หลังจากที่ชีวิตว่านและครอบครัวดีขึ้นแล้ว ผมก็ตัดสินใจทำเรื่องหนึ่งเหมือนครั้งที่แล้ว
นั่นก็คือ...การไปออกบวชที่วัดป่าแห่งเดิม แถวสวนส้มที่ผมเคยทำงาน
แม้ครั้งที่แล้ว ผมจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับว่าน แต่ครั้งนี้จุดประสงค์มันกลับต่างออกไป
เพราะผมยังอยากพบกับพระภิกษุชราที่มาช่วยผมตอนที่นอนเป็นผัก ซึ่งก็คือพระรูแเดียวกับที่ผมเอายาไปให้หลังจากสึกแล้วนั่นเอง
ด้วยความที่ผมกลัวว่าประวัติศาสตร์บางเรื่องอาจจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากเกินไป
ทำให้ผมพยายามจะทำเรื่องสำคัญให้คงเดิมมากที่สุด
ในที่สุดก็ถึงวันที่ผมตัดสินใจบวช
ซึ่งการบวชในครั้งนี้ก็ไม่ได้มีพิธีอะไรมากนัก ผู้ที่มาก็มีเพียงแค่ครอบครัวของผมและพี่ชัยรุ่นพี่สุดซี้นั่นเอง
“หลวงพี่ครับ แม้ว่าหลวงพี่จะดึงผมมาในทางที่ดีแล้ว แต่ทางธรรมผมยังใจไม่กล้าพอ ขออยู่ทางโลกต่อก่อนนะครับ” พี่ชัยพูดออกตัว เมื่อผมชวนให้มาบวชด้วยกัน
ตอนนี้แกมีสุขภาพดีขึ้นมาก หลังจากเลิกเหล้าเบียร์และเจ้าชู้ เมียของแกก็มาร่วมงานบวชของผมด้วยเช่นกัน หลังจากที่ทั้งสองคืนดีกันแล้ว
ผมไม่ได้บอกน้ำหวานกับแคทเรื่องมาบวช เพราะอยากทำจิตใจให้สงบจริง ๆ แม้บางคนจะบอกว่าก่อนบวชควรจะบอกผู้คนเพื่อขออโหสิกรรม
แต่ผมคิดว่าผมได้ใช้ชีวิตใหม่ครั้งนี้ ขอโทษพวกเธอทั้งสองคนไปแล้ว
หลังจากทำพิธีอุปสมบทแล้ว ผมก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมเช่นเดิม แต่จิตใจของผมกลับสงบมากขึ้น คงเป็นเพราะได้ผ่านการใช้ชีวิตมาแล้วถึงสองครั้ง ทำให้ผมปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น
เมื่อครบกำหนดการบวชตามที่ผมตั้งใจแล้ว ผมก็ทำการลาสิขาในช่วงเวลาเดียวกับในอดีต
ลังจากสึก ท่านเจ้าอาวาสก็ฝากให้ผม เป็นธุระไปส่งยาให้พระภิกษุชรารูปนั้นเหมือนเดิม เนื่องจากท่านออกธุดงค์และยาใกล้หมด ทำให้ทางโรงพยาบาลไม่สามารถส่งไปหาท่านได้โดยตรง จึงต้องส่งยามาให้ที่วัดแทน ซึ่งผมก็ยินดีมาก
เพราะถือเป็นจุดประสงค์หนึ่ง ที่ทำให้ผมมาบวชในครั้งนี้
“ดวงของโยมได้ผูกชะตากันไว้กับพระรูปนั้นตั้งแต่ชาติที่แล้ว อาตมาเองก็คงช่วยได้เพียงเท่านี้” ท่านเจ้าอาวาสพูดขึ้นเบา ๆ หลังจากที่ผมเดินออกไปจากกุฏิเพื่อนำยาไปส่ง
ผมเดินทางตามคำบอกของท่านเจ้าอาวาสและความทรงจำจากครั้งที่แล้ว ทำให้การเดินทางรวดเร็วมากขึ้น
ไม่นานผมก็ได้พบกับพระภิกษุชรารูปนั้น เพียงแต่ตอนนี้ท่านยังไม่ชราภาพเหมือนตอนนั้น
“อาตมาขอบคุณโยมมากที่เดินทางเอายามาให้ไกลถึงที่นี่นะ” หลวงพ่อพูดขอบคุณ
พวกเราคุยกันสักพัก ก่อนที่ผมจะถามคำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุดกับท่าน
“หลวงพ่อครับ วิญญาณลูกสาวของผม จะสามารถกลับมาเกิดอีกครั้งได้ไหมครับ?”นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจมาก ที่จะถามคำถามนี้กับหลวงพ่อ
หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่กล้า แต่ตอนนี้....ผมรู้สึกว่าท่านน่าจะรู้....ว่าคำถามของผมหมายถึงอะไร
หลวงพ่อถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะหลับตาชั่วครู่ แล้วบอกกับผมว่า
“อะไรที่ฝืนธรรมชาติ บางครั้งก็อาจไม่เป็นดั่งที่หวังนะ โยมและลูกสาวมีชะตาร่วมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แม้ชาตินี้โยมอาจจะผิดหวัง แต่ก็ยังได้พบและใช้ชีวิตร่วมกันไปแล้ว โยมไม่ต้องคิดมากนะ”
“ขอให้บุญกุศลที่โยมได้ทำในภพชาตินี้ ส่งผลให้โยมเลือกในสิ่งที่ถูก อาตมาขอให้โยมทำสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ” หลวงพ่อพูดเหมือนรู้เรื่องราวทั้งหมด
หลังจากผมฟังจบ แม้ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด แต่ผมก็ไม่ถามท่านต่อ ได้แต่ก้มลงกราบและจากไปเหมือนครั้งที่แล้ว
“เรามีชะตาและกรรมที่ผูกพันธ์กันแล้ว ถือเป็นโชคของทั้งโยมและอาตมา เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องของธรรมชาติ ทุกอย่างในโลกย่อมเป็นไปตามกรรม” หลวงพ่อพูดกับตัวเองและส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อผมค่อย ๆ เดินห่างออกไป
..........................
หลังจากสึกแล้ว ผมก็กลับมาทำสวนและบริษัทอสังหาเล็ก ๆ ของผมต่อ เรื่องร้านของว่านตอนนี้ผมไม่เป็นห่วงมากนัก เพราะเธอลาออกจากงานพยาบาลมาบริหารกิจการเต็มตัว ส่วนน้ำหวานผมก็ยังไปเยี่ยมครอบครัวของเธอและช่วยพ่อของเธอเรื่องลงทุนต่าง ๆ เช่นเดิม
ตอนนี้ผมเริ่มทำแฟนเพจและลงเรื่องราวเกี่ยวกับสวนของผมเหมือนในอดีต ทำให้สวนของผมเริ่มมีคนมาเที่ยวมากขึ้น
“เจ้าธีย์ ตอนนี้มีคนมาเที่ยวสวนของเรามากขึ้น เราเปิดร้านเหมือนกับที่บ้านของหนูว่านดีไหม?” พ่อของผมถามขึ้น
“ได้สิพ่อ! เดี๋ยวผมลงทุนให้ แม่ก็จะได้ทำอาหารขายไปด้วย” ผมสนับสนุนความคิดของพ่อ
“ดี ๆ ตั้งแต่แกวางระบบในสวน แม่ก็ว่างงานมากขึ้น แกออกแบบร้านให้สวย ๆ เลยนะ แม่จะได้ชวนเพื่อนมาที่ร้านบ่อย ๆ” แม่ของผมทำท่าทางดีใจ
แม้เรื่องเปิดร้านอาหารที่สวนของบ้านผม จะมาเร็วกว่าครั้งในอดีต แต่ผมคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้เกี่ยวกับไทม์ไลน์ในชีวิตก่อนมากนัก ผมจึงเริ่มปรับปรุงบ้านให้กลายเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีอาหารขายไปด้วยและตั้งชื่อสวนว่า “สวนลุงธีย์”
ซึ่งชื่อนี้ผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตรักของผมเป็นคนตั้งให้ และเธอก็เป็นคนที่ผมรออยากพบมากที่สุด
ผมจดจำได้ว่าในอดีต ผมจะได้เจอกับแคทในปีนี้ จึงตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พบเธออย่างใจจดใจจ่อ
“เจ้าธีย์ ช่วงนี้พ่อว่าแกแต่งตัวหล่อขึ้นนะ” พ่อของผมพูดแซว เมื่อเห็นผมใส่ชุดใหม่เดินออกมาทำสวน
“เสื้อผ้าเหมือนเดิมแหละพ่อ แค่ซื้อใหม่เท่านั้นเอง ของเก่ามันเปื่อยหมดแล้ว” ผมตอบพ่อแล้วทำท่าเดินช้า ๆ เพื่อโชว์ความหล่อ
“แต่ถึงจะซื้อใหม่ แกก็ไม่ต้องบอกใครด้วยการไม่แกะป้ายราคาออกก็ได้นะ ห้อยอยู่ที่คอหราเชียว” แม่ผมผสมโรงด้วย
“ห๊ะ! จริงหรือแม่ แหม เผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มแต่เช้าเลย” ผมพูดแบบอาย ๆ และพยายามดึงป้ายราคาออก
นั่นแหละครับชีวิตผมช่วงนี้ พอรู้ว่าปีนี้จะได้เจอกับแคทก็เริ่มแต่งองค์ทรงเครื่องกันเสียหน่อย
วัน ๆ ก็เอาแต่นั่งชะเง้อมองคนที่มาเที่ยว เพราะคาดหวังว่าจะได้เจอแคทในเร็ววัน
จากวัน..เป็นอาทิตย์ เป็นเดือนและหลายเดือน
แต่.....แคทก็ยังไม่ปรากฏตัวที่สวนของผม!
นี่มัน...เริ่มผิดปกติแล้วนะ!
เป็นครั้งแรกที่คนที่ผมเคยพบเจอในชีวิตครั้งที่แล้ว ไม่ปรากฎตัวในช่วงเวลาเดิม
ผมนั่งไล่ไทมไลน์ใหม่อย่างละเอียดว่าผมจำช่วงเวลาผิดหรือไม่ ถึงกับเอาสมุดมาเขียนไล่ช่วงเวลาเลยทีเดียว
“หรือว่า.....” ผมเริ่มตกใจเมื่อนึกย้อนถึงเรื่องหนึ่ง
.........................