ตอนที่ 3 ตามหาพระเอกคนใหม่
เช้าวันรุ่งขึ้น...ผู้คนมากมายต่างก็จับจ้องรอดูข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ
 
เพราะเป็นวันของงานแถลงข่าวการประกวดการแสดงระดับโลก WCS หรือ World Championship Show ในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ ที่อาคารหรูแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพมหานคร
 
งาน WCS หรือ World Championship Show นั้นถือเป็นรายการประกวดระดับโลกที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ไม่น้อยกว่าการประกวดนางงามจักรวาลหรือการแข่งขันโอลิมปิค
 
ผู้ชนะจากแต่ละประเทศจะเป็นตัวแทนเพื่อไปชิงชนะเลิศที่อเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าของงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้เงินรางวัลที่มีจำนวนที่สูงถึงสิบล้านบาทแล้ว ยังมีโอกาสก้าวสู่วงการแสดงระดับโลกอีกด้วย
 
ตอนนี้ภายในห้องแถลงข่าว เต็มไปด้วยสื่อมวลชนจากทุกสำนักข่าว รวมถึงดารา นักร้องและบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย
 
ขณะที่ทุกคนกำลังทำรอทำข่าวการประกวดที่ถือว่ายิ่งใหญ่ระดับโลก ไม่นานคณะผู้จัดงานที่ถือเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงก็ตบเท้าเดินเข้ามาในห้อง หนึ่งในนั้นก็คือหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่ตัดผมสั้นแบบสาวยุคใหม่ แลดูมั่นใจ เธอก็คือ “คุณดาว อิสรามหาตฤนมัย” ผู้กำกับการแสดงละครเวทีชื่อดัง ผู้ถือกรรมสิทธิ์การประกวดครั้งนี้แต่ผู้เดียวในประเทศไทยนั่นเอง
 
“ขอบคุณผู้ร่วมงานแถลงข่าวและสื่อมวลชนทุกท่านนะคะ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ปีนี้ WCS หรือ World Championship Show ได้ถูกจัดขึ้นอีกครั้ง” คุณดาวพูดพร้อมมองผู้คนภายในห้องที่กำลังให้ความสนใจ
 
“ปีนี้ WCS ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการคัดเลือกตัวแทนใหม่เล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับสังคมออนไลน์มากขึ้น โดยผู้เข้าสมัครทุกคนจะต้องถ่ายคลิปการแสดงของตัวเอง เพื่อส่งมาขึ้นแพลตฟอร์มของ WCS ทีมที่มียอดวิวสูงที่สุดยี่สิบทีมจะได้เข้ารอบต่อไป ก่อนจะคัดเหลือเพียงสิบทีมสุดท้าย เพื่อเข้าสู่รอบการแสดงสดที่จะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ และตัดสินโดยคะแนนโหวตและคณะกรรมการ”
 
“โดยปีนี้ทางสบู่เบนเนท สบู่สมุนไพรของคนไทย ที่มียอดขายอันดับหนึ่งติดต่อกัน 6 ปีซ้อน เป็นสปอนเซอร์หลัก ได้เพิ่มเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะเป็นมูลค่ากว่าห้าล้านบาท พร้อมของรางวัลจากสปอนเซอร์เจ้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดหรูกลางใจเมืองและรถยนต์ ทำให้ปีนี้ ผู้ชนะที่เป็นตัวแทนจากประเทศไทยจะได้รับรางวัลมูลค่ากว่าสิบล้านบาทและได้เข้าประกวดที่อเมริกา เพื่อก้าวสู่การแสดงระดับโลกอีกด้วย” คุณดาวพูดต่อถึงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการประกวดประมาณสิบนาที
 
จากนั้นการแถลงข่าวก็ต่อด้วยคณะกรรมการท่านอื่นที่พูดเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย จนกระทั่งถึงช่วงตอบคำถามของสื่อมวลชน
 
“ได้ข่าวว่าปีนี้ "คุณบอย อุปกรนาศรี" ที่เป็นดาราและนักแสดงละครเวทีชื่อดัง ได้ตั้งทีมการแสดงเพื่อเข้าประกวดด้วย จริงหรือเปล่าครับ?” นักข่าวชายคนหนึ่งถามขึ้น
 
“เป็นความจริงค่ะ ตอนนี้ทางคุณบอยได้ยื่นใบสมัครเข้ามาเรียบร้อยแล้ว” คุณดาวตอบคำถามนักข่าวคนนั้น
 
“แล้วอย่างนี้จะไม่เป็นการเอาเปรียบทีมอื่นหรือครับ เพราะคุณบอยมีฐานแฟนคลับทั่วประเทศ?” นักข่าวคนเดิมถามต่อ
 
“ตรงส่วนนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบของทีมคุณบอยนะคะ ไม่ได้ถือว่าผิดกฎการประกวด แต่ถึงแม้คุณบอยจะเป็นดาราดัง และสามารถผ่านรอบคัดเลือกมาได้ แต่การประกวดของเราก็ตัดสินกันที่การแสดงค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคณะกรรมการของเราคงไม่ได้ตัดสินจากชื่อเสียงความเป็นดาราแน่นอน” คุณดาว ตอบคำถามพร้อมอธิบายเพิ่มเติม
 
“คุณดาวคะ ทุกปีตัวแทนจากประเทศไทยจะเป็นการแสดงสมัยใหม่และไม่เคยชนะในระดับโลกเลย ปีนี้คุณดาวคิดว่าการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยจริง ๆ จะสามารถชนะและเป็นตัวแทนประกวดในระดับโลกได้ไหมคะ?”  นักข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้น
 
คุณดาว มองไปที่นักข่าวสาว พลางยิ้มก่อนตอบคำถาม
 
“เป็นคำถามที่ดีค่ะ ดิฉันเชื่อว่าการแสดงคือจิตวิญญาณของมนุษยชาติ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมา และจิตวิญญาณของคนไทยก็ไม่แพ้ชนชาติอื่นเช่นกัน ดิฉันและทีมงานคาดหวังมาตลอดว่า เราจะได้พบการแสดงแบบไทย ๆ ที่สามารถเป็นตัวแทนประเทศและชนะในระดับโลกได้ค่ะ”
 
.................................
 
“พ่อผมไปก่อนนะ ถ้าชาวคณะมาแล้ว ผมฝากพ่อฝึกซ้อมเหมือนเดิม เพื่อเคาะสนิมก่อน อีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะกลับมาพร้อมสมาชิกใหม่” ผมพูดกับพ่อก่อนเตรียมตัวไปหาสมาชิกใหม่เพิ่มเติม
 
“ไอ้หนู! เอ็งต้องจำไว้เรื่องหนึ่งนะ พ่อถือว่าเป็นกฎของคณะลิเกเรา ” พ่อผมพูดทิ้งท้าย
 
“เรื่องอะไรหรือพ่อ?” ผมถามพ่อด้วยความสงสัย
 
“คณะลิเก ส.อนุรักษ์ไทยของเรา ทุกคนต้องขึ้นชื่อด้วย ส. เท่านั้น ถ้าขึ้นต้นชื่อด้วยอักษรตัวอื่นพ่อไม่ตกลงด้วย” พ่อของผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
 
โถ่! นี่พ่อจะอนุรักษ์นิยมไปไหนนี่ สงสัยผมคงต้องให้สมาชิกใหม่เปลี่ยนชื่อก่อนจะร่วมงานกันซะแล้ว เฮ้อ!
 
แม้จะต้องเถียงกับพ่อว่าเราควรดูความสามารถเป็นหลักมากกว่าเรื่องของชื่อ แต่พ่อของผมก็ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ที่สืบกันมาในตระกูล จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมและรับปากพ่อเรื่องนี้ ก่อนออกเดินทางเพื่อไปหาสมาชิกเพิ่มเติมตามที่ได้วางแผนไว้
 
ช่วยไม่ได้ก็ใครใช้ให้ผมมาถังแตกตอนนี้ล่ะ ขืนไม่ทำตามผู้สนับสนุนรายใหญ่ โครงการของผมก็คงล่มก่อนจะได้เข้าประกวดแน่ ๆ
 
.............................
 
แผนการณ์เบื้องต้นของผมคือหาสมาชิกใหม่ เพื่อทดแทนตำแหน่งสำคัญ แม้ผมจะสามารถสร้างเรื่องราวเพื่อให้สมาชิกเก่าแสดงได้ แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะการันตีตำแหน่งผู้ชนะ เพราะสมาชิกใหม่ต้องสามารถดึงดูดเหล่าผู้ชมที่จะช่วยเรื่องคะแนนโหวตด้วย
 
และตำแหน่งที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ “พระเอกลิเก”
 
คนทั่วไปอาจมองว่าลิเกเป็นการแสดงพื้นบ้านที่ง่าย ๆ แค่ไปหาเด็กนักเรียนนาฏศิลป์หรือคนจากคณะลิเกไหนมาร่วมงานก็ได้ นั่นแสดงว่าคุณไม่เข้าใจความเป็นการแสดงลิเกมากพอ
 
นักแสดงลิเกที่ดีจะมีความรักและชื่นชอบลิเกอยู่ในสายเลือด พวกเขาจะหายใจเข้าออกเป็นลิเก ไม่ว่าจะต้องทำงานอื่นเพื่อเลี้ยงชีพ แต่หากเป็นเรื่องของลิเกแล้ว จะให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
 
นั่นคือเหตุผล ที่ทำให้นักแสดงเหล่านี้เข้าถึงบทบาทตัวละครของการเล่นลิเกได้ดีกว่านักแสดงทั่วไป
 
มันคือการเข้าถึงจิตวิญญาณของการแสดงแบบธรรมชาตินั่นเอง
 
ส่วนพระเอกลิเกที่ดี ไม่ได้อยู่ที่ความหล่อหรือรำและร้องเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก หรือที่ภาษาในวงการเรียกว่า “คาริสม่า” (Charisma)
 
โชคดีที่ในยุดนี้มีอินเตอร์เน็ท ทำให้ผมสามารถค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัตินี้ได้ง่ายขึ้น จนทำให้ผมเดินทางมาถึงตลาดสดแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี
 
และตอนนี้กำลังยืนมองชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังร้องกลอนลิเก พร้อมกับขายผักอย่างมีความสุข
 
ใช่แล้ว! .....คุณเดาไม่ผิดหรอก
 
เพราะพระเอกลิเกของผม เป็นพ่อค้าขายผักอยู่ที่ตลาดแห่งนี้นั่นเอง!
 
..............................