ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 46 รักหรือลาจาก
เกือบหนึ่งเดือนหลังจากการเที่ยวปีนเขา แคทและผมก็ไปเที่ยวกันอีกหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่ง ปีนหน้าผา ดำน้ำ ฯลฯ
 
จนในที่สุด พวกเราก็เดินทางมาถึงสถานที่สุดท้าย
 
มันเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่มากทางภาคใต้ บรรยากาศเงียบสงบและสวยงาม หาดทรายขาวละเอียดตัดกับสีครามของน้ำทะเล แต่ใสราวกับกระจก ทำให้มองเห็นฝูงปลาและภาพในทะเลได้ชัดเจน
 
ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นสรวงสวรรค์แห่งหนึ่ง
 
“แคทอยากมาที่เกาะนี้นานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้มีโอกาสมาเลย” แคทอยู่ในชุดสบายๆ และสวมหมวกสานใบใหญ่สีขาว เธอยิ้มขณะที่กำลังลงจากเรือและเดินอยู่บนพื้นทราย
 
“ที่นี่สวยมากนะครับ ไม่เคยคิดเลยว่าเมืองไทยจะมีทะเลที่สวยแบบนี้” ผมชื่นชมบรรยากาศบนเกาะและตื่นเต้นกับภาพที่ได้เห็น
 
เมื่อเราสองคนลงเรือเรียบร้อย ก็เข้าพักที่รีสอร์ทบนเกาะ เป็นครั้งแรกของทริปนี้ที่ผมไม่ต้องนอนเต้นท์
 
“ที่เที่ยวสุดท้าย ก็ต้องได้พักบ้างจริงไหมคะ” แคทพูดขึ้น ก่อนเดินนำไปที่เคาท์เตอร์เพื่อเช็คอิน เมื่อเช็คอินเรียบร้อยเธอก็บอกกับผมว่า
 
“คืนนี้เรานอนห้องเดียวกันนะคะ แคทจองเพิ่มไม่ได้เพราะที่นี่เต็มตลอด คุณธีย์ไม่ถือนะคะ?”
 
หึมม! อะไรนะ! นอนห้องเดียวกัน!
 
ผมหูผึ่งทันที เมื่อได้ยินคำนี้ แม้ในใจจะหัวใจเต้นรัวราวกับตีกลองด้วยความดีใจ แต่คำพูดนั้นก็ยังต้องรักษามาดผู้ชายที่แสนดีกันหน่อย
 
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ห่วงก็แต่คุณแคทนั่นแหละว่าสะดวกหรือเปล่า หรือผมพักโรงแรมอื่นใกล้ ๆแถวนี้ก็ได้นะครับ” ผมพูดเพื่อรักษามาดเล็กน้อย
 
“ที่เกาะแห่งนี้มีแค่รีสอร์ทนี้ที่เดียวค่ะ คุณธีย์ไม่ต้องห่วงแคทนะคะ แคทสะดวกค่ะ” แคทพูดราวกับไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ
 
สรุปแล้วเราจะพักบนแห่งเกาะนี้สามวันสองคืน และเดินทางกลับกัน
 
ถือเป็นการจบภารกิจท่องเที่ยวอันยาวนาน
 
เมื่อเราเก็บของเสร็จ ก็มาเดินเล่นชายหาดกัน เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศบนเกาะ
 
“วันนี้เราพักกันก่อนนะคะ พรุ่งนี้เราค่อยไปนั่งเรือและดำน้ำกันตอนกลางวัน” แคทบอกกับผมขณะเดินอยู่บนหาดทรายขาวละเอียด
 
ตอนนี้ท้องฟ้ายามเย็นกำลังเปลี่ยนสีเป็นช่วงทไวไลท์หรือยามสนธยา ที่ถือเป็นช่วงที่สวยงามของท้องฟ้ายามเย็น
 
 ขณะที่เดินกันบนหาดทรายเราทั้งสองก็พูดคุยกันถึงสถานที่ ๆ เราไปที่มาก่อนหน้านี้
 
แม้เวลาจะผ่านไปเรื่อย ๆ แต่พวกเราคุยกันไม่หยุด ราวกับแค่การพูดคุยก็ทำให้เรามีความสุขได้
 
จนไม่รู้ว่าที่เราคุยกันได้สนุกขนาดนี้เป็นเพราะเรื่องราวในบทสนทนาหรือคู่สนทนากันแน่
 
   แต่ผมรู้ว่ามันเป็นความสุขรูปแบบหนึ่ง
 
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ เราก็นั่งดูดาวบนท้องฟ้าด้วยกันที่ชายหาดจนดึก แคทก็ขอตัวไปนอนก่อนทิ้งให้ผมนั่งดูดาวต่ออยู่คนเดียว
 
   “อย่านอนดึกนะคะ พรุ่งนี้เรามีนั่งเรือไปดำน้ำกัน” แคทพูดด้วยความเป็นห่วง ก่อนเดินกลับไปที่ห้องพัก
 
“เฮ้อ! ...” ผมถอนหายใจหลังมองตามแคทที่กำลังเดิน พลางคิดเรื่องมากมายในหัว เพราะอีกไม่กี่วันความสุขที่ได้รับก็จะหายไป และแม้จะใกล้วันเดินทางกลับ แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเธอคิดอย่างไรกับผม
 
คืนนั้นผมไม่ได้กลับไปที่ห้องพัก
 
เอาแต่นั่งดูดาวและคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงนั้น...จนถึงเช้า
 
..................
 
วันรุ่งขึ้น แม้แคทจะตกใจที่ผมนั่งหลับอยู่ที่เดิม แต่เมื่อผมบอกว่านอนไม่หลับและชอบนั่งดูดาวของที่นี่ เธอก็ไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นเราก็ยังไปล่องเรือดำน้ำตามที่ตั้งใจ
 
จนเมื่อถึงเวลาเย็นหลังจากที่กลับจากดำน้ำ แคทก็บอกผมว่า
 
“วันนี้ที่รีสอร์ทจะมีจัดงานแต่งงานที่ชายหาดหน้ารีสอร์ท เราไปดูกันนะคะ” น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นมากที่ได้รู้ข่าวนี้
 
เราถือเครื่องดื่มกันคนละขวด แล้วมองงานแต่งงานที่เรียบง่ายของคู่รักคู่หนึ่งที่กำลังจัดงานอยู่บริเวณชายหาด
 
“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของแคทขอแต่งงานกันที่เกาะแห่งนี้ค่ะ แคทเลยอยากมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง” แคทเล่าเหตุผลของเธอในการเลือกมาที่นี่
 
นอกจากนี้เธอเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพ่อและแม่ของเธอให้ผมฟัง จนกระทั่งถึงขั้นตอนสำคัญของงานแต่งงานที่เราทั้งสองต้องหันไปดูต่อ
 
เพราะตอนนี้คู่บ่าวสาวกำลังเดินออกมาแล้วทำพิธีแบบคริสต์ โดยมีบาทหลวงอยู่เบื้องหน้า ไม่นานทั้งสองก็แลกแหวนแล้วจูบกัน
 
“เธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมาก ๆ ในค่ำคืนนี้” ผมพูดขณะที่กำลังมองทั้งสองหลังเสร็จพิธีและฝ่ายเจ้าสาวกำลังโยนช่อดอกไม้
 
“คงเป็นหนึ่งวันในชีวิต ที่ทำให้ผู้หญิงทั้งโลกมีความสุขได้” แคทมองไปที่เบื้องหน้าแล้วก็ยิ้มเช่นกัน
 
“คุณธีย์คะ เรื่องสัญญาของเรา เมื่อเราเดินทางกลับถึงกรุงเทพแล้ว แคทจะบอกให้นะคะ” แคทบอกผมขณะที่เธอยังมองบรรยากาศงานแต่งงานครั้งนี้ และยิ้มอย่างมีความสุข
 
คืนนั้นผมนอนในห้องเดียวกับแคท เนื่องจากมีเตียงเพียงเดียวและเธอไม่ยอมให้ผมนอนที่พื้น ผมจึงต้องยอมนอนที่เตียงเดียวกัน
 
แม้จะคิดอะไรไว้มากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
 
เพราะผมหลับทันที ด้วยความเพลีย
 
......................
 
วันรุ่งขึ้นพวกเราก็เดินทางกลับ หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดแคทก็ขับรถมาส่งผมถึงที่บ้าน
 
“คุณธีย์คะ ถึงเวลาคุยเรื่องสัญญาของเราแล้วค่ะ” แคทพูดกับผม ขณะที่ผมขนของลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว
 
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่คุณธีย์ทำให้แคท จากนี้ไปสัญญาของเราจบลงแล้ว คุณธีย์ไม่ต้องแกล้งเป็นแฟนแคทแล้วนะคะ” แคทพูดเสร็จก็ยื่นซองกระดาษให้ผม
 
“ในนี้มีเช็ดเงินสดค่าจ้างของคุณธีย์สามเดือนและการ์ดที่ระลึกที่แคททำให้นะคะ เราคงไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่ถ้าคุณธีย์เข้าใจความหมายในการ์ดนั้นค่อยโทรติดต่อแคทนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ” แคทพูดจบก็ยิ้มและขับรถออกไป ปล่อยให้ผมยืนงงๆอยู่คนเดียว
 
มันเป็นการจากลาที่ไม่มีคำว่าว่าลาหรือบอกความในใจที่ผมอยากรู้อยู่ในนั้น
 
ผมเปิดซองออกดูของที่อยู่ข้างใน นอกจากเช็ดเงินสดแล้วก็มีการ์ดที่ระลึกที่เธอทำให้อยู่ในนั้น
 
มันเป็นรูปถ่ายท้องฟ้ายามเย็นของเกาะสุดท้ายที่เราไปเที่ยวมาเพียงรูปเดียว ในรูปนั้นเป็นภาพท้องฟ้าเป็นส้มแดงในขณะที่ท้องทะเลก็สะท้อนแสงจนเป็นสีเดียวกัน แต่ถูกแบ่งด้วยเส้นขอบฟ้าที่อยู่กึ่งกลางภาพ
 
ตรงกลางภาพที่มีลายมือของแคทเป็นสูตรสมการคณิตศาตร์ว่า
 
“128√e980
 
และมีข้อความเขียนใต้ล่างว่า
 
“ณ จุดตัดของเส้นขอบฟ้า เมื่อตะวันลับไป นั่นคือคำตอบ”
 
.....................
 
           
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 47 เริ่มต้นย้อนเวลา