ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 39 พิษรักแรงอาฆาต
ร่างวิญญาณของผู้หญิงในชุดโบราณ ที่มีใบหน้าสวยแบบโบราณ มองฉันอย่างเคียดแค้น ภาพความทรงจำผุดขึ้นในหัวของฉัน ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเธอคนนี้คือ “พระมเหสีจันทรา” คู่ชีวิตของจิตเสในอดีต
 
“ด้วยอุบายของมึงเรื่องยาพิษในจอกเหล้า ทำให้กูและบ่าวไพร่ถูกท่านจิตเสฆ่าเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนวางแผน และถูกจองจำในสุสานแห่งนี้ชั่วกัลป์ชั่วกัลป์”
 
“นอกจากจะมาแย่งความรักของกู มึงยังทำให้กูต้องตายและถูกสะกดเป็นผีเฝ้าสุสาน แม้วิญญาณท่านจิตเสจะถูกปลดปล่อยไปแล้ว แต่กูก็ยังต้องอยู่เฝ้าที่นี่ต่อไป วันนี้กูจะฆ่ามึงเพื่อและผู้คนที่ใกล้ชิดมึง ให้สมกับความแค้น! ”
 
เมื่อวิญญาณของพระมเหสีจันทราพูดจบ ภายในห้องนั้นก็เยียบเย็นและมืดลง
 
ทันใดนั้น! เงาสีดำของภูตผี ที่หน้าตาดูร้ายจำนวนมากก็ลอยวนเวียนรอบห้อง พร้อมส่งเสียงที่น่าโหยหวนออกมา
 
“กี๊ซซซซ!”
 
“แย่แล้ว! คุณทับทิมพวกเราทำอย่างไรกันดีครับ?” ผู้กององอาจมองวิญญาณร้ายที่ลอยหลอกหลอนอยู่รอบตัว
 
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เรามีของป้องกันที่พ่อหมอสามตาให้มาอยู่ พวกมันน่าจะทำอะไรเราไม่ได้ ส่วนวิญญาณของพระมเหสีเดี๋ยวหนูจะจัดการเอง” ฉันตอบผู้กององอาจพลางก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับวิญญาณร้าย
 
“เดี๋ยวทับทิม! เธอไหวแน่นะ” ภูผาจับข้อมือของฉันไว้ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
  
“ไหวสิ! นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อยู่ที่นี่กับผู้กองเถอะ เรื่องนี้เราคงต้องเป็นคนจัดการเอง” ฉันตอบภูผาแล้วยิ้ม ก่อนทีภูผาจะปล่อยมือเพื่อให้ฉันไปจัดการเรื่องนี้
 
“อีทับทิมมึงกล้าเดินมาหากูก็ดี ท่าทางพวกมึงจะมีของดีติดตัวมาด้วย วิญญาณร้ายของที่นี่จึงได้แต่ลอยวนเวียนเข้าไปทำอะไรไม่ได้ ดูท่าแล้วกูคงต้องลงมือเองกัน ” วิญญาณพระมเหสีพูดขึ้น พลางยืดแขนออกมาเหมือนผีแม่นาคแล้วตบลงมาหมายจะตบที่ใบหน้าของฉัน
 
ควับ!
 
มือจากแขนที่ยาวเหยียดตบลงมาด้วยความรวดเร็วและรุนแรง จนแรงลมจากมือนั้นทำให้เกิดลมพัดผมของฉันปลิวเหมือนอยู่ในพายุ ชั่วพริบตามือนั้นก็ปรากฎขึ้นใกล้ใบหน้าของฉัน
 
เพี๊ยะ! 
.................................................
 
ขณะที่ด้านในสุสานกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ที่ด้านนอกศึกระหว่างหมอเทียง  จอมขมังเวทย์จากเขมรกับพ่อหมอสามตาก็กำลังเข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดมากขึ้น
 
ตูมมม!
 
 เสียงระเบิดดังขึ้น จากจุดที่พ่อหมอสามตายืนอยู่จนฝุ่นคลุ้ง เมื่อฝุ่นจางลงก็ปรากฎร่างของพ่อหมอสามตา ที่เสื้อผ้าเริ่มขาดวิ่น ยืนพนมมือบริกรรมคาถาอยู่ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
 
“ฮ่า ๆ ๆ นานแล้วที่ไม่มีหมอผีคนไหนกล้าท้าทายกับกู สู้กับมึงมันสนุกสมใจกูจริง ๆ แต่ก็คงไม่นานหรอกเพราะตอนนี้มึงเองก็น่าจะใกล้หมดแรงต่อสู้แล้ว” หมอเทียงพูดพลางหัวเราะ
 
“หมอเทียงเองก็อย่ามาปากเก่งเลย อายุขนาดนี้ สู้กันมาตั้งนานก็คงเหนื่อยไม่น้อยกว่ากันหรอก ไอ้ผมยังแรงดีอยู่ สู้ได้อีกนาน” พ่อหมอสามตาตอบกลับ ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือก
 
“เกือบไปแล้ว ไม่คิดว่าไอ้หมอเทียงจะเล่นปล่อยพรายโหงมาระเบิดตรงหน้า ดีนะที่ร่ายคาถาป้องกันทัน สงสัยต้องงัดไม้ตายก้นหีบมาใช้แล้ว ” พ่อหมอสามตาคิดในใจ ก่อนหยิบก้อนโลหะสีดำเหลือบทองก้อนหนึ่งออกมาจากย่าม แล้วร่ายคาถาทันที
 
“นั่นมัน!.....” หมอเทียงมองก้อนโลหะสีดำแล้วทำท่าตกใจ 
 
“เหล็กไหลสุวรรณราชา!”
 
เหล็กไหลถือเป็นโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่หายาก  หากใช้ทำพิธีแล้วร่ายอาคมฝังกับร่างกายสามารถเป็นเกราะป้องกันจากอาวุธต่างๆและคุณไสยได้  โดยเฉพาะเหล็กไหลสุวรรณราชาหรือเหล็กไหลทองนพคุณที่จัดว่าเป็นราชาเหล็กไหลที่ศักดิ์สิทธิ์และหายากกว่าเหล็กไหลทั่วไป โดยเชื่อกันว่าเทวดาเป็นผู้สร้างให้กับผู้มีบุญและมีอิทธิฤทธิ์มาก
 
ตอนนี้เหล็กไหลก้อนสีดำในมือของพ่อหมอสามตา กำลังไหลเข้าสู่ร่างราวกับโลหะเหลวจนหมด ทำให้ผิวหนังของพ่อหมอสามตา กลายเป็นสีดำเหลือบทองดูน่ากลัวและแปลกประหลาดยิ่งนัก
 
“ร่างเหล็กไหลสุวรรณราชา! มึงคิดว่ามึงมีของดีคนเดียวหรืออย่างไร ดูนี่!” หมอเทียงพูดพลางพนมมือร่ายคาถา จากนั้นร่างกายก็เหมือนมีอะไรชอนไชอยู่ด้านใน ไม่นานเหล็กสีดำที่ดำสนิทกว่าสีดำทั่วไปก็ผุดออกมาเหมือนของเหลว แล้วห่อหุ้มตัวหมอเทียงเหมือนพ่อหมอสามตาทุกประการ ต่างกันที่ร่างของหมอเทียงเหมือนมีแก้วเคลือบร่างสีดำนั้นอีกชั้นหนึ่ง
 
“นี่มัน! เหล็กไหลแก้วเก้าโกฏิปี!” พ่อหมอสามตาอุทานขึ้นเมื่อเห็นภาพดังกล่าว
 
หากเหล็กไหลสุวรรณราชาถือเป็นราชาของเหล็กไหลแล้ว เหล็กไหลแก้วเก้าโกฏิปีก็ถือเป็นราชาของเหล็กไหลอีกตระกูลหนึ่งเช่นกัน เพราะหายากและมีอิทธิฤทธิ์ไม่แพ้กัน โดยจอมขมังเวทย์ต่างสมญานามเหล็กไหลทั้งสองว่า ราชาทองและราชาดำ
 
ในอดีตไม่มีใครรู้ว่าเหล็กไหลทั้งสองชนิดนั้น แบบไหนจะมีอิทธิฤทธิ์มากกว่ากัน แต่ตอนนี้ความสงสัยนั้น กำลังจะได้รับการพิสูจน์จากจอมขมังเวทย์ทั้งสองคน
 
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในร่างเหล็กไหล แขนของหมอเทียงทั้งสองข้างค่อย ๆ กลายเป็นใบมีดแหลมใบใหญ่ ส่วนพ่อหมอสามตาเองก็ไม่น้อยหน้า แปรสภาพแขนทั้งสองข้างของตัวเองเป็นขวานคู่ขนาดใหญ่เพื่อต่อสู้เช่นกัน
 
“ดีวันนี้จะได้รู้กันว่าราชาทองและราชดำ ใครมันจะเหนือกว่ากัน ตาย!” หมอเทียงพูดพร้อมคำราม ก่อนจะวิ่งเข้าใส่พ่อหมอสามตา
 
ส่วนพ่อหมอสามตาก็ไม่ลังเล ร้องคำรามเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแล้ววิ่งเข้าหาเช่นกัน
 
ศึกของร่างราชาเหล็กไหลที่ไม่เคยมีมาก่อนจึงอุบัติขึ้นทันที
 
“ย๊ากกซ์! ..........ตูมมมมมมม!”
 
.................................................
 
กรี๊ดดดด!
 
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีที่มือนั้นกระทบลงที่ใบหน้าของฉัน เพียงแต่เสียงนี้......ไม่ใช่เสียงของฉัน
 
แต่เป็น....เสียงวิญญาณของพระมเหสี!
 
“มึง...มึงพกอะไรติดตัวไว้! ทำไมถึงทำร้ายวิญญาณโบราณอย่างกูได้!” วิญญาณของพระมเหสีหดมือกลับไป มือที่ตบลงมานั้นมีแผลพุพองราวกับถูกไฟเผาไหม้
 
“พระสมเด็จที่มีพุทธคุณในด้านดี วิญญาณร้ายอย่างท่านทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก ไปเกิดใหม่เถอะ พวกเราจะช่วยปลดปล่อยท่านและเหล่าบริวารที่ถูกจองจำเอง” ฉันพูดกับวิญญาณพระมเหสี ขณะที่สายตามองดูเหล่าวิญญาณร้ายที่วนเวียนอยู่ด้วยความเวทนา
 
“ไม่ต้องทำดีกับกู สิ่งที่มึงทำมาทั้งหมดในอดีต มันมากพอที่จะทำให้กูยอมทุกอย่างที่จะฆ่ามึงเพื่อล้างแค้น ตั้งแต่มึงเข้ามาในชีวิตของท่านจิตเส ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จนสุดท้ายกูต้องกลายมาเป็นผีร้ายที่ถูกจองจำและมองดูร่างของมึงนอนข้างเคียงกับท่านจิตเสทุกวัน ทั้งที่กูรักท่านจิตเสสุดหัวใจ แต่ทำไมคนที่นอนเคียงคู่ท่านจิตเสในวาระสุดท้ายถึงไม่ใช่กู ทำไม ทำไม!”  วิญญาณของพระมเสีเริ่มคร่ำครวญถึงเรื่องในอดีตแล้วคลุ้มคลั่ง
 
บรรยากาศในห้องนั้นเริ่มมืดลงและเต็มไปด้วยกระแสลมแรงราวกับพายุ จนพื้นดินสั่นสะเทือน จนพื้นเพดานด้านบนเริ่มแยกออก ทำให้ก้อนหินน้อยใหญ่เริ่มหล่นลงมา
 
“แย่แล้ว! ถ้าวิญญาณของพระมเหสีคลุ้มคลั่งมากกว่านี้ สุสานนี้อาจถล่มลงมา ต้องรีบหาทางแก้ไข ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงต้องตายอยู่ที่นี่” ฉันประเมินสถานการณ์พลางหาทางออกในช่วงวิกฤติ
 
ทันใดนั้นเอง!
.......................................