๆ เพราะต้องการให้ฉันอารมณ์ดี
การโบยบินอันอิสระ ด้วยการอุ้มชู....ด้วยความรักของพ่อ
เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อก็ให้แม่อาบน้ำให้ฉันก่อน เพราะพ่อบอกว่าไม่ถนัด นั่นจึงเป็นงานเดียวที่แม่ทำให้ฉัน
พออาบน้ำเสร็จฉันก็กินข้าวกับ พ่อ แม่ ยายและตา มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของฉันมากๆ ภาพตากับยายแย่งกันอุ้มฉัน แต่พ่อไม่ยอม ทำให้ฉันหัวเราะเสียงดังด้วยความสนุก
คืนนั้นฉันเล่นจนเหนื่อยและหลับ แต่ก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่หยาบกร้านของพ่อกำลังลูบหัวของฉันอยู่
ฉันไม่ได้รังเกียจมือใหญ่ที่หยาบกร้านคู่นี้ แต่กลับรู้สึกว่า....มันอบอุ่นและปลอดภัย
“หลับให้สบายนะลูก เมื่อหนูโตขึ้นพ่ออยากให้หนูจำเรื่องราวตอนนี้ไว้ให้ดี และอยากให้หนูรู้ว่าพ่อกับแม่รักหนูแค่ไหน จงเข้มแข็งและรู้จักแบ่งปันผู้อื่นเหมือนชื่อที่พ่อตั้งให้ พ่อรู้ว่าหนูทำได้ แล้วพ่อจะคอยเอาใจช่วยนะ....”
“รักลูกนะ...ปอเทือง ฝากดูแล แม่กับยายด้วยนะ!”
เมื่อพ่อพูดจบ มือคู่นั้นก็หายไป
ฉันรู้สึกใจหายและก็สะดุ้งตื่น พร้อมตะโกนออกมา
“พ่อ! อย่าไป!............”
ฉันลืมตาขึ้นมา มองไปรอบๆและรู้ว่าเมื่อครู่คือความฝัน แต่มันช่างเป็นความฝันที่เด่นชัดเหมือนของจริงทุกอย่าง
“พ่อจ๋า!.....ฮือๆ” ฉันนั่งร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อ ความทรงจำอันลางเลือนได้กลับมาเพราะความฝัน ฉันจดจำเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพ่อได้แล้ว
“พ่อจ๋า!...หนูขอโทษ หนูอ่อนแอทำให้พ่อต้องผิดหวัง” ฉันร้องไห้หนักขึ้น เมื่อจำได้ถึงความหมายของชื่อที่พ่อตั้งให้
“ยัยหนู! ดึกขนาดนี้ ร้องไห้ทำไม?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากมุมห้อง
ฉันหันไปมองตามเสียง ก็เห็นร่างอ้วนกลมขาวๆ ปรากฎขึ้น
“พี่สาวซาตี้!.” ฉันอุทานเสียงดังด้วยความดีใจ พร้อมวิ่งเข้าไปกอดพี่สาวซาตี้ด้วยความคิดถึง
“ข้ากลับมาแล้ว!" พี่สาวซาตี้กอดฉันตอบ แล้วพูดต่อว่า
"พวกเราเตรียมตัวไปเอาคืนคนพวกนั้นกันเถอะ!”
......................................