เสียงปริศนาชัดเจนมาก เมื่อไมโครโฟนอยู่ด้านหลังของยัยหลิน เหล่าผู้ชมทั่วทั้งสนามกีฬาต่างก็อ้าปากค้าง ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเสียงนั้นมาจากผู้ใด
“น้องหลินหลิน...ตดบนเวที!!!” ผู้ชมเริ่มอึ้งเมื่อรู้ความจริง ส่วนยัยหลินเอง ตอนนี้ก็อายมากจนลืมเนื้อร้องของตัวเองและยืนนิ่งอยู่บนเวที จากนั้นก็เริ่มร้องไห้พร้อมเสียงปริศนาที่ดังแทรกขึ้นมาเป็นระยะ
เมื่อสิ้นเสียงสุดท้ายที่ดูจะไม่ได้มาแค่เสียง ทำให้ผู้กำกับเวที รีบส่งทีมงานออกมาพร้อมผ้าคลุมตัวยัยหลินและจัสติค บีเวอร์ ที่นอนเมาอยู่ ไปด้านหลังเวทีอย่างรวดเร็ว
“ผู้เข้าประกวดท้องเสียบนเวทีใหญ่ระดับโลกกับศิลปินดังที่เมาขึ้นมาร้องเพลง รอบนี้มันสุดยอดจริงๆ!”
“เสียดายน้องหลินหลินนะ! เห็นว่าให้ทีมทำเพลงจากค่ายดังทำดนตรีให้ด้วย เพลงก็ได้รับความนิยมสูง ไม่น่าพลาดเลย!”
“เธอมีข่าวว่าน้องหลินหลินเป็นคนขุดคุ้ยประวัติน้องปอร์เช่ด้วยนะ! แบบนี้กรรมตามทันจริงๆ”
เหล่าผู้ชมบนเวทีต่างพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ทุกคนก็ลงความเห็นว่าคืนนี้ผู้ชนะคงไม่ใช่ยัยหลินแน่นอน!
“สมน้ำหน้ายัยหลิน! เสี้ยมให้ปอทะเลาะกับพวกเรา แล้วยังให้นักข่าวขุดคุ้ยเรื่องอดีตของปออีก โดนกับตัวเองครั้งนี้ คงเข้าใจคนอื่นมากขึ้นแล้วล่ะ!” ยัยมิ้นท์พูดขึ้นขณะดูภาพบนจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่
ในขณะที่ด้านหลังของเวที ครอบครัวของยัยหลินและคุณคิมคิม ผู้จัดการส่วนตัวก็หน้าเสีย
"จบกันๆ! ลงทุนไปตั้งหลายสิบล้านสุดท้ายมาท้องเสียตอนร้องเพลง" คุณลุงของยัยหลินบ่นพลางนั่งกุมขมับ
“โถ่! หมดกันชีวิตของฉัน ไม่น่าเชื่อยัยเด็กคนนี้เลย!!!” คุณคิมคิมเองก็น้ำตาไหล เมื่อรู้ถึงอนาคตตัวเองและค่าตัวนักข่าวที่เรียกมาทำข่าวในวันนี้
“ฮ่าๆๆ คุณโอมงานของคุณนี่สนุกจริงๆ มีเหตุการ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นตลอด หวังว่าผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายจะไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ!” กรรมการสาวจากประเทศเกาหลีใต้พูดขึ้น
“รายการสดมักจะมีคิวที่ผิดพลาดแบบนี้อยู่เสมอ ถือเป็นสีสันของรายการประเภทนี้ครับ ส่วนผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู ไม่แน่ว่า...พวกเราอาจจะเจอปาฏิหารย์บางอย่างในคืนนี้ก็ได้” พี่โอมตอบกรรมการสาวจากเกาหลีท่านนั้น
เนื่องจากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้พิธีกรต้องมาดำเนินการแก้ไขสถานการณ์
“เป็นการแสดงที่ถือเป็นสีสันของงานในค่ำคืนนี้ดีนะครับ เพราะเรทติ้งของการถ่ายทอดสดในตอนนี้ ได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์” บิลลี่ คลิสตันพาเลซ พิธีกรชายพูดขึ้น
"ใช่ค่ะ! งานถ่ายทอดสดก็อาจมีการผิดคิวบ้าง ถือเป็นกำไรของผู้ชมนะคะ เพราะการที่จะผิดพลาดแบบนี้หายากมากๆค่ะ" พี่บุ๋ม พิธีกรหญิงพูดแก้สถานการณ์
"แล้วผู้เข้าประกวดคนสุดท้าย มีความเป็นมาอย่างไรบ้างครับคุณบุ๋ม" บิลลี่ถามคุณบุ๋มต่อ
“เธอคนนี้ไม่ธรรมดาค่ะ! โดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็กและเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากนั้นเมื่อเข้ามาประกวดT idol ก็โดนขุดคุ้ยเรื่องอดีตจนจิตใจไม่พร้อม และได้แถลงข่าวเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับตัวของเธอ ซึ่งทำให้เคลียร์ข้อสงสัยไปได้ ซึ่งเธอได้แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ด้วยการ ขอให้ทางทีมงานไม่ต้องทำดนตรีและติดต่อศิลปินให้มาร่วมการแสดงให้กับเธอด้วยค่ะ เพราะไม่อยากให้ทีมงานต้องมาเหนื่อยกับการล่าช้าของเธอ” พี่บุ๋มอธิบาย
“มีสปิริตที่สูง ถือเป็นผู้เข้าประกวดที่น่าสนใจมากนะครับ แสดงว่าในการแสดงครั้งนี้จะไม่มีดนตรีประกอบและไม่มีศิลปินมาร่วมแสดงใช่ไหมครับ” บิลลี่ ถามต่อ
“ใช่ค่ะ! บุ๋มขอพูดตรงๆนะคะ อะไรดี...บุ๋มก็ว่าดี อ๊ะ! ขอโทษค่ะเดี๋ยวจะหาว่าแอบมาโฆษณาสบู่เบนเนท การแสดงครั้งนี้อาจจะแตกต่างจากการแสดงอื่นๆที่ผ่านมา แต่บุ๋มได้เคยฟังเพลงที่น้องคนนี้ได้ปล่อยออกมาแล้ว ก็เพราะมากๆ และมีคะแนนโหวตมากขึ้นเรื่อยๆ”
“และค่ำคืนนี้เธอก็จะมาบอกชื่อเพลงให้พวกเรารู้ด้วยนะคะว่าชื่อเพลงนั้นคืออะไร เชิญพบกับ สกู๊ปของน้องปอร์เช่และการแสดงของเธอด้วยค่ะ” พี่บุ๋มพูดเข้าการแสดง
ตอนนี้บนจอขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ทั่วสนามกีฬา มีเรื่องราวของฉันปรากฎขึ้น เพื่อให้เหล่าผู้ชมได้รู้จักฉันมากยิ่งขึ้น ครั้งนี้ทางทีมงานได้ไปสัมภาษณ์คนรอบข้างของฉันและผู้ด้อยโอกาสที่ฉันเคยไปเปิดมินิคอนเสิร์ตด้วย
“พี่ปอร์เช่ สู้ๆนะครับ ถึงผมจะมองไม่เห็นแต่จะฟังและคอยเอาใจช่วยครับ” เด็กน้อยตาบอดที่พิการซ้ำซ้อนคนหนึ่ง พูดให้กำลังใจ
“หนูปอร์เช่ ชนะเลิศให้ได้นะ! พวกยายเอาใจช่วย”. คุณยายจากบ้านพักคนชราพูดขึ้น
จากนั้นก็มีผู้คนมากมายที่พูดให้กำลังใจฉันอีกมากมาย..........
ณ บ้านหลังหนึ่งในต่างจังหวัด
ตอนนี้แม่และยายเองก็ต่างนั่งเชียร์ฉันทางโทรทัศน์
“ปอเอ๊ย! ยายรู้ว่าหลานทำได้ ยายพาตามาดูด้วยนะ” ยายพูดขึ้นพร้อมถือรูปของตาที่วางอยู่บนผ้าผืนหนึ่ง
“ปอ! พ่อของปอก็มาเชียร์กับแม่ด้วยนะ” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมนั่งถือรูปของพ่ออยู่หน้าโทรทัศน์เช่นกัน
“บินขึ้นไปให้สูงที่สุดเลยนะปอ แม่และพ่อรู้ว่าลูกทำได้” แม่มองโทรทัศน์และก้มลงไปมองรูปของพ่อ
................................
เมื่อเรื่องราวของฉันบนจอทั่วสนามจบลง แสงไฟทั้งหมดก็มืดดับลง เหลือเพียงไฟดวงเล็กๆบนเวที
“ทุกคนคงเคยได้ยินเพลงที่หนูได้ร้องแบบไม่มีดนตรีกันแล้ว และคงสงสัยว่ามันชื่อว่าเพลงอะไร”
เสียงของฉันดังขึ้นทั่วสนาม แต่บนเวทีก็ยังว่างเปล่า
“ก่อนจะเฉลยชื่อของเพลง หนูขอขอบคุณทุกๆ คนที่โหวตคะแนนให้หนูและเป็นกำลังใจให้หนูผ่านเรื่องร้ายๆในครั้งนี้ไปได้”
“ไม่ว่าผลสุดท้ายของการประกวดจะเป็นอย่างไร หนูก็อยากให้ทุกคนรู้ว่า หนูขอขอบคุณทุกคนด้วยเพลงๆนี้......”
“เพลงที่มีชื่อว่า.....อาฮวน.......ที่หมายถึงดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ดอกไม้ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายและทำให้หนูได้มาร้องเพลงในวันนี้.....”
เมื่อพูดจบ....ฉันก็เดินขึ้นมาบนเวทีเพียงคนเดียว ในชุดเสื้อฮู๊ดตัวเดียวกับวันแถลงข่าว พร้อมด้วยหน้ากากผ้าปิดปากสีขาวและสวมแว่นตาสีดำอันใหญ่ ท่ามกลางสายตาของผู้ที่รอชมการแสดงทั้งในสนามและทั่วโลก
“ทำไมผู้เข้าประกวดคนนี้ถึงแต่งตัวธรรมดาๆ นี่มันดูน่าสนใจมากนะ” กรรมการคนหนึ่งพูดขึ้นและรอดูการแสดงอย่างใจจดใจจ่อ
ตอนนี้ผู้ชมต่างคาดเดาต่างๆนานาถึงชุดที่ฉันใส่ขึ้นมา อันที่จริงมันก้ไม่ได้ซับซ้อนเลย เพราะที่ฉันไม่ได้แต่งตัวสวยงามเหมือนคนอื่นๆ
ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นร้องเพลงในร่างเดิม.... ของปอเทือง!!!
.................................