ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 55 หุ้นส่วนธุรกิจ
ผมโทรคุยกับว่านบ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้พวกเราสนิทกันเหมือนสมัยก่อน
 
ก็คงต้องขอบคุณสบู่เบนเนทที่ทำให้เราทั้งสองสนิทกันง่ายขึ้นกว่าเดิม
 
“ไม่รู้เลยนะเนี่ย! ว่าธีย์ก็ชอบสบู่เบนเนทด้วย”  ว่านประหลาดใจที่เห็นผู้ชายชอบสบู่เบนเนท
 
‘ก็ใช้แล้วชอบน่ะ มันเป็นสบู่สมุนไพรแถมยังเป็นของคนไทยอีก ที่บ้านธีย์ชอบใช้กันทั้งบ้านเลย” ผมตอบว่านตามความจริง เพราะตั้งแต่ย้อนอดีตกลับมาผมก็ชักชวนให้ที่บ้านใช้จริง ๆ
 
“ว่านมีความคิดว่าอยากทำสบู่สมุนไพรขาย แต่จะเริ่มจากปลูกสมุนไพรที่บ้านก่อน ธีย์ช่วยมาดูที่บ้านของว่านหน่อยนะว่าปลูกได้ไหม ถ้าปลูกได้ ว่านจะจ้างธีย์มาปลูกเลย” ว่านเอ่ยปากชวนผมไปดูที่ดินที่บ้านของเธอ
 
เยี่ยม! ทีนี้ก็เข้าล็อคและเป็นไปตามแผนของผม!
 
วันต่อมาผมก็มาอยู่ที่บ้านของว่าน ทำให้ภาพบรรยากาศเก่า ๆ หวนกลับมาในความทรงจำของผมอีกครั้งหนึ่ง
 
“เป็นอย่างไรบ้างคะ ที่ดินแปลงนี้พอจะปลูกสมุนไพรได้บ้างไหม?” ว่านถามผม เมื่อเห็นว่าผมมองที่ดินของเธอแล้วนิ่งไป
 
“เอ่อ..ปลูก...ปลูกได้ครับ ถึงจะเป็นแปลงที่ดินไม่ใหญ่ แต่ดินดีแถมมีแหล่งน้ำติดที่ดินด้วย อย่างนี้ลดต้นทุนได้มากเลยครับ” ผมตอบว่านหลังจากได้สติ
 
“ดีจังเลยค่ะ แล้วคิดค่าปลูกเท่าไหร่คะ อย่าคิดแพงมากนะ ว่านยังไม่ค่อยมีทุนเยอะ” ว่านถามผมอีกครั้งเรื่องค่าใช้จ่าย
 
“ผมว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในทำเลที่ดี เข้าซอยมานิดเดียว อนาคตถ้าถนนด้านหน้าขยาย แปลงนี้ก็จะกลายเป็นทำเลทอง น่าเสียดายที่จะปลูกแค่สมุนไพรอย่างเดียว” ผมวิเคราะห์ที่ดินให้ว่านฟัง ทำให้เธอรู้สึกสนใจ
 
“แล้วถ้าไม่ปลูกสมุนไพร จะทำอะไรดีคะ?” ว่านถามอีกครั้ง
 
“ก็ปลูกสมุนไพรเหมือนเดิมครับ แต่เราจะทำเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ โดยเอาตัวบ้านมาดัดแปลง แล้วขายกาแฟกับน้ำสมุนไพรแล้วก็อาหาร รวมถึงสินค้าแฮนด์เมด อย่างสบู่ทำมือที่ผสมสมุนไพรไปด้วย จะได้กำไรดีกว่าครับ” ผมขายไอเดียให้กับว่านทันที
 
ชีวิตก่อนหน้านี้ผมทำแค่ปลูกสมุนไพรให้ว่านอย่างเดียว แม้จะมีรายได้เข้ามาก็จริงแต่ก็ไม่มาก แต่จากประสบการณ์ในอดีต ทำให้ผมรู้ว่าถ้าที่ดินแปลงนี้ทำเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีอาหารขายด้วย ก็จะสร้างรายได้ให้ว่านมากขึ้น เพราะทำเลดีมาก
 
“น่าสนใจนะคะ แต่ว่านคงไม่มีเงินลงทุนเยอะขนาดนั้นแน่ ๆ” ว่านทำเสียงอ่อนลง เพราะคิดว่าต้องใช้เงินลงทุนสูง
 
“เอาแบบนี้ดีไหมครับ ผมชอบที่ดินแปลงนี้แล้วอยากทำคาเฟ่เล็ก ๆ มานานแล้ว ผมจะลงทุนกับคุณว่านเอง บ้านคุณว่านเป็นบ้านสองชั้นอยู่แล้ว เราก็แค่ปรับปรุงชั้นล่างเป็นคาเฟ่แล้วพักอยู่ชั้นบน ส่วนสวนก็ปลูกสมุนไพรตามที่คุยตอนแรก ที่ดินและตัวบ้านเป็นของคุณว่าน ส่วนเงินลงทุนเป็นของผมแล้วเราแบ่งกำไรกันคนละครึ่งดีไหมครับ?” ผมขายแผนธุรกิจให้ว่านฟัง
 
ว่านดูสนใจในสิ่งที่ผมพูดไปมากขึ้น บ่ายวันนั้นเราทั้งสองคนก็พูดถึงแผนธุรกิจและรูปแบบการปรับปรุงบ้านเพื่อทำเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ
 
ในที่สุดผมกับว่านก็เริ่มต้นทำธุรกิจโดยเป็นหุ้นส่วนกัน
 
ด้วยความที่ผมทำบริษัทอสังหาริมทรัพย์มานาน ทำให้รู้จักผู้รับเหมาอยู่มาก ผมเลือกผู้รับเหมาเจ้าหนึ่งมาคุยเรื่องแบบร้านและปรับปรุงพื้นที่ เพื่อทำสวนสมุนไพรด้วยราคาที่ไม่แพง
 
แน่นอนว่าผมวางแผนเรื่องน้ำท่วมไว้ด้วย เพราะภาพน้ำท่วมในตอนนั้นยังฝังอยู่ในความทรงจำ พวกเราจึงถมที่ให้สูงขึ้นและให้ช่างดีดบ้านให้สูงขึ้นไปด้วย  ทำให้ดูเหมือนร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสวนสมุนไพร
 
ใช้เวลาไม่กี่เดือน ร้านคาเฟ่สไตล์บ้านสวนก็เสร็จสมบูรณ์
 
“ว่าน คอฟฟี่การ์เด้นท์” นั่นคือชื่อร้านที่ผมเลือก
 
แม้ตอนแรกว่านจะไม่เห็นด้วยกับชื่อนี้ แต่ผมยืนยันว่าต้องเป็นชื่อนี้เท่านั้น เพราะจำง่ายและมีความหมายสื่อถึงสมุนไพรได้ดี
 
แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ...ผมอยากตั้งชื่อนี้เพื่อระลึกถึงชีวิตครั้งที่แล้วของเธอ ที่จากไปเร็วเกินไป
 
พวกคุณคงสงสัยว่าทำไม?
 
ผมถึงต้องมาพบกับว่านในเวลานี้และไม่มาเจอว่านก่อนที่จะมีลูก
 
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือผมห่วงเรื่องของช่วงเวลา หากผมเจอว่านเร็วเกินไป ตอนนั้นว่านอาจจะยังไม่เปิดใจให้ผมก็ได้ ที่สำคัญ “วิท” ลูกชายของว่านก็เป็นเด็กดี ผมจึงไม่อยากเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เพราะผมเองก็รักวิทเหมือนลูกคนหนึ่ง
 
วิทเองพอเห็นที่บ้านทำธุรกิจ ก็ขยันมาก หลังเลิกเรียนก็มาช่วยงานที่ร้านและแบ่งเวลาอ่านหนังสือกับไปซ้อมฟุตบอล ดูมีความสุขมากกว่าอดีตเสียอีก
 
แม่ของว่านยิ่งมีความสุขมากกว่าใคร ๆ เพราะท่านชอบทำอาหารเป็นทุนเดิม จากที่เคยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ และเล่นแชร์ ก็ได้ทำอาหารตามที่ตัวเองชอบ แถมคนที่มาทานยังติดใจกันทุกคน
 
ในช่วงที่ผมเปิดร้านคาเฟ่ในสวนแห่งนี้ ตอนนั้นเมืองไทยยังไม่ฮิตธุรกิจร้านกาแฟที่ขยันผุดกันขึ้น จนเป็นดอกเห็ดเหมือนปัจจุบัน ทำให้ร้านของเรากลายเป็นของแปลกสำหรับผู้คนในตอนนั้นและเริ่มมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนขายไม่ทัน
 
ผมชวนแม่ของว่านและว่านตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เพราะในอดีตแม่ของว่านเป็นมะเร็ง ซึ่งกว่าจะรู้ก็อยู่ในระยะสุดท้ายจนเสียชีวิตและว่านเองก็ตรวจพบก่อนจะเกิดอุบัติเหตุด้วย
 
ทั้งคู่ได้รับการตรวจอย่างละเอียด แม่ของว่านพบก้อนเนื้อที่อยู่ในระยะเริ่มแรก จึงสามารถรักษาได้ง่าย ส่วนว่านพอรู้ว่ามีความเสี่ยงก็ดูแลตัวเองดีขึ้น
 
ส่วนเรื่องที่แม่ของว่านเอาที่ดินไปจำนองนั้น ผมได้วางแผนแกล้งขอโฉนดตัวจริงตั้งแต่ตอนแรก โดยอ้างว่าต้องไปขออนุญาตเรื่องเปิดร้านอาหาร เรื่องก็เลยแดงออกมา
 
แต่ผมก็แก้ปัญหาด้วยการไปไถ่คืนและค่อย ๆ หักคืนจากกำไรในส่วนของว่านแทน เพราะไม่อยากให้ว่านสงสัยและกังวลในเรื่องนี้
 
“ขอบคุณธีย์มากนะ ที่ช่วยครอบครัวว่านในทุก ๆ เรื่อง ถ้าไม่มีธีย์ ว่านเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาพวกนี้อย่างไร” ว่านขอบคุณผมและยิ้มเช่นเคย ในสวนแห่งเดิมที่ผมเคยทำให้เธอและขอเธอเป็นแฟนในอดีต
 
ไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกว่าว่านยิ้มสวยมากกว่าเดิม บางทีการที่เราไม่มีความทุกข์อยู่ในใจ อาจทำให้เราแสดงความรู้สึกต่าง ๆ ได้มากขึ้นก็เป็นได้
 
ตอนนี้ร้านของเราขายดีมาก จนผู้คนต้องจองคิวเพื่อที่จะมาทานที่ร้าน สบู่สมุนไพรที่ว่านเคยอยากทำ ก็ขายดีจนต้องสั่งออเดอร์ล่วงหน้า
 
ส่วนวิทที่อยากเรียนหมอ ก็ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนเช่นเดิม เพียงแต่ครั้งนี้ ว่านมีรายได้มากพอที่จะส่งเสียลูกชายคนเดียวเรียนได้แบบไม่ลำบาก
 
ผมนั่งทานมื้อเย็นกับครอบครัวของว่าน แล้วมองทั้งสามคนยิ้มอย่างมีความสุข โดยเฉพาะว่านที่ดูมีความสุขมากกว่าคนอื่น ๆ
 
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอแบกรับมาในอดีตแล้ว ตอนนี้เธอสมควรได้รับความสุขนี้จริง ๆ
 
“ธีย์! เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงร้องไห้?” ว่านตกใจที่เมื่อมองมาทางผม เห็นผมกำลังมีน้ำตาไหลออกมา
 
“ไม่มีอะไรหรอก ฝุ่นน่าจะเข้าตาน่ะ” ผมหาข้ออ้าง เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องน้ำตา
 
“ธีย์! วันนี้เป็นวันครบรอบเปิดร้าน ว่านและครอบครัวมีของขวัญมาให้ธีย์ด้วยนะ” ว่านยิ้มและยื่นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งให้ผม
 
“แด่หุ้นส่วนใหญ่ของร้าน ที่ทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้นและมีความสุข” เมื่อว่านพูดจบ ทั้งวิทและแม่ของเธอก็ปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องยินดี
 
ผมมองกล่องของขวัญเล็ก ๆ ในมือแล้วค่อย ๆ แกะออกช้า ๆ
 
จนเมื่อแกะออกมาดู ภาพความทรงจำเก่า ๆ ก็พรั่งพรูออกมาราวกับเหมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นาน
 
เพราะของที่อยู่ในกล่องก็คือสบู่รูปทานตะวันก้อนหนึ่ง ที่ว่านทำขึ้นเป็นของขวัญให้ผมในชีวิตครั้งที่แล้ว ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต พร้อมรูปถ่ายวันเปิดร้านที่มีครอบครัวของผมและว่านอยู่ในนั้นพร้อมข้อความด้านหลังรูปว่า
 
“สบู่ก้อนทำมือเดียวในโลก ที่มอบให้ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก”
 
มันเป็นของขวัญชิ้นเดิมและข้อความเดิม ที่ผมไม่สามารถขอบคุณผู้ให้ในตอนนั้นได้ เพราะเธอได้จากไปแล้ว
 
แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของผม และได้รับความสุขอย่างที่เธอควรจะเป็น
 
“ขอบ..ขอบคุณมากนะว่าน มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุด ในชีวิตของธีย์จริง ๆ” เมื่อพูดจบผมร้องไห้ออกมา โดยไม่สามารถเก็บไว้ได้จริง ๆ
 
แม้ว่าว่านและครอบครัวจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมผมถึงร้องไห้
 
แต่ทุกคนก็เข้ามากอดผมและร่วมร้องไห้กับผม เหมือนตอนนี้...พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
 
ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือตอนนี้ ผมก็เปิดของขวัญของว่านด้วยน้ำตา
 
เพียงแต่น้ำตาในการเปิดของขวัญครั้งนี้
 
มันช่างแตกต่าง...จากน้ำตาในอดีตเหลือเกิน
 
.................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 56 เธอคือคนสุดท้าย