เพราะกระแสรายการที่มาแรงมาก ทำให้ทุกอย่างของรายการอยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วประเทศและทั่วโลก ประวัติและผลงานเพลงของผู้เข้ารอบก็ถูกทำเป็นสกู๊ปพิเศษ ผู้คนต่างก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับผู้สมัครแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของฉันที่หายตัวไปในช่วงนี้
“รายการใหญ่ขนาดนี้! ปล่อยให้ผู้เข้าประกวดหายตัวไปได้อย่างไร น่าจะตัดสิทธิ์แล้วเอาคนอื่นเข้ามาแทนนะ!” จาก ป้าแจ๋ว ประเทศไทย
“คงไม่กล้าสู้หน้าผู้คนน่ะสิ! หน้าตาแบบนี้ลงทุนไปทำศัลยกรรมถึงเกาหลี เข้าข่ายหลอกลวงชัดๆ เด็กแบบนี้ไม่มีคนเชียร์หรอก!” จาก ใครจะดีกว่าฉันไม่ได้ ประเทศไทย
“มีผู้เข้าสมัครคนหนึ่งหายตัวไปเพราะโดนโจมตีว่าไปทำศัลยกรรม ฉันนึกว่าประเทศไทยที่เป็นเมืองพุทธจะไม่มีการบูลลี่เรื่องหน้าตากันเสียอีก” จาก ลอเลน ประเทศแคนาดา
“นี่มันคือการประกวดความสามารถหรือหน้าตา ฉันคิดว่าเป็นเรื่องตลกที่คนไทยเอาแต่โจมตีเรื่องทำศัลยกรรมโดยไม่ดูที่ความสามารถ” มาชิมูระ จากประเทศญี่ปุ่น
เมื่อรอบนี้เปิดโอกาสให้แฟนเพลงต่างประเทศร่วมโหวตด้วย เหล่าแฟนเพลงต่างชาติก็มองต่างในเรื่องของฉัน ทำให้กระแสของฉันเริ่มดีขึ้นทีละนิด
“พี่โอมครับ! ทางคุณเจนิเฟอร์ติดต่อกลับมาแล้ว บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการประกวดน้องปอร์เช่ ยังยืนยันจะมาประกวดในรอบสุดท้ายแน่นอนครับ” พี่เบียร์ทำหน้าตาดีใจก่อนวิ่งเข้ามารายงาน
“ดีมาก! เหลือเวลาอีกไม่นานก็ถึงวันประกวดรอบสุดท้ายแล้ว เบียร์ได้คุยเรื่องเพลงที่จะต้องอัดก่อนไหม เพราะเราต้องรีบทำแล้วติดต่อศิลปินนะ?”พี่โอมถามขึ้น
“คุยแล้วครับ! ทางน้องปอร์เช่จะให้รายละเอียดทั้งหมดในวันแถลงข่าวครับ” พี่เบียร์ตอบ
“แถลงข่าว! น้องปอร์เช่จะแถลงข่าวเมื่อไหร่?” พี่โอมได้ยินก็รู้สึกตกใจ
“ทางคุณเจนิเฟอร์แจ้งว่า เนื่องจากเรื่องราวที่วุ่นวายทั้งหมดนอกจากกระทบกับชื่อเสียงของทางค่ายเพลงแล้วยังส่งผลถึงคนที่บ้านอีกด้วย จึงอยากแถลงข่าวเคลียร์ปัญหาทั้งหมด ส่วนเรื่องเพลงและศิลปินจะขอแจ้งในวันนั้นครับ” พี่เบียร์พูดด้วยสีหน้าที่หนักใจ
“น่าเสียดาย! ตอนนี้กระแสรายการกำลังอยู่ในช่วงพีค หากปล่อยเพลงมาเร็วก็จะได้คะแนนโหวตเยอะมากแน่นอน แต่ถ้ายิ่งช้านอกจากจะได้คะแนนโหวตน้อยลงแล้ว ศิลปินที่มาร่วมร้องด้วยอาจจะติดต่อไม่ทัน”พี่เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีครับ?” พี่เบียร์ถามอีกครั้ง
“ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้ คงต้องรอดูน้องปอร์เช่ในวันแถลงข่าว พี่เองก็อยากให้น้องเคลียร์เรื่องราวก่อนประกวดรอบสุดท้ายเหมือนกัน หวังว่าทุกอย่างยังจะทันในช่วงนั้น แล้วจะจัดแถลงข่าวเมื่อไหร่?” พี่โอมถามขึ้น
“อีกสามวันครับ! ที่ค่ายเพลงของเรา ตอนนี้แจ้งสื่อมวลชนไปแล้วเรียบร้อยครับ!” พี่เบียร์ตอบ
“โอเค! เตรียมทีมงานทำสกู๊ปของน้องปอร์เช่เกี่ยวกับเรื่องที่โดนกระแสข่าวด้วยนะ เราจะปล่อยสกู๊ปในเย็นวันนั้นเลย อาจจะช่วยน้องให้ได้คะแนนโหวตตีตื้นขึ้นมาได้บ้าง” พี่โอมสั่งพี่เบียร์ทันที
..........................
“อะไรนะ! ยัยปอร์เช่จะจัดแถลงข่าว! มาแถลงข่าวตอนนี้ก็สายไปแล้ว คะแนนโหวตของคนอื่นขึ้นมาเกือบล้าน ยังไงมันก็ไม่มีทางตามทันแน่นอน!” ยัยหลินหูผึ่งเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“คุณคิมคิม! วันแถลงข่าวพาทีมนักข่าวของเราไปด้วย แล้วแจ้งนายต้นกล้าด้วยนะ เราจะบดขยี้ยัยปอร์เช่วันนั้นไม่ให้มีโอกาสได้เจอหน้าใครอีกเลย ฮ่าๆๆ!”
“ได้เลยค่ะคุณหลินหลิน!” คุณคิมคิมรับคำสั่งแล้วรีบโทรหานักข่าวทันที
ในขณะเดียวกันที่ห้องแห่งหนึ่ง นายต้นกล้าก็วางสายโทรศัพท์มือถือแล้วพูดคนเดียวในห้องว่า
“ท่านซาตาน! ยัยปอเทืองจะจัดงานแถลงข่าว นี่เป็นโอกาสที่ผมจะได้ไล่ต้อนให้ยอมรับเรื่องทำพันธสัญญาแล้ว ฮ่าๆๆ” นายต้นกล้าพูดเสร็จก็หัวเราะร่า
“ดีมาก! ข้าจะได้ไม่ต้องรอนาน เจ้าไปจัดการให้เรียบร้อยหากสำเร็จ เมื่อข้าได้พลังกลับมามากกว่าแต่ก่อนแล้ว ข้าจะจัดการกับยัยซาตี้สาวนั่นซะ! ฮ่าๆๆ! ” เสียงซาตานดังขึ้นภายในห้องพร้อมเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้าย
...............................
ข่าวงานแถลงข่าวของฉันแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว กระแสของโลกออนไลน์ดุเดือดยิ่งกว่าเดิมตอนนี้ทุกคนต่างตั้งใจรอวันนั้น ว่าฉันจะตอบสื่อว่าอย่างไร
รวมถึงเรื่องการจัดการของค่ายเพลง เพราะหลังจากวันแถลงข่าวก็เหลือเวลาอีกเพียงสองอาทิตย์จะถึงงานประกวดรอบสุดท้าย
ทำให้เกือบทุกคน คิดว่าฉันคงไม่ชนะในการประกวดครั้งนี้แน่ๆ ยกเว้นก็แต่.....
ที่บ้านสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพ พี่เจมส์ที่กำลังดูข่าวของฉันเรื่องแถลงข่าวก็นั่งหน้าเศร้าแล้วมองดูรูปของฉันในโทรศัพท์
“น้องปอร์เช่! พี่ขอให้เรื่องคลี่คลายไปได้ด้วยดีนะครับ! พี่ว่าน้องต้องชนะการประกวดครั้งนี้แน่นอนแล้วตแกหน้าคนพวกนี้กลับไปด้วยความสำเร็จ”
...........................
และแล้ววันแถลงข่าวก็มาถึง
สื่อมวลชนมากมายแออัดมาอยู่ในห้อง เนื่องจากการประกวดครั้งนี้เป้นงานใหญ่ระดับโลก จำนวนของสื่อที่ให้ความสนใจจึงมาแทบทุกสำนัก ยกเว้นนักข่าวอาชญากรรม
เสียงซอกแซกดังเต็มห้อง นักข่าวเองต่างก็พูดถึงการแถลงข่าวในวันนี้กันมาก ไม่นานพี่โอมและทีมงานก็เดินออกมาแถลงเรื่องการประกวดของฉันก่อน
“ขอบคุณสื่อทุกท่านที่มากันในวันนี้นะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมขอพูดเรื่องการประกวดอย่างรวบรัด สำหรับกรณีขอน้องปอร์เช่ แม้จะมีข่าวออกมาตามที่ทุกท่านทราบ แต่ทางเราก็จะยังไม่ตัดสิทธิ์น้อง เพราะไม่ได้ทำผิดกฎของการประกวดนะครับ” พี่โอมกล่าวแบบนิ่งๆ ขณะที่ทีมงานโชว์สัญญาการประกวดให้สื่อมวลชนดู
“แล้วทางค่ายจะไม่แสดงความรับผิดชอบหน่อยหรือคะ ที่เอาเด็กหลอกลวงแบบนี้มาเป็นไอดอล?” นักข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้น
“น้องจะทำหรือไม่ได้ทำศัลยกรรมนั่นเป็นเรื่องในอดีตซึ่งไม่มีผลกับการประกวดครับ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ทางเราต้องการประกวดเรื่องความสามารถครับ ขอให้เข้าใจตรงกันด้วย” พี่โอมอธิบาย
“แล้วเรื่องการประกวดที่น้องหายตัวไป ทางค่ายเพลงมีบทลงโทษไหมคะ?” นักข่าวอีกคนถามขึ้น
“เรื่องนี้ในสัญญามีระบุไว้นะครับ ว่าหากไม่ได้ทำผิดกฎแต่มีเรื่องที่ต่อจิตใจในระหว่างประกวด ทางค่ายจะไม่มีบทลงโทษหรือตัดสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้เข้าประกวดเป็นคนตัดสินใจครับ” ทีมงานอีกคนเป็นผู้ตอบแทน
“แล้วเพลงที่จะปล่อยกับศิลปินจะทันการประกวดรอบสุดท้ายไหมคะ?” ข่าวอีกสำนักข่าวถามบ้าง
“เราทำตามกฎตามสัญญาครับ ซึ่งหากไม่ทันเรื่องการปล่อยเพลงหรือหาศิลปินมาร่วม ทางศิลปินก็จะมีคะแนนโหวตที่น้อยกว่าคนอื่น ก็ต้องยอมรับครับ” ทีมงานตอบเรื่องนี้แทน
จากนั้นนักข่าวก็ถามต่ออีกหลายคำถาม ซึ่งทีมงานก็อธิบายได้เป็นอย่างดีจนได้ข้อสรุปว่า ฉันยังมีสิทธิ์ประกวดรอบสุดท้าย โดยไม่โดนตัดสิทธิ์ใดใด
เมื่อทางค่ายเพลงแถลงจบ ก็เดินออกไปจากห้อง ทีมงานก็พาพี่สาวซาตี้และฉันเดินเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยนักข่าว
ฉันอยู่ในชุดเสื้อฮู๊ดสีชมพู ใส่แมสสีขาวปิดช่วงล่างของใบหน้าและสวมแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ อุปกรณ์ทั้งหมดปิดบังหน้าตาจนมองไม่ออกว่าเป็นใคร เหมือนจำเลยที่ถูกพามาชี้ตัว
“เนื่องจากน้องปอร์เช่ยังเป็นผู้เยาว์นะคะ เราจึงต้องปกปิดหน้าตา ซึ่งการนำภาพไปใช้ในกรณีที่ละเอียดอ่อนทางกฎหมายแบบนี้แล้วเห็นใบหน้าถือเป็นการผิดกฎหมายค่ะ” พี่สาวซาตี้พูดเตือนสตินักข่าวก่อน ทำให้นักข่าวหลายคนที่จ้องจะเขมือบฉันได้สติขึ้นมาบ้าง
“ตอนนี้พวกเราพร้อมแล้ว ขอคำถาม!”