ตั้งแต่คืนนั้น...ที่ผมตั้งใจอยากเป็นผู้ชายในบทเพลงที่น้ำหวานชอบแล้ว
วันรุ่งขึ้นผมก็พยายามเป็นตามความรู้สึกของตัวเอง ตามที่ตั้งใจ
“น้ำหวานมันหนัก เดี๋ยวเรายกให้เอง”
“น้ำหวานเรารู้ว่าเธอชอบก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ เราซื้อมาฝาก”
“น้ำหวานไปเที่ยวกัน คืนนี่มีงานวัด”
หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป จนน้ำหวานอดสงสัยไม่ได้
“ธีย์! เป็นอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้ธีย์ดูแปลกๆนะ?” น้ำหวานถามผม ในคืนที่เราเดินเที่ยวอยู่ในงานวัดแห่งหนึ่งใกล้สวนส้ม
“ไม่มีอะไร เราแค่อยากดูแลน้ำหวานบ้างน่ะ! ผลัดกันไง เผื่อวันไหนไม่สบายอีก น้ำหวานจะได้สลับมาดูแลเราเหมือนเดิม” ผมปฏิเสธและพูดหยอดกลับไปบ้าง
มุขจีบสาวนี้ พี่ชัยสอนมากับมือเลยนะ
“โห! ถ้าทำกันขนาดนี้อีกหน่อยเราเป็นง่อยกันพอดี เดี๋ยวติดเป็นนิสัยอีก ตอนนั้นเราคงกลายเป็นคนขี้เกียจแน่ๆ” น้ำหวานตัดพ้อเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงนะ! จะตอนไหน เราก็ยังคงดูแลน้ำหวานเหมือนเดิม” ผมตอบน้ำหวานกลับไปและแอบสังเกตเห็นแก้มของเธอแดงขึ้นนิดๆ
ท่าทางมุขของพี่ชัยจะใช้ได้นะนี่ ...ขอบคุณครับพี่ชายสุดที่รัก
สมัยก่อนไม่ค่อยมีสถานที่ให้คนหนุ่มสาวเที่ยวมากนักหลังเลิกงาน ยิ่งต่างจังหวัดด้วยแล้ว ยิ่งยากเข้าไปอีก งานวัดจึงเป็นงานที่คนหนุ่มสาวชอบมาเที่ยวกัน ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คนและความสนุกแบบไทยๆสมัยก่อนที่ดูเรียบง่าย
ยิงปืน ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ สาวน้อยตกน้ำ รถไต่ถัง เมียงู และอื่นๆอีกมากมาย เลยออกมาหน่อยก็จะเป็นเวทีลิเก ลำตัด หนังกลางแปลง ที่สมัยนี้อาจดูธรรมดาแต่เมื่อก่อนกลับกลายเป็นที่ตื่นตาของผู้คน
ผมและน้ำหวานเองหลังจากทำงานก็ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวตอนกลางคืนแบบนี้ คืนนี้เราสองคนเลยสนุกกันมากเป็นพิเศษ
เราเริ่มจากไปไหว้พระปิดทองกันก่อน เนื่องจากสมัยก่อนงานวัดจะจัดกันปีละครั้งทำให้ผู้คนในละแวกใกล้เคียงหลั่งไหลมาทำบุญกันเป็นจำนวนมาก ตามศรัทธาของคนพุทธ
“เมื่อกี้ ธีย์ขอพรอะไรกับหลวงพ่อท่านล่ะ เห็นตั้งใจมากกว่าทำงานอีก” น้ำหวานถามผมหลังเราเดินออกมาจากโบสถ์
“ก็ขอหลายอย่าง ขอแฟนด้วยด้วย อยู่โสดมานานเห็นคู่อื่นเค้ากระหนุงกระหนิงกันก็อยากมีบ้าง แล้วน้ำหวานล่ะ ขอพรอะไรหลวงพ่อท่าน?” ผมถามกลับ
“ไม่บอก! เดี๋ยวพรคลาดเคลื่อน” น้ำหวานตอบพลางแลบลิ้นใส่ผม
แหม! จะน่ารักเกินไปแล้วนะแม่คุณ น่ารักไม่บันยะบันยังกันเลยทีเดียว
หลังไว้พระเสร็จ น้ำหวานชวนผมเล่นเครื่องเล่นแทบทุกชนิด เราแวะซุ้มแทบทุกซุ้มและหอบของกลับมามากมาย
“ธีย์! นี่ก็ยิงปืนแม่นนะ ดูสิได้รางวัลมาเพียบเลย” น้ำหวานดูดีใจที่เห็นตุ๊กตาและของมากมายในมือ
“สนุกไหมล่ะ ไว้มีงานวัดอีกพวกเรามาเที่ยวกันอีกไหม?” ผมชวนน้ำหวานล่วงหน้า
“ไปสิ! นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เรามาเที่ยวงานวัดได้ได้เที่ยวอย่างจุใจ สมัยเด็กๆไปกับป๊าม้า เที่ยวแป๊บเดียวก็ต้องรีบกลับ เพราะต้องที่บ้านเปิดร้านแต่เช้าน่ะ” น้ำหวานพูดถึงเรื่องในอดีต
ตั้งแต่วันนั้น ผมกับน้ำหวานก็ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น จนพี่ๆที่ทำงานเริ่มแซวว่าเราทั้งสองเป็นแฟนกัน
แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่กล้าขอเธอเป็นแฟนอยู่ดี
จนกระทั่ง....เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี
วันนี้ผมลาหยุดงานครึ่งวันและแจ้งกับที่ทำงานว่าขอตัวไปทำธุระโดยไม่ได้บอกกับน้ำหวาน
ทำให้วันนี้ตอนเลิกงาน เธอจึงไม่เจอผมและเดินกลับไปที่บ้านพักคนเดียว
เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติและไฟที่ติดตามทางก็ยังไม่เปิด โชคดีที่ยังพอมีแสงไฟจากอาคาร พอให้มองเห็นทางอยู่บ้าง
น้ำหวานทำหน้าเหงาๆขณะเดินกลับบ้าน
และเมื่อเดินเข้ามาที่ประตูหน้าบ้านพักที่มืดสนิท
แสงไฟก็สว่างขึ้น! จากไฟที่ประดับประดาทั่วลานหน้าบ้านพร้อมดอกไม้มากมาย รวมถึงเสียงกีต้าร์โปร่งที่ดังขึ้นจากเพลงที่น้ำหวานชอบ
"เพลง Because I Love You"
ผมเดินดีดกีต้าร์และร้องเพลงนี้ออกมาจากลานหน้าบ้าน ที่คอมีหีบเป่าเพลงที่น้ำหวานซื้อให้ห้อยอยู่ และผมก็เป่ามันในช่วงโซโล
น้ำหวานยืนนิ่ง มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเธอตอนนี้มีน้ำตาเอ่อล้นคลออยู่
ผมค่อยๆเดินมาหาเธอและร้องเพลงนี้จนจบ ก่อนหยุดที่เบื้องหน้าของเธอ แล้วหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“สุขสันต์วันเกิดนะน้ำหวาน เราอยากให้มันดูดีกว่านี้ แต่ก็เตรียมทุกอย่างได้เท่านี้จริงๆ” ผมพูดพร้อมยื่นกล่องของขวัญให้กับเธอ
ตอนนี้น้ำตาที่ไหลเอ่ออยู่ ได้ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของน้ำหวาน เธอร้องไห้เบาๆและเอื้อมมือมารับกล่องของขวัญเล็กๆกล่องนั้น
“ไม่หรอกธีย์ มัน..มันดีมากๆ เราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครจำวันเกิดเราได้และเซอร์ไพรซ์วันเกิดให้เราแบบนี้ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ฮือๆ” น้ำหวานพูดไปพลางร้องไห้ไป จนผมต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าส่งให้เธอ
“น้ำหวานจำได้ไหม ปีที่แล้วที่เราฟังเพลงนี้กันในงานเลี้ยง น้ำหวานบอกว่าชีวิตนี้อยากมีใครสักคนที่เป็นเหมือนผู้ชายในเพลง” น้ำหวานฟังที่ผมพูดแล้วก็พยักหน้าว่าจำได้
“จะเป็นอะไรไหม ถ้าเราอยากเป็นผู้ชายคนในเพลงนี้จริงๆ ในชีวิตของของน้ำหวาน"
"เราสัญญาว่าจะดูแลและทำทุกอย่างเพื่อน้ำหวานตลอดไป” ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อบอกความในใจของผมออกไป
ช่วงเวลาที่ผมพูดหมดประโยคและรอคำตอบจากน้ำหวาน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่ายาวนานเหลือเกิน
มันเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด วิตก หวาดกลัวและหลายๆอย่างปนเปกัน
โดยเฉพาะหากน้ำหวานตอบว่าไม่ ผมเองก็อาจมองหน้าเธอไม่ติดและอาจเสียเพื่อนที่ดีไปหนึ่งคน
ตอนนี้หัวใจของผมเต้นรัวยิ่งกว่ากลอง เมื่อรอคำตอบจากเธอ
และแล้วน้ำหวานก็ทำให้ช่วงเวลาที่อึดอัดนั้นหายไป
..........................................