หลังจากวันที่แคทพูดเรื่องชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าแบบสไตล์ลุง แม้ผมจะไม่ได้คิดอะไรมากกับคำพูดเธอเพราะคิดว่าเธอคงพูดให้กำลังใจชายโสดวัยกลางคนอย่างผม
แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะส่องกระจกแล้วดูความหล่อของตัวเองแบบละเอียด
“อึมม! ตีนกาก็ขึ้น ผมหงอกก็เริ่มมี รอยย่นก็เยอะ ผิวก็กร้าน แต่รวมๆก็ยังดูดีนะนี่ ” ผมพูดกับตัวเองที่หน้ากระจกในตอนเช้าหลังจากอาบน้ำ
บางทีคนเราก็มักจะหลงตัวเองบ้าง เวลาที่มีคนชม
“เจ้าธีย์! วันนี้เป็นอะไรนี่ วิญญาณนกหงส์หยกเข้าสิงหรือ ส่องกระจกซะนานเชียว” เสียงแม่ผมดังขึ้น หลังจากมองผมบ้าส่องกระจกอยู่เกือบชั่วโมง
ได้ยินเสียงของแม่ ก็ทำให้ผมเริ่มอายและกลับสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
“ดูแล้วก็ปลง ไปทำงานดีกว่า” ผมพูดกับตัวเองแล้วแต่งตัวออกไปทำสวนตามเดิม
หลังจากแคทช่วยผมทำเรื่องการตลาด ก็เริ่มมีคนมาเที่ยวชมสวนของเรามากขึ้น
ทำให้พ่อกับแม่ที่อยู่บ้านเฉย ๆ สนุกขึ้นขึ้นมา ลงทุนเปิดขายอาหารและกาแฟเป็นรายได้เสริม ทำเอาคนที่มาเยี่ยมชมและได้ชิมต่างติดอกติดใจกันใหญ่
นี่ขนาดรสมือแม่ผมตกลงจากเมื่อก่อนแล้วนะ ผู้คนยังติดใจขนาดนี้ ถ้าได้ชิมสมัยก่อนแล้วละก็สงสัยจะได้ดาวจากมิชลินแน่ๆ
“เห็นไหม! หนูบอกแล้วว่าต้องสร้างแบรนด์ ตอนนี้สวนลุงธีย์ดังใหญ่แล้วนะ” แคทพูดแล้วก็ยิ้ม เมื่อเห็นผู้คนมาชมสวนของผมมากขึ้น จนพ่อกับแม่ทำอาหารกันมือเป็นระวิง
ผมค่อยๆมองแคทที่ทำหน้าตามีความสุขที่เห็นผู้คนมาเที่ยวที่สวนของผมมากขึ้น หลังจากช่วยทำการตลาดให้ผม พาลค่อยๆคิดถึงแฟนเก่าที่ผ่านมาทั้งสี่คน
เพราะเธอเหมือนเป็นส่วนผสมของทุกคนรวมกัน
เป็นห่วงอนาคตและพยายามทำให้ผมดีขึ้นเหมือนขิง
มีความห้าวและตรงไปตรงมาเหมือนขมิ้น
มีความเอาใจใส่ทุกเรื่องเหมือนน้ำหวาน
ชอบยิ้มและดูเข้าใจผมเหมือนว่าน
ทุกอย่างที่ผมชอบในตัวของแฟนแต่ละคนมันรวมมาอยู่ที่แคททั้งหมด
ไม่นะ! นี่ผมคงไม่ได้กำลังหลงรักเด็กสาวที่อายุห่างกันยี่สิบกว่าปีหรอกนะ
ไอ้เฒ่าหัวงูเอ๊ย! เลิกคิดบ้าๆได้แล้ว
“เอ่อ...คุณธีย์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ แคทเห็นคุณธีย์นั่งทุบหัวตัวเอง” แคทหันมามองผมที่กำลังทุบหัวตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน
“เอิ่มม.. เปล่าครับ มะ..ไม่มีอะไร ผมแค่เมื่อยคอน่ะครับ” ผมรีบปฏิเสธแล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น
อายเด็กจริง ๆ ถ้าโดนจับได้ว่าคิดอะไรอยู่นี่ เสียผู้เสียคนแน่ๆ
หลังจากวันนั้นผมก็พยายามเลือกคิดฟุ้งซ่านและมองแคทให้เป็นแค่รุ่นน้อง...ที่รู้จักกัน
คืนวันหนึ่งเกือบเที่ยงคืน ขณะที่ผมกำลังจะเข้านอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ผมรับสายทันทีที่เห็นชื่อของแคทโทรมา
“คุณธีย์นอนหรือยังคะ ?” เสียงจากปลายสายถามผม
“ยังครับ คุณแคทมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าต้นไม้ตาย?” ผมถามเธอกลับ
“บ้า! ต้นไม้ตาย ใครจะโทรหากันตอนดึก แคทแค่นอนไม่หลับน่ะค่ะ เลยหาคนคุยเป็นเพื่อน รบกวนคุณธีย์หรือเปล่าคะ?”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมยังไม่นอนเพิ่งดูบัญชีเสร็จ” ผมตอบแคทกลับไป
จากนั้นแคทก็ชวนผมคุยเรื่อยเปื่อย เกือบชั่วโมงแล้วก็วางสาย
ตั้งแต่นั้นเวลาเธอนอนไม่หลับ ก็มักจะโทรหาผม จนแทบจะกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว
นักจิตวิทยาเคยบอกไว้ว่า เวลาคุณจะจีบใครให้โทรหาคนนั้นในเวลาเดิมทุกวันเป็นเวลายี่สิบเอ็ดวัน
ถ้าคนๆ นั้นรู้สึกเหมือนคุณ ในวันทียี่สิบสองหากคุณหายไปและไม่โทรมาในเวลาเดิม
ผมไม่รู้ว่าผลวิจัยนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ผมกำลังรอโทรศัพท์ของแคทอย่างใจจดใจจ่อและพยายามห้ามใจ ไม่ให้เป็นฝ่ายโทรไปหาเธอ
ผมพยายามสวดมนต์เพื่อให้จิตใจของตัวเองสงบลง แต่ใครจะคิดว่าชายวัยกลางคนที่ผ่านการบวชมาแล้ว จะนั่งสวดมนต์ถึงตี่สี่
เพราะจิตใจว้าวุ่นจากการรอโทรศัพท์ของเด็กสาว...ที่อายุห่างกันมาก
“เฮ้อ! ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้” ผมถอนหายใจและพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นเข็มนาฬิกา ก่อนล้มตัวลงนอนด้วยความง่วง
เมื่อตื่นมาตอนเช้า ตาผมก็ดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า ขนาดที่พ่อและแม่เห็นผมก็ยังตกใจ
“เจ้าธีย์! ช่วงนี้ทำงานดึกหรือลูก พักผ่อนบ้างก็ได้นะ” แม่ผมพูดด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นหน้าของผม
ทำเอาผมต้องรีบเดินหนีด้วยความอาย
ตอนช่วงสาย ต้นเหตุของดวงตาหมีแพนด้าของผมก็แวะมาที่สวนพร้อมของฝากตามเคย แต่เพิ่มเติมด้วยประโยคที่ทำให้ผมต้องตกใจ
“แคทอยากให้คุณธีย์...ไปที่บ้านแคทหน่อยค่ะ”
บร๊ะ! เด็กสมัยนี้ พูดจาชวนผู้ชายไปบ้าน แบบไม่ต้องอ้อมค้อมเลยหรือนี่!
.............................