ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 7 นอกจากใบหน้า ฉันก็ไม่รู้เรื่องของเขา
ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่บ้านทรงไทยหลังหนึ่งที่ดูเก่าแก่โบราณ ยัยเมย์เพื่อนของฉันก็อยู่ด้วยพร้อมกับเจ้าข้าวตู
 
นี่น่าจะเป็นทางออกอีกทางที่ฉันคิดได้
 
“แกเคยมาดูหมอที่นี่เหรอ ฉันว่าที่นี่มันดูน่ากลัวนะ” ยัยเมย์เดินเกาะแขนฉันส่วนเจ้าข้าวตูเอาขาหน้ามาปิดตาเหมือนกำลังกลัวเช่นกัน
 
“ไม่เคยหรอก แต่ในวงการนี้มันแคบพวกหมอดูเขาก็รู้จักกันว่าใครถนัดอะไร เรื่องตามหาคน สำนักของอาจารย์คนนี้ถือว่าเชี่ยวชาญอยู่”  ฉันตอบยัยเมย์
 
อันที่จริงฉันก็หวาดกลัวในบรรยากาศของที่นี่เช่นกัน แต่ทำไงได้ก็ฉันลองทางอื่นมาหมดแล้วนี่
 
ย้อนกลับไปหลังจากฉันเล่าให้ยัยเมย์ฟังทางโทรศัพท์ ว่าอยากตามหาชายหนุ่มคนนี้ ยัยเมย์ก็รีบมาหาฉันทันที
 
“แกจะไปตามหาผู้ชายคนนี้ยังไง ในเมื่อศาสตร์ดาราพยากรณ์ของแกดูดวงตัวเองกับคนในครอบครัวไม่ได้ พยายามสั่งแอพส่งอาหารเจ้านี้เกือบร้อยครั้ง แต่ไม่เคยได้ผู้ชายคนนี้มาส่งเลย แถมทะเบียนรถแกก็จำไม่ได้ แกจะเสียเวลาไปเปล่า ๆ นะ ที่สำคัญ....” ยัยเมย์พูดถึงตรงนี้ก็ค้างไว้
 
“ที่สำคัญคือ...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะลืมผู้ชายคนนี้ แล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม?” ฉันพูดเหมือนรู้ว่ายัยเมย์กำลังคิดอะไร
 
“ใช่! ทับทิมแกกำลังรักษาได้ผลนะ รอให้หมอขวัญเก็บข้อมูลแล้ววิเคราะห์อาการอีกหน่อย ก็น่าจะได้ข้อสรุป ” ยัยเมย์อธิบายเพิ่ม
 
“ตั้งแต่ฉันเป็นโรคนี้ ฉันก็คิดเสมอว่าอยากมีความรักเหมือนคนอื่นเขา ฉันเพิ่งรู้ว่าการที่เรารักใครสักคนและอยากเจอเขามันก็ทรมานเหมือนกัน มันทรมานกว่าการที่ฉันลืมได้ภายในวันเดียวเสียอีก” น้ำเสียงของฉันเริ่มสั่นเครือ
 
“ถ้าแกเจอเขาแล้วจะยังไง คนเราเจอหน้ากันแป๊บเดียว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบแกเหมือนกันนี่ บางทีเขาอาจจะมีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแกจะทำอย่างไรต่อ?” ยัยเมย์พูดด้วยความเป็นห่วง
 
“ถ้าเขามีแฟนหรือมีครอบครัวแล้ว ฉันจะตัดใจและไม่วุ่นวายกับเขาเลย แต่ถ้าเขายังโสด ฉันก็จะ...จีบและพิชิตใจเขาให้ได้”ฉันพูดด้วยความแน่วแน่
 
"ฉันก็แค่อยากทำอะไรเพื่อความรักเหมือนคนอื่นบ้าง แม้ว่ามันจะดูบ้าบอก็ตาม"
 
ยัยเมย์นิ่งอึ้งเมื่อได้ยินที่ฉันพูด
 
“ทับทิม! ถ้าแกพูดมาขนาดนี้แล้วล่ะก็ ฉันจะช่วยแกเอง!” ยัยเมย์เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของฉันและเริ่มสนับสนุน
 
จากนั้น...เราทั้งสองก็คิดหาวิธีกันจนมาลงเอยด้วยวิธีนี้
 
.....................
 
“พ่อหมอสามตา” เป็นหนทางแก้ปัญหาของฉันในวันนี้ แกเป็นหมอดูชื่อดังที่ผู้คนต่างยกย่องเรื่องการตามหาสิ่งของหรือบุคคล ทำให้“ศาสตร์ยามสามตา” นั้นโด่งดังและเป็นที่รู้จักของผู้คน
 
“หนูทับทิมกับเพื่อน มาแล้วก็ขึ้นมาคุยกันข้างบนเถอะ” เสียงพ่อหมอดังออกมาจากบนบ้าน ทั้งๆที่ฉันและพวกเพิ่งเดินเข้าประตู ทำเอายัยเมย์ขนลุกซู่ในความหยั่งรู้ของแก
           
“เชร็ดดด! โคตรแม่น! รู้ได้อย่างไรนี่ว่าพวกเรามาแล้ว ” ยัยเมย์และเจ้าข้าวตูทำท่าทางเลื่อมใสทันที ทั้งคู่หันมามองหน้ากันแล้วยกนิ้วโป้งชื่นชมพ่อหมอ
 
“ฉันส่งข้อความไปบอกพ่อหมอเมื่อกี้เองแหละ ไปหาพ่อหมอกันเถอะ” ฉันเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าหลังจากส่งข้อความหาพ่อหมอเรียบร้อย ก่อนเดินนำยัยเมย์และเจ้าข้าวตู ที่กำลังทำหน้าเซ็ง
 
เมื่อขึ้นมาบนบ้านทรงไทย ฉันก็มองเห็นรูปปั้นมากมาย วางเรียงรายบนหิ้งพระ ทำให้บรรยากาศดูศักดิ์สิทธิและน่ากลัว
 
“นั่งพักก่อนนะ ดื่มน้ำให้หายเหนื่อยแล้วค่อยคุยธุระกัน ” ชายรูปร่างอ้วน วัยกลางคน ผิวคล้ำนุ่งขาวห่มขาว หน้าตาดุ ไว้หนวดเครายาว พูดอย่างสุภาพ สั่งให้เด็กเอาน้ำมาให้พวกเรา เขาคนนี้ก็คือ...”พ่อหมอสามตา” นั่นเอง
 
“พ่อหมอคะ ศาสตร์ยามสามตานี่เป็นอย่างไรคะ?” ฉันถามเพราะอยากเพิ่มพูนความรู้
 
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ตอนเริ่มดูหมอตอนนั้น ทำงานเป็นยามอยู่แล้วก็มีสามตา เลยเอามาตั้งชื่อน่ะ” พ่อหมอตอบแบบหน้านิ่ง
 
นี่พูดจริงหรือพูดเล่นนี่!
 
“เอ่อ! พ่อหมอคะ หนูเห็นพ่อหมอมีแค่สองตา อีกตาหนึ่งอยู่ไหนคะ?” ยัยเมย์ถามแบบซื่อ ๆ
 
“อ๋อ! อีกตาหนึ่ง...มันเป็นตาปลาน่ะ พ่อหมอเห็นว่าถ้ามีสามตามันดูน่าสนใจดี เลยเอาตาปลามารวมด้วย” พ่อหมอตอบแล้วยิ้มอารมณ์ดี
 
“.................” ยัยเมย์
 
“หยอกๆ พ่อหมอก็แค่ล้อเล่นน่ะ ศาสตร์ยามสามตาก็คือการหยั่งรู้อย่างหนึ่งน่ะ แล้วพ่อของหนูทับทิมสบายดีไหม พ่อหมอไม่ได้เจอเขานานแล้ว?” พ่อหมอถามถึงพ่อของฉัน
 
“พ่อหมอ! รู้จักพ่อของหนูด้วยหรือคะ?” ฉันประหลาดใจเมื่อรู้ว่าทั้งสองคนรู้จักกัน
 
“รู้จักสิ! สนิทกัน แต่พ่อของหนูขาดการติดต่อไปเมื่อสี่ปีก่อน ไม่รู้ว่าหายไปไหน พ่อหมอก็เลยถามดู”
 
“หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าพ่ออยู่ที่ไหน เพราะพ่อก็ไม่ติดต่อหนูเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงและเริ่มทำหน้าเศร้า
 
“หนูทับทิมอย่าคิดมากไปเลย พ่อของหนูคงมีเหตุผลส่วนตัว เอาล่ะ! มาพูดเรื่องธุระของหนูกันดีกว่า วันนี้อยากให้พ่อหมอช่วยอะไร?” พ่อหมอเข้าเรื่องธุระของฉัน
 
.....................
 
หลังจากฉันเล่าเรื่องของฉันให้พ่อหมอฟัง พ่อหมอก็ทำหน้าหนักใจแล้วส่ายหน้า
 
“เบาะแสมีน้อยเกินไป เลยขาดความเชื่อมโยงกับเจ้าตัว เห็นทีแม้แต่ศาสตร์ยามสามตาก็คงไม่สามารถช่วยได้ ” พ่อหมออธิบายว่าศาสตร์ยามสามตาก็คือการค้นหาสิ่งของหรือบุคคลที่มีการเชื่อมโยงกับเราด้วยความผูกพันธ์บางอย่าง แต่ในเคสของฉันแค่พูดคุยไม่กี่คำ พลังของการเชื่อมโยงจึงยังน้อยเกินไป
 
ได้ยินคำที่พ่อหมอบอก ฉันก็ทำหน้าเศร้า
 
“แต่....ก็ยังพอมีทางอยู่นะ!” พ่อหมอพูดอย่างมีเลศนัย
 
“ทำอย่างไรค่ะ?” ฉันและยัยเมย์พูดขึ้นมาพร้อมกัน
 
พ่อหมอยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะหันหลังแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า
 
“เราจะใช้เจ้านี่กัน” พ่อหมอเปิดของสิ่งนั้นออกมา ทำเอาพวกฉันตกตะลึงกันทั้งหมด
 
“นี่มัน! ”
 
.......................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 8 ออกตามหา...หัวใจตัวเอง