วันนี้ในอดีต...ผมหายไปในช่วงกลางวันเพื่อเตรียมงานเซอร์ไพรซ์วันเกิดของน้ำหวาน
และวันนี้ในปัจจุบัน...ผมก็ยังทำเช่นเดิม
น้ำหวานกำลังเดินทางกลับบ้านพัก ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว ท้องฟ้าจึงมืดเร็วกว่าปกติ ทำให้ทางเดินเข้าบ้านพักมืดเหมือนช่วงหัวค่ำ แต่ก็ยังพอมองเห็นถนนอยู่บ้างเล็กน้อย
และเมื่อเดินเข้ามาที่ประตูหน้าบ้านพักที่มืดสนิท
แสงไฟก็สว่างขึ้น! จากไฟที่ประดับประดาทั่วลานหน้าบ้านพร้อมดอกไม้มากมาย รวมถึงเสียงกีต้าร์โปร่งพร้อมเพลงอวยพรก็ดังขึ้น
“Happy birthday to you......”
ผมเดินดีดกีต้าร์โปร่ง พร้อมร้องเพลงอวยพรวันเกิด เดินออกมาต้อนรับน้ำหวาน
และครั้งนี้ผมยังมีเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ มาช่วยร้องเพลงและเซอร์ไพรซ์เธออีกประมาณ 6-7คน
“สุขสันต์วันเกิดนะน้ำหวาน! อธิษฐานเลย” พวกเราพูดอวยพรพร้อมกัน พร้อมยื่นเค้กวันเกิดให้น้ำหวานเป่าเทียน
น้ำหวานทำท่าซึ้งที่เห็นเพื่อนร่วมงานมาร่วมกันเซอร์ไพรซ์วันเกิดของเธอ เธอหลับตาอธิษฐานและเป่าเทียน
“ปุ๊! ปัง!” พวกเพื่อน ๆ ดึงพลุกระดาษสายรุ้งสร้างบรรยากาศหลังจากเป่าเทียน จากนั้นทุกคนก็เข้ามาอวยพรพร้อมของมอบขวัญให้เธอ
“ธีย์ขอบคุณมากนะ ขอบคุณทุก ๆ คนด้วย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาเซอร์ไพรซ์เยอะขนาดนี้” น้ำหวานขอบคุณพวกผมและทำท่าจะร้องไห้
“ไม่ต้องร้องไห้นะ ทุกคนอยากมาร่วมเซอร์ไพรซ์น้ำหวานกันน่ะ วันนี้มีของกินเพียบเลยนะ มา ๆ ” ผมเดินพาน้ำหวานมานั่งตรงโต๊ะที่พวกเราช่วยกันจัด
ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย
“อันนี้ของขวัญของเรา น้ำหวานลองแกะดูก็ได้นะ ว่าชอบไหม เราตั้งใจเลือกให้เป็นพิเศษเลยนะ” ผมยื่นกล่องของขวัญให้น้ำหวาน ขณะที่เพื่อน ๆ ก็ขอให้น้ำหวานแกะของขวัญออกมาดูกันเลย
น้ำหวานไล่แกะของขวัญทีละกล่อง จนถึงกล่องสุดท้ายที่เป็นของผม เธอค่อย ๆ แกะออกมาอย่างตั้งใจ ท่ามกลางเสียงลุ้นของเพื่อน ๆ
“แหวนแต่งงานหรือเปล่าวะนี่” เพื่อนคนหนึ่งแซว
“จะบ้าเหรอ กล่องใหญ่ขนาดนี้ ” เพื่อนร่วมงานอีกคนเถียง
ทุกคนลุ้นอยู่นาน จนกระทั่งน้ำหวานก็เอาของขวัญในกล่องออกมาโชว์
“เสื้อ! สวยมาก ๆ เลย ธีย์รู้ได้อย่างไรว่าเราชอบเสื้อแบบนี้” น้ำหวานดีใจมากที่เห็นของขวัญ เพราะผมจำได้ว่าเธออยากได้เสื้อแบบนี้มากแต่ต้องลงมาซื้อที่กรุงเทพ เนื่องจากจังหวัดที่ทำงานไม่มีขาย
“ก็เดาเอาน่ะ น้ำหวานชอบเราก็ดีใจ เอาล่ะมากินข้าวกันดีกว่า หิวมากเลย อุตส่าห์แอบเตรียมงานมาทั้งวันนะนี่” ผมชวนทุกคนกินข้าว ขณะที่น้ำหวานดูท่าทางชอบเสื้อที่ให้เป็นของขวัญมาก
“ขอบคุณนะธีย์ แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยเตรียมงานเซอร์ไพรซ์ด้วย” น้ำหวานขอบคุณผม ก่อนนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างสนุกสนาน
ใช่แล้ว! วันเกิดของน้ำหวานแตกต่างจากเมื่อครั้งในอดีต
ข้อแรกคือ ผมไม่ได้มาคนเดียว แต่พาเพื่อน ๆ มาร่วมเซอร์ไพรซ์ด้วย
และข้อสำคัญ ผมไม่ได้บอกรักและขอเธอเป็นแฟนในวันนี้!
พวกเราพูดคุยกันอย่างสนุกและร้องเพลงด้วยกัน โดยมีผมเป็นนักดนตรี
จนกระทั่งดึกแล้ว เราทุกคนก็เก็บของทำความสะอาดและเตรียมตัวแยกย้ายเพื่อกลับไปพักผ่อน
ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ผมและน้ำหวานเท่านั้น
“น้ำหวาน เรามีเรื่องจะคุยกับน้ำหวานหน่อยน่ะ ยังไม่ง่วงใช่ไหม?” ผมถามน้ำหวานขณะที่ยังยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน
“ยังไม่ง่วงหรอก ธีย์มีเรื่องอะไรหรือ?” น้ำหวานถามกลับ
“คือเรา.....” ผมพูดแล้วก็หยุดพูดต่อ จนน้ำหวานรู้สึกแปลกใจ
“ธีย์มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า คุยกับเราได้นะ” น้ำหวานเห็นท่าทางของผม ทำให้เธออยากรู้มากขึ้น
“เราว่า...ปีหน้าเราจะลาออกน่ะ” ผมพูดประโยคที่อยากพูดออกไปจนได้
“หา!...ลาออก!” น้ำหวานตกใจเมื่อได้ยินประโยคนั้น
ผมยืนคุยต่อกับน้ำหวานอีกสักพัก ถึงสาเหตุที่ผมอยากจะลาออก
“ตอนนี้เราทำงานกับขายที่ดินแล้วรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันมันน้อยเกินไป เราจึงอยากลาออกแล้วอยากเริ่มเอาสินค้าเกษตรไปขายในชื่อสวนของตัวเองกับทำเรื่องที่ดินต่อน่ะ ” ผมอธิบายเหตุผลให้น้ำหวานฟัง
“เราว่าก็ดีนะ เพราะธีย์น่าจะได้รายได้จากที่ดินมากกว่าเงินเดือนอีก แถมที่บ้านธีย์ก็มีสวนอยู่แล้ว เราสนับสนุนความคิดธีย์นะ” น้ำหวานสนับสนุน
“แล้วถ้าเราลาออกจากงาน น้ำหวานจะอยู่ได้ไหม?” ผมถามต่อ
“อยู่ได้สิ! แต่เอาตามตรงนะ เราเองก็คงทำงานที่นี่อีกไม่นานหรอก ที่เรามาทำงานไกลบ้านเพราะป๊ากับม้าชอบให้เราไปดูตัวบ่อย ๆ จนเราเบื่อ ก็เลยหนีมาน่ะ ถ้าธีย์ลาออก ไม่แน่เราก็อาจจะออกไปช่วยป๊ากับม้าที่ร้านก็ได้ เพราะตอนนี้ที่บ้านเราดูเหมือนจะไม่บังคับเรื่องหาคู่ให้เราแล้วล่ะ ” น้ำหวานอธิบาย
เมื่อรู้ว่าน้ำหวานก็ไม่ได้คิดจะทำงานที่นี่นานและคงจะกลับไปช่วยงานที่บ้านเหมือนเดิม ผมก็หมดห่วง และเล่าให้เธอฟังถึงแผนในอนาคตของผม
“ถึงเรากลับไปทำเรื่องส่งสินค้าเกษตรของสวนที่บ้าน แต่เรื่องขายที่ดินเรายังช่วยป๊าได้เหมือนเดิมนะ” ผมพูดพลางยืดอกทำท่าภูมิใจ
“ไม่ต้องห่วง ยังไงป๊าก็คงต้องให้ธีย์ ช่วยดูเหมือนเดิมนั่นแหละ...” น้ำหวานพูดตอบ
ผมและน้ำหวานตกลงกันว่าเราจะยังติดต่อกันเหมือนเดิม เพราะผมได้ติดโทรศัพท์บ้าน ไว้ที่บ้านในกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว
ในวันรุ่งขึ้นผมก็ยื่นใบลาออก ซึ่งน้ำหวานเองก็ยื่นด้วยเหมือนกัน จนผมประหลาดใจ
“ไม่มีธีย์แล้วเราก็กลัวจะเหงา ไปช่วยที่บ้านแล้วคอยทำกับข้าว รอต้อนรับธีย์ที่บ้านป๊ากับม้าดีกว่า” น้ำหวานให้เหตุผลที่ยื่นใบลาออกเร็วขึ้น
หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน เราทั้งสองคนก็เดินทางกลับบ้านและเริ่มต้นชีวิตในแบบใหม่