ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 45 จุดหมายและคำตอบ
หลังจากที่เราใช้เวลาเรียนรู้เรื่องเกษตรจากหลายที่ในเวลาสองเดือน หนึ่งเดือนที่เหลือ แคทก็พาผมไปสถานที่ท่องเที่ยวที่เธออยากจะไป
 
“เข้าคอร์สอบรมเกษตรมาตั้งนาน ตอนนี้ได้เวลาเที่ยวแล้วนะคะ” แคทบอกผมขณะขับรถ
 
ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่รู้เลยว่าเธอจะพาไปไหนบ้าง เพราะมันอยู่ในลิสท์หนึ่งร้อยอย่างที่ต้องทำ ในสมุดที่เธอเขียนไว้นั่นเอง
 
ที่แรกที่พวกเรามานั่นคือการมาเดินเขาและพักแรมที่โมโกจู ยอดเขาที่สูงที่สุด ณ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร
 
ผมค่อนข้างประหลาดใจที่คุณหนูอย่างเธอ ชอบเที่ยวแนวแบบลุยๆ
 
“แคทชอบเที่ยวแบบนี้ค่ะ เลยหาเพื่อนที่ชอบแนวนี้ยาก ก็มีคุณธีย์นี่แหละที่แคทมองว่าน่าจะเป็นสายลุยเหมือนกัน” แคทพูดขณะที่กำลังแบกเป้เดินเข้าป่าตามเจ้าหน้าที่นำทาง ซึ่งวันที่เราเดินทางขึ้นเขานั้นก็มีคนอื่นที่อยากพิชิตยอดเขาโมโกจูร่วมทางไปด้วยอีกสิบกว่าคน
 
“โมโกจู เหมือนปริญญาเอกของการเดินป่าไทยนะคะ ถ้าผ่านที่นี่ได้ การไปเขาลูกอื่นในประเทศก็ง่ายไปเลย” แคทพูดขณะที่เราตั้งแคมป์ที่จุดพักแรมวันแรก
 
การเดินทางไปยอดเขาโมโกจู ใช้เวลาห้าวันสี่คืน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะพักแรมแต่ละที่ตามจุดพักแรม
 
แคทดูสบาย ๆ ไม่เหนื่อยมาก แต่สำหรับชายวัยกลางคนอย่างผมที่เรี่ยวแรงหายไปพอสมควรตามวัย ถึงกับหอบเลยทีเดียว
 
แม่คุณเอ๊ย! ชอบแบบนี้ก้ไม่บอก จะได้ออกกำลังกายเตรียมตัวไว้สักหน่อย
 
ที่นั่นทุกคนทำกับข้าวกินเอง โดยใช้เสบียงที่เตรียมมา โดยคนส่วนใหญ่จะจ้างลูกหาบแบกเสบียงส่วนกลาง ส่วนกระเป๋าส่วนตัวจะแบกกันเอง
 
แต่ด้วยความงกและอยากโชว์พลังของผม ทำให้ผมบอกแคทว่าไม่ต้องหรอก ไปแค่นี้เดี๋ยวผมแบกเองคนเดียวได้
 
กว่าจะรู้ว่าหนทางมันลำบาก ก็สายเกินไปเสียแล้ว
 
“อู้ยย! ถึงสักที” ผมร้องโอดครวญ พลางวางสัมภาระและบีบนวดขาตัวเอง
 
“บอกแล้วว่าให้จ้างลูกหาบ แต่คุณธีย์ก็แข็งแรงนะคะ แบกของมาได้ไกลขนาดนี้แบบไม่ต้องหยุดวางพักเลย” แคทเอ่ยชมผมและยิ้มให้
 
ผมยิ้มให้เธอกลับ แต่ในใจคิดว่า...
 
ไม่รู้อะไรซะแล้ว...ที่มาถึงที่นี่ได้เพราะผมแอบจ้างลูกหาบให้ช่วยแบกของตอนอยู่รั้งท้ายขบวนต่างหากล่ะ แล้วมาเปลี่ยนตอนจะถึงที่พักแรม
 
แม่สาวน้อยรู้จักพี่เสือน้อยไปนะ หุหุ
 
แคทอาสาทำอาหาร ส่วนผมก็ทำหน้าที่กางเต้นท์สองหลัง เพราะเรานอนแยกกัน
 
พรุ่งนี้แกล้งทำเต้นท์หายสักหลังดีมั้ยนี่ จะได้นอนด้วยกัน หึหึ!
 
ไม่ๆ ธีย์! นายต้องเป็นคนดีนะ!
 
ความคิดฝั่งดีและฝั่งชั่วร้ายมักจะตีอยู่ในหัวของผมเสมอ แต่พอคิดเรื่องพ่อของเธอที่ชอบให้ลูกน้องไปปล่อยปลากลางทะเลแล้ว
 
ความคิดฝั่งดีของผม ก็ชนะอย่างขาดลอย
 
“คุณธีย์รู้ไหมคะ ว่าบนยอดเขานั้นมีหินที่ผู้คนเรียกว่าหินเรือใบอยู่นะคะ เป็นจุดหมายที่ทุกคนตั้งใจจะไปถ่ายรูปกัน เพราะเป็นจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาแห่งนี้” แคทพูดขณะที่เรากินข้าวเย็นเสร็จและนั่งคุยกันข้าง ๆ กองไฟบริเวณหน้าเต้นท์
 
“ทำไมคุณแคทถึงชอบเที่ยวแบบนี้ล่ะครับ? ” ผมถามเพราะเริ่มสงสัย
 
“หม่ามี๊ของแคทนอกจากจะชอบต้นไม้แล้ว ยังชอบเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ค่ะ ทั้งปีนเขา ขับรถแข่ง ดำน้ำ กระโดดบันจี้จั้มพ์ แนวประมาณนี้แหละค่ะ แคทเห็นรูปพวกนี้ตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาก็เลยอยากเที่ยวเหมือนหม่ามี๊บ้าง”
 
อึมม! ชัดเลย ถอดแบบมาจากแม่เป๊ะ! ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
 
“แล้วตอนนี้ทำรายการในลิสท์ไปได้กี่อย่างแล้วครับ?” ผมถามเรื่องรายการในลิสท์ของเธอ
 
“ตอนนี้เหลืออีกแค่สิบกว่าอย่างเองค่ะ ถ้าเที่ยวเดือนนี้ได้ครบตามที่ตั้งใจก็น่าจะเกือบครบแล้ว” แคททำหน้าดีใจ ซึ่งเธอไม่เคยให้ผมดูรายการในลิสท์ของเธอเลยว่ามีอะไรบ้าง
 
“ถ้าครบหนึ่งร้อยข้อเมื่อไหร่ แคทจะให้คุณธีย์ดูลิสท์ของแคทเป็นคนแรกเลยนะคะ” แคทพูดต่อและยิ้มเช่นเคย
 
คืนนั้นเรานั่งคุยและดูดาวด้วยกันจนดึก
 
น่าแปลกใจที่ว่า แม้จะเดินทางยากลำบากและเหนื่อยแค่ไหน แถมอาหารก็ธรรมดา ไม่ได้อร่อยมาก
 
แต่พอได้อยู่กับเธอ ผมก็หายเหนื่อยและมีความสุข
 
แต่ในขณะเดียวกัน แวบหนึ่งในความคิด ผมก็แอบคิดถึงขมิ้น แฟนเก่าที่เคยไปนอนกางเต้นท์ด้วยกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ผมใช้กระป๋องนมเจาะรูร้อยเชือก แล้วทำเป็นโทรศัพท์คุยข้ามเต้นท์กันจนเช้า
 
แม้จะเลิกรากันไป แต่ก็ลบความทรงจำออกไม่ได้จริงๆ
 
........................
 
วันที่สามในการเดินทาง พวกเราก็มาถึงยอดเขาโกโมจูและได้พบกับหินเรือใบอันโด่งดัง
 
“แค่นี้อ่ะนะ!” ผมอุทานขึ้นด้วยความผิดหวัง เมื่อเห็นรูปร่างของหินอันโด่งดังตรงหน้า
 
มันเป็นหินแนวตั้ง ค่อนข้างแบนเหมือนใบเรือที่มีสูงประมาณเกือบสองเมตรกว่าและไม่ได้ใหญ่มากมาย  แต่ผู้คนก็แย่งกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกราวกับเป็นของล้ำค่า
 
“บางทีจุดหมายก็ไม่สำคัญ เท่าระหว่างทางนะคะ” แคทพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมทำท่าทางผิดหวัง เมื่อเห็นหินชื่อดังก้อนนี้
 
“นั่นสิครับ อย่างน้อยบนยอดเขานี้ก็วิวสวยมาก” ผมตอบเธอพลางมองดูทิวทัศน์รอบ ๆ ที่ให้ความรู้สึกที่อิสระและภาคภูมิใจที่ได้มาถึง หลังจากลำบากกันมาหลายวัน
 
ก็อาจจะจริงตามที่แคทพูด แม้ว่าจุดหมายของเราจะไม่สวยงามอย่างที่คิด แต่ระหว่างทางที่เดินมามันทำให้ผมรู้สึกเป็นวันพิเศษอยู่ทุกวัน
 
คงเหมือนกับที่มีคนเคยบอกว่า
 
จงเอาดวงจันทร์เป็นเป้าหมาย แต่อย่าคาดหวังความสวยงามของมัน
 
เพราะเมื่อคุณถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้จริง ๆ
 
มันอาจไม่สวยงามหรือมีค่า เท่ากับประสบการณ์ระหว่างทางที่เต็มไปด้วยดวงดาว
 
ความรักของผมกับแคทก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
 
เมื่อถึงจุดหมายสุดท้าย
 
บทสรุปของเราอาจไม่มีค่า...มากกว่า..
 
ความทรงจำที่เราสร้างด้วยกัน..ก็เป็นได้
 
.....................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 46 รักหรือลาจาก