จากความทรงจำของชีวิตในอดีต ผมจำได้ว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง บ้านของน้ำหวานแทบหมดตัวเพราะพ่อของเธอนำเงินไปลงทุนและเล่นที่ดินจนขาดทุน
ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจมากนัก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ธีย์กำลังทำอะไรน่ะ?” น้ำหวานถามผม เมื่อเห็นผมกำลังนั่งดูประกาศขายที่ดินจากหนังสือพิมพ์ เพราะใน ปี 2530 ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต
“กำลังนั่งดูประกาศขายที่อยู่น่ะ เราว่าจะเริ่มซื้อที่ดินแล้วขายกับคนอื่นบ้าง เป็นรายได้เสริม” ผมตอบน้ำหวานแล้วเลือกเก็งกำไรราคาที่ดิน จากความทรงจำ
ในสมัยนั้นราคาที่ดินยังไม่สูงมาก แต่จะถูกปรับขึ้นอีกหลายเท่าในปีถัดไป เพราะปีนั้นจะมีการเลือกตั้งใหม่ โดยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีสโลแกนว่า “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจจะดีมาก จนราคาที่ดินพุ่งสูงปรี๊ดเป็นประวัติการณ์
ก่อนจะโดนรัฐประหารและเข้าสู่ยุคต้มยำกุ้ง
ผมเริ่มจากนำเงินเก็บและขอเงินบางส่วนจากที่บ้าน เพื่อซื้อที่ดินราคาถูกแต่จะกลายเป็นทำเลทองในอนาคต ประมาณสามแปลง เพราะเป็นราคาที่ผมพอมีกำลังและพูดกับน้ำหวานเรื่องการลงทุนมากขึ้น
ไม่ใช่ว่าผมอยากอวดเธอหรอกนะครับ แต่ผมหวังผลทางด้านอื่นมากกว่า
ในปีแรกที่ผมเริ่มซื้อที่นั้น ผมก็สามารถขายได้เลยภายในเวลาไม่นาน เพราะผมทำการบ้านมาดีและทำการวิเคราะห์รายละเอียดด้วยการสำรวจรอบ ๆ แปลงที่ดินให้ด้วย ว่าห่างจากโรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตำรวจและตลาดกี่กิโล เหมาะทำธุรกิจอะไร จะมีโครงการของรัฐบาลขึ้นเมื่อไหร่ ฯลฯ
ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ของผู้คนสมัยนั้น ทำให้ที่ดินของผมขายออกอย่างรวดเร็วและสามารถซื้อแปลงใหม่เพื่อเก็งกำไรได้มากขึ้น
จนกระทั่งเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ คราวนี้ราคาที่ดินถีบตัวสูงขึ้น จนผู้คนมากมายเริ่มหันมาทำธุรกิจนี้กันมากมาย
“ธีย์! ป๊าเราสนใจเรื่องซื้อที่ดินกับลงทุนมาก พอได้ยินเราเล่าเรื่องของธีย์ว่าขายที่ดินเท่านั้นแหละ คะยั้นคะยอให้เราพาธีย์มาเที่ยวให้ได้เลย” น้ำหวานมาเล่าเรื่องป๊าของเธอชวนผมไปเที่ยวบ้านด้วยความดีใจ
“ได้เลย! อาทิตย์นี้มีวันหยุดยาว เราไปเที่ยวบ้านน้ำหวานได้นะ” ผมตอบรับคำเชิญของพ่อน้ำหวานและเริ่มแผนการขั้นต่อไปทันที
เมื่อพวกเรามาถึงบ้านของน้ำหวาน ผมสอนพ่อของเธอเรื่องการดูฉโนดและลักษณะที่ดินแปลงสวย รวมถึงการแนะนำให้พ่อของเธอเริ่มจากที่ดินแปลงเล็ก ๆ ก่อน
โดยที่ดินแปลงไหน ที่พ่อของน้ำหวานสนใจผมจะช่วยมาดูด้วย เพื่อร่วมการประเมินความคุ้มค่า
แน่นอนว่าพ่อของน้ำหวานเชื่อผม ในปีนั้นพ่อของเธอซื้อและขายที่ดินได้กำไรทันที
ทำเอาตอนนี้ผมกลายเป็นลูกรักของครอบครัวน้ำหวานไปแล้ว
“อาธีย์นี่เก่งนะ อายุยังไม่มากแต่ขยันขันแข็ง ทั้งทำเกษตรแล้วยังเป็นนายหน้าขายที่ดินอีก แถมทำวิเคราะห์ให้เรียบร้อย ที่ดินที่อาธีย์ทำเอกสารให้ก็ขายง่ายทุกแปลงเลย” พ่อของน้ำหวานพูดกับแม่และน้ำหวาน ในวันหนึ่งที่มีคนติดต่อซื้อที่ดิน
“เสียดายนะที่เป็นคนไทย ไม่อย่างนั้นป๊าน้ำหวานเอามาเป็นลูกเขยแล้ว” แม่ของน้ำหวานพูดแซว
“อ่า... ลื้อก็พูดจา ซี้ซั๊วต่าน่า ผู้ชายคนไทยขยัน ๆ แบบนี้ก็ถือว่าได้เหมือนกัน ว่าแต่อาธีย์นี่ มีแฟนหรือแต่งงานไปแล้วหรือยัง?” พ่อของน้ำหวานถามน้ำหวานตรง ๆ
“ยังเลยป๊า ธีย์ขยันทำงานมาก ไม่เที่ยว ไม่เจ้าชู้ ไม่สูบบุหรี่ มีดื่มบ้างนิดหน่อยแค่เข้าสังคม” น้ำหวานตอบพ่อกับแม่
“แล้วอาธีย์นี่ มาจีบลื้อหรือชอบลื้อบ้างไหม?” แม่ของน้ำหวานถามด้วยความอยากรู้
“เป็นแค่เพื่อนกันเฉย ๆ ม้า มือยังไม่เคยจับเลย เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว ทำไมหรือ ตอนนี้ม้าอยากได้ลูกเขยคนไทยแล้วหรือ เห็นเมื่อก่อนเห็นกีดกันจะตาย” น้ำหวานถามแม่ของเธอกลับ
“นั่นมันตอนนั้น เพราะป๊าแกไม่ชอบที่คนไทยขี้เกียจ แล้วก็เอาแต่เที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า แต่ตอนนี้ป๊าแกเริ่มจะไฟเขียวกับอาธีย์แล้วไง” แม่ของน้ำหวานพูดพลางมองมาทางพ่อของเธอต่อ
“ก็ไม่ได้กีดกันขนาดนั้น เพียงแต่ไม่เคยเห็นผู้ชายไทยขยันแล้วก็เป็นคนดีแบบนี้ ถ้าเป็นแบบอาธีย์ ป๊าก็โอเคนะ” พ่อของน้ำหวานพูดแก้ตัว
“รอให้เค้ามาจีบหนูก่อนนะ แล้วหนูจะบอก แต่ป๊ากับม้าคงไม่คิดค่าสินสอดแพงใช่ไหม เห็นชอบธีย์ขนาดนี้?” น้ำหวานแซวกลับ
“ให้มันถึงเวลานั้นก่อนเถอะค่อยมาพูดเรื่องนี้กัน ของแบบนี้มันต่อรองกันได้” พ่อของน้ำหวานพูดแล้วก็ยิ้มอารมณ์ดี
นี่ถือเป็นครั้งแรกในครอบครัวของเธอ ที่คุยเรื่องลูกเขยคนไทยแล้วไม่ทะเลาะกัน
น้ำหวานเองก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่พ่อและแม่ของเธอเริ่มเปิดกว้างเรื่องคู่ครองและไม่พูดเรื่องคลุมถุงชนอีก
..........................
ปีนี้เป็นปีที่ยุ่งมากจริง ๆ ทั้งทำงานเกษตรที่สวนส้มรวมถึงขายที่ดิน และตอนนี้ผมก็วุ่นวายกับการจัดกิจกรรมคริสต์มาสเหมือนในอดีต
ในชีวิตครั้งที่แล้ว ผมจัดงานเลี้ยงนี้ตั้งแต่ปีแรกที่น้ำหวานมาทำงาน ซึ่งเป็นตอนนั้นเธออยู่ฝ่ายเอนเตอร์เทนต้องใส่ชุดซานตาคลอสสีแดงและใส่หนวด
ส่วนผมอยู่ฝ่ายสถานที่ ที่ต้องจัดเตรียมการตกแต่งต่าง ๆ
สาระสำคัญของวันนั้นก็คือ ตอนที่เราจัดงานเสร็จแล้วนั่งกินอาหารตอนช่วงหลังงานจบไปแล้ว ก็ได้ยินบทเพลง Because I Love You ที่ดังขึ้นมา ตอนที่ผมเดินทางไปส่งเธอที่บ้านพัก
และน้ำหวานบอกว่าชอบเพลงนี้มาก ก่อนส่งของขวัญวันคริสต์มาสเป็นหีบเพลงให้ผม
ทำให้ปีต่อมา ผมฝึกเล่นเพลงนี้และร้องให้เธอฟัง เพื่อขอเธอเป็นแฟนในวันเกิดของเธอ
และอีกไม่กี่วันนี้ ก็คือเหตุการณ์ที่ว่านั่นเอง
“อีกไม่กี่วันก็วันเกิดของน้ำหวานแล้วนี่ ไปเที่ยวไหนหรือเปล่า?” ผมถามน้ำหวานขณะที่เราทั้งสองคนกำลังนั่งพักเหนื่อย หลังจากจัดงานคริสต์มาสเสร็จ
“คงไม่ได้ไปไหน ปีนี้ตรงกับวันทำงาน ก็คงทำงานแล้วก็กลับไปพักเหมือนทุกวันนั่นแหละ” น้ำหวานตอบผมขณะดึงหนวดซานตาคลอสปลอมออก แล้วเช็ดเหงื่อบนหน้า
“แล้ววันนั้นธีย์ไปไหนหรือเปล่า?” น้ำหวานถามผมกลับ
“เรามีไปส่งสินค้าในเมืองให้บริษัทน่ะ แต่ค่ำ ๆ เรามาฉลองกับน้ำหวานได้นะ” ผมตอบเธอ
“ดี ๆ งั้นเราจะรอนะ อย่าลืมของขวัญล่ะ” น้ำหวานพูดแล้วยิ้มอารมณ์ดี
ผมชวนน้ำหวานคุยต่อ จนกระทั่งดึกและเดินไปส่งเธอที่บ้านพัก
ผมก็เตรียมตัวเซอร์ไพรซ์เธอ สำหรับวันเกิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าทันที
เพราะทุกอย่าง...มันต้องดีกว่าเดิม!
..................................