ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 9 ดาวคณะสาวห้าว
“ขวัญ” เป็นเด็กสาวต่างจังหวัดที่มาเรียนเกษตรที่เดียวกับผม หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทุกคนก็ตั้งฉายาเธอว่า “น้องขมิ้น”
 
หลังการรับน้องวันนั้นเสร็จสิ้นลง เราก็ไปล้างหน้าล้างตาและเตรียมตัวกลับบ้าน ขณะที่ล้างหน้าอยู่ผมก็อดคิดกลัวไม่ได้ว่า “ขมิ้น” คู่บัดดี้ของผมน่ากลัวขนาดไหน เพราะเธอด่ากราดแบบไม่เกรงใครหน้าไหนทั้งสิ้น
 
ในขณะที่ฉายาของผมที่ได้จากการรับน้องวันนั้นก็คือ “ขอนไม้” เนื่องจากยืนนิ่งไม่ทำอะไรปล่อยให้ “ขมิ้น” อาละวาดอยู่คนเดียว
 
ช่างดูฐานะต่างกันจริงๆ
 
“ขอนไม้! เสร็จยัง เดี๋ยวเราจะไปห้องสมุดเอาหนังสือไปคืน” ขมิ้นที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จตะโกนเรียกผม เพราะเราเป็นคู่บัดดี้กัน จึงต้องไปไหนมาไหนด้วยกันในช่วงแรก
 
“เสร็จแล้วๆ!....เอ่อ!....” ผมตะโกนตอบรับ แล้วหันไปทางขมิ้น แต่แล้วก็พูดไม่ออก....
 
เพราะข้างหน้าผมตอนนี้ คือเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ตาโต ผิวขาวและน่ารักจนตะลึง ตอนที่มองเธอผมยังแอบรู้สึกเหมือนมีดอกไม้ปลิวช้าๆ และร่างของเธอดูมีแสงเรืองๆเจิดจ้า
 
“พ่อๆ! บรรยายเว่อร์ไปมั้ยนี่?” น้องมีนที่นั่งอยู่ข้างๆผมพูดขึ้น ขณะกำลังกินข้าวโพดคั่ว ที่มาจากความคิดของผม
 
เราสองคนค้นพบภายหลังว่า หากผมตั้งสมาธิแล้วคิดถึงภาพของสิ่งของ สิ่งนั้นจะปรากฏขึ้นเหมือนจริง แต่จะใช้และสัมผัสได้แค่ผมและน้องมีนเท่านั้น
 
“เอิ่มม! ก็ตอนนั้นมันรู้สึกแบบนี้จริงๆนะ” ผมตอบน้องมีนว่าที่ลูกสาวในอนาคตแล้วยิ้มแห้งๆ
 
ก่อนหน้าที่จะได้เจอขมิ้น ผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อน มาเห็นก็ตอนที่หัวฟู ใบหน้ามีสีเลอะเต็มไปหมดเลยมองไม่เห็นความสวย
 
แต่พอเห็นตอนนี้! ก็คงต้องอุทานว่า แม่จ้าววว!! นี่มันนางฟ้าชัดๆ!
 
ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็จะเห็น “ขมิ้น” และ “ขอนไม้” ตัวติดกันอยู่ทุกวัน
 
เนื่องจากคณะเกษตรเป็นคณะที่งานหนักและต้องออกแดด จึงมีสาวๆมาเรียนไม่มากนักและสาวๆส่วนใหญ่ หากไม่เป็นแนวพวกสาวหล่อ พวกเธอส่วนใหญ่ก็จะมีรูปร่างบึกบึนหรือไม่ก็หน้าตาธรรมดาแบบบ้านๆ
 
แต่พอมีนางฟ้าอย่างขมิ้นเข้ามาในคณะ เหล่ารุ่นพี่ทั้งหลายต่างก็คึกคักขึ้นมาทันที และยกให้เธอเป็นดาวของคณะเกษตร ตั้งแต่นั้นมาเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็แวะเวียนมาขายขนมจีบขมิ้นที่คณะตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มๆจากคณะอื่น
 
“น้องขมิ้นครับ! พี่เอาดอกไม้มาให้นะครับ วันนี้ว่างไหม พี่อยากชวนไปกินข้าวด้วยกันน่ะครับ” พี่บัวลอย รุ่นพี่สุดหล่อปีสองจอมเจ้าชู้ แวะเอาดอกไม้มาให้ขมิ้นและชวนไปกินข้าวเย็น
 
“พี่คะ! หนูไม่ชอบดอกไม้เอาไปให้สาวๆคนอื่นของพี่เถอะค่ะ แล้วก็ไม่ต้องชวนหนูกินข้าว เพราะหนูไม่กินข้าวกับคนไม่สนิท ขอนไม้ หิวแล้วไปกินข้าวกัน!” ขมิ้นปฏิเสธแบบนิ่มๆ และชวนผมไปกินข้าว
 
แม้ขมิ้นจะน่ารัก แต่ด้วยความที่เป็นสาวห้าวจึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวเธอจากหนุ่มๆทั้งหลายไปในตัว ทำให้ผู้ชายคนเดียวที่เธอไปไหนมาไหนด้วยก็คือผมนั่นเอง
 
ถึงแม้ตอนมาเรียนมหาวิทยาลัย ผมเองจะคิดถึงขิงมากแค่ไหน แต่ทั้งกิจกรรมและการเข้าสู่โลกใหม่ทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก เมื่อรวมกับการได้เจอกับขมิ้นและเป็นคู่บัดดี้กัน ทำให้ผมคิดถึงขิงน้อยลงเรื่อยๆ
 
“พ่อ!ผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือ?” น้องมีนถามผม
 
“ก็อาจจะไม่ทุกคน แต่ตอนนั้นพ่อคิดแบบนั้นจริงๆ” ผมตอบน้องมีนตามตรง ชีวิตวัยรุ่นตอนนั้น พอบอกเลิกขิงไปและไม่ได้ติดต่อกันอีก ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกผิดกับการที่เลิกกัน
 
“ขอนไม้! แกว่าพวกคนที่มาจีบเรานี่ตาบอดหรือเปล่าวะ เอาดอกไม้มาให้บ้าง ชวนไปกินข้าวบ้าง คิดว่าเราชอบแบบนั้นหรือวะ?” ขมิ้นถามผมในตอนที่เรานั่งกินข้าวเย็นกันที่ร้านใกล้มหาวิทยาลัย
 
“แล้วแกชอบแบบไหนล่ะ! เดี๋ยวเราบอกคนพวกนั้นให้” ผมตอบขมิ้นกลับ เพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน
 
“เราไม่ชอบให้ผู้ชายมาจีบก่อน เราว่าผู้ชายพวกนั้นเป็นคนมักง่าย มองผู้หญิงเหมือนของทั่วไปที่อยากได้เพราะเห็นแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ไม่เคยสนใจว่านิสัยเป็นอย่างไร?” ขมิ้นพูดเสริม
 
โอ้ว! มุมมองโลก อย่างกับนักปราชญ์ แหวกแนวและคมคาย นี่ผมต้องมองขมิ้นในมุมใหม่แล้วล่ะ
 
“ละ..แล้วเธอชอบผู้ชายแบบไหนล่ะ?” ผมคว้าแก้วน้ำไปดูด แล้วรอฟังคำตอบแบบใจจดใจจ่อ
 
“เราชอบผู้ชาย นิ่งๆ ใจดี มีความเป็นผู้ใหญ่ หน้าตาไม่ต้องหล่อก็ได้ แต่ขอให้เข้าใจเราและอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่พยายามเปลี่ยนเรา รับได้ในสิ่งที่เป็นตัวเรา แกว่ามันจะมีผู้ชายแบบนั้นมั้ยวะ?”
 
“แค่กๆ!!” ผมสำลักน้ำทันที ที่ได้ยินสเปคผู้ชายในฝันของเธอ
 
“เฮ้ย! ขอนไม้เป็นอะไรมากมั้ยนี่?” ขมิ้นรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอ มาเช็ดน้ำที่หกใส่เสื้อของผม
 
“ไม่เป็นไร! แค่สำลักน้ำน่ะ!” ผมตอบแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของขมิ้นมาเช็ดเสื้อเอง
 
ที่ผมสำลักน้ำตอนได้ยินสเปคผู้ชายของขมิ้น ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ เพียงแต่นิสัยแบบนั้นหากไม่นับเรื่องความเป็นผู้ใหญ่แล้วละก็ มันตรงกับผมเกือบ 90% เลยนะ
 
“ขมิ้น! แล้วถ้าแกไม่ชอบให้ผู้ชายมาจีบ แล้วแกจะมีแฟนได้ยังไง?” ผมแกล้งถามขมิ้นกลับ
 
“ไม่ต้องห่วง! ถ้าเราเจอผู้ชายคนนั้น เราจะเป็นคนเข้าไปจีบเอง” ขมิ้นตอบ
 
แม้จะรู้ว่าขมิ้นเป็นสาวห้าว แต่พอได้ยินคำตอบแบบนี้ ก็ทำเอาผมแอบยกนิ้วโป้งให้เธอในใจเลยทีเดียว
 
แล้วผู้ชายที่มีคุณสมบัติเข้าข่าย 90% อย่างผม จะมีโอกาสถูกน้องขมิ้นจีบบ้างไหมนะ?
 
............................
 
เนื่องจากเข้าสู่โลกของการเรียนมหาวิทยาลัย ที่มีอิสระและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  จึงทำให้ผมได้มีโอกาสได้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรก
 
“พรวดด!” ผมสำลักเหล้าเข้มๆ ที่ขมิ้นชงให้ทันทีที่ได้ดื่มเป็นครั้งแรก
 
ตอนนี้พวกเรามาฉลองวันเกิดของขมิ้นกัน ที่ร้านส้มตำเจ้าประจำแถวมหาวิทยาลัยพร้อมเพื่อนๆในกลุ่มอีกสิบกว่าคน
 
“โหย! ขอนไม้ นายแม่งโคตรอ่อนเลยหว่ะ!” ขมิ้นพูดขึ้นแล้วก็หัวเราะขึ้น เมื่อเห็นภาพดังกล่าว
 
ความเป็นสาวห้าวของเธอ ไม่ได้มาแค่นิสัยและการพูดจา แต่การดื่มแอลกอฮอล์ก็ดูเป็นเรื่องธรรมดาด้วยเช่นกัน
 
“ที่บ้านเราทำค่ายมวยด้วยน่ะ พ่อจึงสอนหลายๆอย่างเพื่อให้เราทันคน จะได้ไม่โดนหลอก” ขมิ้นพูดขึ้น ตอนที่พวกเราถามเรื่องดื่มเหล้า
 
นั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นข้อดีของการดื่ม เพราะนอกจากจะทำให้เราพูดคุยเรื่องส่วนตัวหลายๆเรื่องโดยไม่ปิดบังแล้วยังทำให้การพูดคุยสนุกมากยิ่งขึ้น
 
“ถ้าไม่นับเรื่องเปลืองเงินกับเสียสุขภาพ ถือว่าแอลกอฮอล์ก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้างแหละนะ แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ก็ขอเลือกไม่ดื่นตั้งแต่ตอนนั้นดีกว่า จะได้ไม่ติดมาจนถึงตอนนี้” ผมพูดกับน้องมีน ที่ตอนนี้กำลังขำผมที่นั่งโงนเงนและพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
 
และแล้วฉากสำคัญของค่ำคืนนี้ก็ปรากฏขึ้น
 
ยัง..ยังไม่ได้ขอขมิ้นเป็นแฟนหรือมีเลิฟซีนใดใดทั้งสิ้น
 
เพราะตอนนี้พวกเรากำลังมีเรื่องกับโต๊ะข้างๆ ที่เป็นรุ่นพี่จากคณะอื่น
 
“เฮ้ย! เสียงดังเกินไปแล้วเว้ย! เพื่อนพี่กำลังเสียใจเรื่องแมวตาย เบาๆหน่อยสิวะ!” รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดุเหมือนตัวร้ายในหนังไทยพูดขึ้น ขณะเอามือตบโต๊ะของตัวเองและเดินมาหาเรื่องที่โต๊ะ
 
และแล้วตำนานนักมวยสาวที่ร้านลาบก็เริ่มต้นขึ้น ในคืนนั้นเอง!
 
...............................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 10 สถานีความรัก