ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 11 คุณค่าของความรัก...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าที่สดใสที่สุดของชีวิตฉัน เพราะฉันตื่นมาพร้อมเสียงโทรศัพท์สายหนึ่ง
 
“ฮัลโล ตื่นหรือยัง?” ปลายสายเป็นเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่ง
 
“ตื่นแล้ว! ตื่นเพราะโทรศัพท์นายนี่แหละ” ฉันงัวเงียรับสาย แต่ก็ดีใจที่ได้ยินเสียงนี้
 
“เราออกไปเรียนแล้วนะ ไว้ตอนเที่ยงค่อยคุยกันอีกที อย่าลืมหาอะไรกินด้วยล่ะ”
 
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ นายก็ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ แล้วค่อยคุยกัน” ฉันตอบปลายสายแล้วกดวางสาย ในใจรู้สึกมีความสุขอย่างเปี่ยมล้น
 
นี่สินะ! ความรู้สึกของการมีความรัก
 
ใช่แล้วคุณคิดไม่ผิดหรอก! ชายหนุ่มที่โทรมาก็คือ “นายภูผา” นั่นเอง
 
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉันกำลังจะเล่าให้พวกคุณฟังเดี๋ยวนี้
 
.....................
 
ย้อนกลับไปช่วงหัวค่ำของเมื่อวาน
 
เมื่อฉันบอกว่าอยากให้นายภูผามาเป็นแฟนแล้ว นายคนนี้ก็ตกใจ ทำหน้าเหวอใส่
 
“เดี๋ยวนะ! นี่เธอกำลังล้อเราเล่นหรือปล่าวนี่ เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน อยู่ ๆ เธอขอให้เราเป็นแฟนด้วย มันผิดปกติไปหน่อยนะ!” นายภูผาอธิบาย
 
“เอาล่ะ เราไม่ได้บ้าและไม่ได้ไร้เหตุผล  นายฟังเราก่อนนะ!”
 
“ก่อนอื่นเรารู้ว่าเรื่องมันแปลก ที่เรามาเล่าเรื่องของเราให้นายฟังและขอนายเป็นแฟน เพราะเราเป็นคนตรง ๆ เราไม่อยากอ้อมค้อม แล้วเข้าหานายด้วยวิธีอื่นเพราะมันเสียเวลา เลยเข้ามาพูดกับนายตรง ๆ ”
 
“เรารู้ว่านายต้องการใช้เงินเพราะนายขับรถส่งอาหารในแอพ นั่นน่าจะทำให้นายมีเวลาเรียนน้อยซึ่งน่าจะไม่มีผลดีกับนาย เราเลยอยากเสนอธุรกิจให้นาย”
 
"ธุรกิจ ธุรกิจอะไร?" นายภูผาถามต่อ
 
“เราอยากเช่านายเป็นแฟนในระยะเวลาสามเดือน ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเรื่องอย่างว่าหรืออะไรที่เกินเลย รวมถึงไม่วุ่นวายเกี่ยวกับชีวิตของนาย เราขอแค่โทรคุยกับเราเหมือนแฟนทุกวัน กินข้าวและเจอกันแค่อาทิตย์ละหนึ่งวัน เพื่อให้ในระยะเวลาสามเดือนนี้ เราจะได้ไม่ต้องทรมานเพราะนั่งคิดถึงนาย เราจะให้ค่าจ้างนายเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งน่าจะมากกว่าที่นายวิ่งรถรับส่งอาหาร เงื่อนไขมีแค่นี้เอง นายสนใจไหม?” ฉันพูดรายละเอียดของธุรกิจที่เสนอให้
 
นายภูผานิ่งเงียบไปสักครู่ก่อนพูดขึ้นว่า
 
"มันดูเหมือนฉันกำลังเป็นผู้ชายอย่างว่าหรือเปล่านี่?"
 
"ไม่หรอก! ในต่างประเทศเขาก็มีการเช่าเพื่อนแล้วคิดเป็นชั่วโมง แต่ฉันให้นายเป็นเดือน นายจะได้จัดการเวลาและตั้งใจเรียนได้ ปีสุดท้ายแล้วนายคงอยากเรียนจบมากกว่ามาเรียนซ่อมจริงไหม?" ฉันอธิบายเพิ่ม
 
นายภูผาเริ่มคิดหนักพลางทำสีหน้าลังเล ส่วนฉันเองก็ไม่มีอะไรจะเสียเพราะพูดไปหมดแล้ว แต่ในใจก็หวาดกลัวในวิธีอันสุดโต่งของตัวเอง
 
“ก่อนอื่นเราอยากพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าเธอเป็นหมอดูตัวจริงที่ไม่ได้หลอกลวง เธอดูดวงให้แม่เราหน่อยได้ไหม?” นายภูผายื่นข้อเสนอ
 
“ได้สิ! สบายมาก นายรู้วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากของแม่นายหรือเปล่า?” ฉันถามกลับ
 
“รู้สิ! แม่ของฉันชื่อ....................” นายภูผาพูดชื่อและข้อมูลที่ฉันต้องการ จากนั้นฉันก็น่งทำสมาธิและส่งกระแสจิตถึงดวงดาวของแม่นายภูผา
 
ไม่นานดวงดาวก็มาใช้ร่างฉันเพื่อเป็นสื่อกลางในการพูดคุย
 
“เด็กน้อยข้าคือดวงดาวที่เฝ้าดูชะตาชีวิตแม่ของเจ้า เจ้ากำลังอยากรู้เรื่องที่แม่กำลังนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไหม?” ร่างของของฉันพูดออกมาในเสียงของหญิงวัยกลางคน
 
“ชะ...ใช่ครับ เอ่อ... ผมอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรแม่ถึงจะหาย แม่รักษาที่นี่มาหลายเดือนเดือนแล้ว หมอก็ยังรักษาไม่ได้เสียที” นายภูผาทำท่าตกใจ ที่ดวงดาวพูดสิ่งที่เขาอยากจะรู้
 
“หากอยากให้แม่ของเจ้าหาย ให้ย้ายโรงพยาบาลใหม่ ที่ใหม่นี้จะมีหมอที่คุ้นเคยกับโรคที่แม่ของเจ้าป่วยอยู่ เจ้าสามารถถามสาวน้อยคนนี้ได้เพราะเธอก็รักษาตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน จำไว้นะหมอที่จะรักษาแม่ของเจ้าชื่อว่า “หมอวิท” ส่วนเรื่องค่ารักษาเจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแม่ของเจ้าสามารถใช้สิทธิ์ที่นี่ได้เช่นเดิม ”
 
เมื่อได้ยินคำตอบจากดวงดาว นายภูผาก็น้ำตาคลอ ก่อนร้องไห้และขอบคุณดวงดาวในร่างของฉัน
 
“ในฐานะที่ข้าเป็นดวงดาวประจำตัวของแม่เจ้า มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากบอกเจ้าแทนนาง นั้นก็คือ เจ้าอย่าโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวต้องลำบาก เจ้าทำดีที่สุดแล้วและนางรับรู้ทุกอย่างที่เจ้าทำ มนุษย์ถูกทำให้ต้องเป็นทุกข์มากกว่าที่จะได้รับความสุข เพราะความสุขยิ่งได้มายากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความหมายมากขึ้น ตอนนี้เคราะห์ร้ายแม่ของเจ้ากำลังจะผ่านไป ข้าขออวยพรให้เจ้าและนางโชคดี”ดวงดาวของแม่นายภูผากล่าวอำลาและหายกลับไปที่มิติดวงดาว
 
ทำให้ฉันกลับมาควบคุมร่างได้อีกครั้ง
 
“ภูผาฉันรับรู้เรื่องของนายผ่านทางดวงดาวแล้ว ไม่ต้องห่วงนะหมอวิทเป็นหมอที่เก่งมาก แม่นายจะต้องหายแน่นอน” ฉันให้กำลังใจกับนายภูผาหลังจากรู้เรื่องราวครอบครัวของเขาผ่านทางดวงดาว
 
ภูผาอยู่กับแม่แค่สองคน หลังจากที่พ่อขอภูผาไปมีครอบครัวใหม่ ด้วยความที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว แม่ของภูผาจึงขยันหางานเสริม นอกจากงานประจำที่เป็นแม่ครัวอยู่ในร้านอาหาร
 
ภูผารู้ว่าแม่ต้องลำบาก จึงพยายามหารายได้เพิ่มด้วยการขับรถรับส่งอาหารหลังจากเลิกเรียนและให้แม่พักผ่อนมากขึ้น
 
แต่แม่ของภูผาก็ไม่ยอมพัก จนวันหนึ่งแม่ของภูผาจู่ ๆ ก็ล้มลงและร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง ทำให้ไม่สามารถเดินได้เหมือนเดิม แม้แต่หมอเองก็ไม่รู้สาเหตุ
 
นั่นคือเหตุผลที่ภูผาอยากรู้เรื่องคำทำนายเกี่ยวกับแม่ของเขา
 
“เธอทำได้อย่างไร! รู้ว่าฉันจะถามอะไรและรู้เรื่องราวของฉันโดยไม่ต้องถาม?” ภูผาถามฉัน หลังจากเช็ดน้ำตาที่หน้าของตัวเอง
 
“ก็บอกแล้วว่าฉันเป็นหมอดูจริง ๆ แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยามไง รู้จักไม่ใช่เหรอ?” ฉันเริ่มคุยโอ้อวดบ้าง หลังจากที่ได้ดูดวงให้กับแม่ของภูผาแล้ว กำแพงที่กั้นไว้ระหว่างเราก็ผ่อนคลายลง
 
“เราขอบคุณเธอมากนะ ที่ทำนายเรื่องแม่ให้ เรารู้ว่าเธอไม่ได้หลอกลวง ถ้าเป็นปกติเราคงช่วยเธอกลับแน่ ๆ แต่ก็อย่างที่เธอรู้ ว่าตอนนี้เราต้องการเงินมาใช้จ่ายเรื่องเรียนและค่ารักษาแม่ เราตกลงรับงานของเธอ”  ภูผาพูดตอบตกลง
 
“ถ้านายตกลง เราจะโอนเงินค่าจ้างของเดือนนี้ล่วงหน้าให้ก่อนเลย นายเอาเลขบัญชีมา” ฉันขอเลขบัญชี นายภูผาลังเลนิดหน่อยก่อนบอกหมายเลขบัญชีให้
 
“ตริ๊ง! เรียบร้อย ฉันโอนไปแล้วนะนายลองเช็คดู” ฉันบอกนายภูผาหลังจากโอนเรียบร้อย
 
นายภูผาเช็คข้อความในโทรศัพท์ แล้วก็บอกฉันว่า
 
“เอาล่ะ! เธอเอาสัญญามาให้เซ็นได้เลย เราเป็นคนรักษาคำพูด เธอจะได้สบายใจว่าเราไม่โกง”นายพูดผาขอสัญญาจ้าง
 
“ไม่ต้องหรอกเราเชื่อใจนาย” ฉันพูดออกไปด้วยความมั่นใจ
 
แม้นายภูผาจะขอสัญญาแต่ฉันก็ยังยืนยันคำเดิม จากนั้นเราก็พูดคุยเรื่องรายละเอียดที่ฉันต้องการและบอกเบอร์ติดต่อของโรงพยาบาลที่ฉันรักษาตัวอยู่
 
ทั้งหมดจึงกลายเป็นที่มาของเสียงโทรศัพท์ตอนเช้า ที่ทำให้ชีวิตของฉันมีความสุขมากกว่าทุกวัน
 
แม้จะรู้ว่าระยะเวลาสามเดือนกับความรักหลอก ๆ แบบนี้ไม่ได้ยั่งยืน
 
แต่ใครจะรู้ว่า...ความสุขของความรัก...แม้มันจะแสนสั้นกว่าของคนอื่น
 
แต่หากใช้ทุกวันให้คุ้มค่า...มันก็คุ้มพอที่จะแลกกับหลาย ๆ อย่างเช่นกัน
 
.................................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 12 เธอรู้ไหม...นี่ผู้ชายของฉัน