ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 22 ฆาตกรผู้ใช้ศาสตร์คุณไสยมนต์ดำ
สรุปคืนนั้นทั้งคืน พวกฉันก็ไม่ได้นอน!
 
เพราะจากการรายงานของเจ้าหน้าที่บอกว่า จู่ ๆ คนร้ายก็ปลดกุญแจมือและหายตัวไปได้เอง ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ในรถแถมยังมีตำรวจขนาบข้าง ผู้กององอาจก็เรียกตัวหมอเรนและพ่อหมอสามตาอย่างเร่งด่วนทันที!
 
“มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสี่นาย ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายไว้ได้และควบคุมตัวขึ้นรถสายตรวจ แต่คนร้ายก็สะเดาะกุญแจและหลบหนีไป โดยที่ไม่ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่”
 
“แล้วตอนนั้นเจ้าหน้าที่ทำอะไรอยู่?” พ่อหมอสามตาถามขึ้น
 
“สองคนนั่งข้างหน้า สองคนนั่งขนาบกับคนร้าย แต่ทุกคนบอกว่าจู่ ๆ คนร้ายก็หายไปขณะที่รถยังวิ่งอยู่เหมือนในหนัง”
 
“ที่สำคัญเมื่อขอให้เจ้าหน้าที่บอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ทุกคนต่างตอบเหมือนกันว่าจำไม่ได้!” ผู้กององอาจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
 
ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ คงมีแต่พ่อหมอสามตาคนเดียวที่ฟังอย่างตั้งใจและแสดงความคิดเห็น
 
“คนร้ายเป็นพวกเล่นของไสยศาสตร์แน่นอน มันอาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่ของพวกนี้มีจริง” พ่อหมอสามตาบอกกับทุกคน
 
“นี่แหละคือเหตุผลที่ผมเรียกพวกคุณมา ผมเองก็คิดแบบนั้น เพราะศาสตร์การทำนายของพวกคุณก็แม่นยำมาก เรื่องคนเล่นของหรือคุณไสยก็อาจจะเป็นไปได้” ผู้กององอาจวิเคราะห์สถานการณ์
 
“ตอนนี้มีรถสายตรวจและกุญแจมือที่คนร้ายเคยสัมผัสอยู่ ผมเลยอยากให้หมอเรนและพ่อหมอสามตาลองตรวจทำนายดู ส่วนคุณทับทิมผมอยากให้ลองสอบถามดวงดาวของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสี่คนด้วยถึงเหตุการณ์นี้” ผู้กององอาจสั่งการทันที
 
“เอ่อ!..ผู้กองคะ แล้วผู้ชายที่มาพร้อมกับหนูล่ะคะ?” ฉันถามผู้กององอาจถึงนายภูผา
 
“ผมให้เจ้าหน้าที่พาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาร่างกายและสอบปากคำเกี่ยวกับคนร้ายแล้ว อีกสักพักเขาก็จะมาที่นี่ คุณทับทิมไม่ต้องห่วงนะครับ” ผู้กององอาจอธิบายให้ฉันฟัง
 
จากนั้นเราสามคนก็แยกกันทำงาน
 
หลังจากที่ฉันสอบถามดวงดาวของเจ้าหน้าที่ทั้งสี่คนแล้วก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม ทุกคนต่างบอกว่ามองไม่เห็นหน้าคนร้าย
 
“เป็นเหมือนที่สอบถามกับดวงดาวของผู้เสียชีวิตเลย” ฉันคิดในใจ ก่อนจะเขียนบันทึกการทำนายส่งให้ทีมสืบสวน
 
ดูเหมือนครั้งนี้ทางหมอเรนและพ่อหมอสามตาจะได้ความคืบหน้ามากกว่า เพราะทั้งสองมีข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายเพิ่มเติม
 
“ผมใช้จิตสัมผัสกับรถที่พาตัวคนร้ายเดินทางแล้ว ในนี้มีพลังของศาสตร์ด้านมืดหลงเหลืออยู่ มันเป็นศาสตร์เกี่ยวกับวิญญาณคนตายที่รุนแรง ผู้ใช้ศาสตร์นี้หายไปจากรถเวลาประมาณห้าทุ่ม ซึ่งสอบถามเจ้าหน้าที่แล้วว่าตอนนั้นอยู่แถวจตุจักร แต่มารู้ว่าคนร้ายหายไปตอนเกือบห้าทุ่มครึ่งตอนใกล้จะถึงที่นี่” หมอเรนแจ้งผลการทำนาย
 
“กว่าจะรู้ว่าคนร้ายหายตัวไปจากรถ ก็เกือบครึ่งชั่วโมง มันเป็นไปได้อย่างไร?” ผู้กององอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
 
“เป็นไปได้ครับ คนเล่นของนอกจากจะมีวิชาสะเดาะกุญแจแล้ว ยังสามารถล่องหนหายตัวและใช้คาถาบังตาได้ ผมเองก็เคยเจอตอนที่รับราชการอยู่” พ่อหมอสามตาอธิบาย
 
“ส่วนผมใช้ศาสตร์ยามสามตา โดยหาการเชื่อมโยงจากกุญแจมือ ก็พอรู้ว่าคนร้ายเป็นผู้ชาย สูงประมาณ 180 รูปร่างผอมแห้ง แม้จะไม่สามารถเห็นใบหน้าได้ แต่วิชาที่คนร้ายใช้ผมรู้จักดี”
 
“มันเป็นศาสตร์คุณไสยมนต์ดำของเขมร ที่มาจากตำราที่ชื่อว่า คัมภีร์อาถรรพ์เวทย์!”  พ่อหมอสามตาพูดชื่อศาสตร์นี้ออกมา
 
“คัมภีร์อาถรรพ์เวทย์!” ทุกคนในห้องประชุมต่างตกใจเมื่อรู้ข้อมูล
 
“เรื่องนี้พวกคุณอาจจะไม่เชื่อ เพราะมันเหมือนเรื่องเล่าหรือหนัง แต่คัมภีร์อาถรรพ์เวทย์นั้นมีมาตั้งแต่อดีตจากอินเดีย เป็นหนึ่งในคัมภีร์พระเวท ก่อนที่ศาสนาพุทธจะเกิดขึ้นเสียอีก โดยเริ่มมาจากพวกพราหมณ์-ฮินดู”
 
“ต่อมาก็มีการถ่ายทอดไปทางเขมร คนเขมรก็นำไปปรับปรุงและทำให้มันเป็นศาสตร์คุณไสยมนต์ดำ จนกลายเป็นแบบฉบับเฉพาะตัว” พ่อหมอสามตาอธิบายเรื่องศาสตร์นี้เพิ่มเติม
 
“ในอดีตชาวเขมรก็คือขอม พวกเขาใช้ศาสตร์นี้ขยายอาณาเขตและยึดครองพื้นที่ของกลุ่มต่าง ๆ จนยิ่งใหญ่ ซึ่งความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมและนครวัด น่าจะเป็นเครื่องยืนยันในเรื่องนี้ได้”  พ่อหมอสามตาเล่าย้อนไปถึงประวัติศาสตร์
 
“ถ้าอย่างนั้นฆาตกรก็อาจไม่ใช่คนไทย?”  หมอเรนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
 
“ก็ตอบยาก เพราะก็มีคนไทยที่สามารถใช้ศาสตร์นี้ได้เช่นกัน” พ่อหมอตอบ
 
“ผมกลับคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเป็นผู้ใช้ศาสตร์นี้ เพราะมันรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราทุกฝีก้าว จ่าดำให้ลองตรวจสอบประวัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับงานเปิดสะพานเมื่อสิบปีก่อนทั้งหมด และดูว่ามีใครที่ชอบเล่นของหรือคลุกคลีกับอาจารย์ที่ใช้ศาสตร์นี้”
 
“ส่วนพวกคุณทั้งสามคน ดูจากที่มันทำร้ายคุณทับทิม ผมคิดว่าตอนนี้มันน่าจะรู้จักพวกคุณแล้ว เพื่อความปลอดภัย เราจะพาพวกคุณไปที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งเป็นการชั่วคราว สถานที่แห่งนี้เป็นความลับ ไม่มีใครรู้นอกจากหน่วยของเรา” ผู้กององอาจเสนอ
 
“แต่มันก็รู้จักและเห็นหน้าของผู้ชายที่อยู่กับหนูด้วยนะคะ แถมยังมีแม่ของหนูและแม่ของเค้าด้วย?” ฉันเอ่ยถามผู้กององอาจถึงเรื่องนี้
 
“สำหรับน้องผู้ชายที่ไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผล เราจะพาเค้าไปด้วย ส่วนคุณแม่ของพวกคุณทั้งสองคน ทางเราจะส่งเจ้าหน้าที่คุ้มกันอย่างเต็มที่ รวมถึงครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องของผู้นำทางทุกคน” ผู้กององอาจให้คำมั่นสัญญา
 
จนเมื่อนายภูผากลับมา ผู้กององอาจก็เข้าไปคุยเรื่องนี้ นายภูผาตอบตกลง พวกเราทุกคนจึงออกเดินทางเพื่อไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์เป็นการชั่วคราว
 
............................
 
ย้อนกลับไป ในขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยเกี่ยวกับคนร้าย
 
อีกมุมหนึ่งในจังหวัดอยุธยา ก็มีคนกลุ่มหนึ่งประมาณสิบคน กำลังประชุมกันในตึกแห่งหนึ่ง
 
“เรื่องของสะพานมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?” ชายกลางคนผู้หนึ่งที่ไว้หนวด ในชุดเสื้อซาฟารีถามถึงเรื่องสะพาน
 
“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีครับ คาดว่าอีกไม่เกินสามเดือนน่าจะเรียบร้อย” ชายร่างกำยำ ผิวสองสี ที่ตัดผมสั้นเหมือนทหารรายงานผล
 
“ดีมาก! พวกเรารอมาถึงสิบปี อีกไม่กี่เดือนสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็จะสำเร็จแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” ชายรางอ้วนที่ใส่สูทและนั่งหัวโต๊ะพูดขึ้นและหัวเราะ
 
.....................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 23 ความสุขของการได้อยู่ใกล้