ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 3 สิ่งที่รวดเร็วกว่าการกระพริบตา
สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วที่สุดในกลไกร่างกายของมนุษย์ ก็คือ การกระพริบตา 
 
มนุษย์ใช้เวลาเพียง 100-150 มิลลิวินาที หมายความว่า ภายใน 1 วินาทีคนเราสามารถกระพริบตาได้ถึง 5 ครั้ง
 
แต่หลังจากที่ฉันยึดอาชีพเป็นหมอดู ก็ค้นพบว่ากลไกของมนุษย์มันมีสิ่งที่เร็วกว่าเรื่องนี้
 
นั่นก็คือเรื่องของ “จิตใจ” ที่เปลี่ยนได้เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
 
...........................
 
“แม่หมอคะ หนูเปลี่ยนใจไม่แต่งงานแล้วค่ะ!” ลูกค้าสาวคนหนึ่งพูดขึ้น หลังจากที่ได้ดูดวงกับฉันทางออนไลน์
 
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เธอยืนยันและอยากแต่งงานมาโดยตลอด
 
ซึ่งฉันก็ไม่แปลกใจ เพราะเธอไม่ใช่คนแรกที่เป็นแบบนี้
 
จิตใจและความรู้สึกของผู้คนเป็นสิ่งที่ซับซ้อน แม้เราจะเชื่อมั่นในตัวเองหรือข้อมูล แต่ในท้ายที่สุด เราก็อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจได้ เร็วกว่าการกระพริบตา
 
โดยเฉพาะเรื่องของความรัก....ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลเสมอไป
 
บ่อยครั้ง...เราจึงสามารถหลงรักหรือเลิกราได้ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
 
เหมือนอย่างโรคที่ฉันเป็น แต่ในเคสของฉันมันเลวร้ายไปหน่อย จนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
 
เฮ้อ! ไม่สวยแล้วยังอยู่ยากอีก!
 
............................
 
“อาการของคุณยังไม่ดีขึ้นนะคะ เดี่ยวหมอจะให้ยาเพื่อปรับฮอร์โมนใหม่ เพื่อให้มันลดลง” จิตแพทย์ของฉันพูดขึ้นหลังจากตรวจอาการ
 
“หมอขวัญ” เป็นจิตแพทย์ประจำตัวของฉัน เราพบกันตั้งแต่ฉันเริ่มป่วยเป็นโรคนี้ หลังจากที่รับการตรวจร่างกายจากหมอท่านอื่นซึ่งวินิจฉัยว่า อาการของฉันน่าจะเป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวช
 
“อีกสองเดือนหมอจะแต่งงานแล้วนะ นี่การ์ดของคุณทับทิม หายให้ทันนะ เดี๋ยวหมอแนะนำเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อ ๆ ให้”  หมอขวัญยื่นซองสีชมพูให้ เนื่องจากรักษากันมานานหลายปี จึงทำให้เราสองคนสนิทกันมาก
 
แถมหมอขวัญ ก็ยังเป็นหนึ่งในลูกค้าของฉันด้วย
 
“หมอวิทขอคุณหมอแต่งงานแล้วเหรอ?” ฉันดีใจแทนหมอขวัญ ที่เห็นผู้ชายที่เธอแอบชอบมาขอเธอแต่งงาน
 
“ใช่แล้ว! ต้องขอบคุณคุณทับทิมมากนะที่ดูดวงให้ตอนนั้น แล้วแนะนำเรื่องอื่นๆ จนวันนี้หมอก็ได้แต่งงาน” หมอขวัญหน้าแดงเมื่อพูดถึงเจ้าบ่าวในอนาคตของเธอ
 
หมอวิทเป็นหมอหนุ่มหน้าตาดี ทั้งคู่ทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งหมอขวัญตกหลุมรักทันทีที่ได้เจอหน้ากัน
 
“ยินดีด้วยนะคะ ถ้าหายทันหนูจะไปร่วมงานด้วยนะคะ ไม่งั้นเห็นเจ้าบ่าวคนแรกแล้วตกหลุมรัก คุณหมออาจไม่ได้แต่งงานก็ได้นะ” ฉันพูดแซวเล่น แม้ในใจจะรู้ว่าโรคของฉันคงไม่ได้หายง่ายขนาดนั้น
 
“งั้นหมอจะให้เพื่อเจ้าบ่าวไปรับที่บ้านเลย จะได้ตัดกำลังคู่แข่ง” หมอขวัญตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
 
“อ้อ! หมอมีลูกค้าใหม่มาให้เพียบเลยนะ ทั้งหมอและพยาบาลที่นี่ รวมถึงเพื่อนสมัยเรียน พอรู้ว่าดูดวงกับคุณทับทิมแล้วได้แต่งงาน ทุกคนก็อยากใช้บริการกันทั้งนั้น เดี๋ยวหมอส่งเบอร์ให้นะคะ”
           
แหม! หมอขวัญนี่น่ารักจริง ๆ มีการหาลูกค้ามาให้ด้วย
 
ผู้หญิงกับเรื่องความรักนี่ เป็นของคู่กันกับอาชีพหมอดูจริงๆ
 
......................
 
“แกกำลังคิดอะไรอยู่?” ยัยเมย์ถามขึ้น ขณะที่กำลังขับรถไปส่งฉันที่บ้าน ทุกครั้งที่มาโรงพยาบาล ยัยเมย์จะเป็นคนมารับที่บ้าน โดยให้ฉันหลับตาหรือมองแต่โทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้เห็นหน้าผู้ชาย
 
“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดเรื่อยเปื่อย” ฉันตอบยัยเมย์ ขณะที่สายตามองในการ์ดแต่งงานของหมอขวัญ
 
“เดี๋ยวแกก็หาย เชื่อฉันสิ! อย่างน้อยตอนนี้แกก็เริ่มมีชื่อเสียงและมีลูกค้าตั้งเยอะ เก็บเงินไว้เยอะๆ แล้วค่อยบินไปรักษาที่ต่างประเทศก็ได้” ยัยเมย์แนะนำ
 
“แต่ฉันก็อยากมีแฟนเหมือนคนอื่น ๆ บ้าง ฉันช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นจนสมหวังมาตลอด แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองกลับทำไม่ได้ แกจะให้ฉันรู้สึกยังไง!” ฉันพูดด้วยความน้อยใจ
 
แม้ฉันจะมีความสามารถเรื่องการดูดวง แต่ศาสตร์ “ดาราพยากรณ์” นี้ไม่สามารถดูตัวเองหรือคนในตระกูลได้
 
“มีแฟนก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน แกดูฉันสิมีแต่ละคน ก็แย่ ๆ ทั้งนั้น! รักษาตัวหายเมื่อไหร่ แล้วค่อยคิดก็ได้ ” ยัยเมย์ปลอบฉัน
 
“อ้อ! น้องหมาที่แกอยากได้ ฉันสั่งร้านของเพื่อนให้เรียบร้อยแล้วนะ เดี๋ยวเราไปรับกันเลย ร้านอยู่ข้างหน้านี่เอง” ยัยเมย์พูดถึงน้องหมาที่ฉันอยากได้มาเป็นเพื่อนและคอยพาเดินไปข้างนอก
 
ไม่นานเราก็ถึงร้านขายสัตว์เลี้ยง
 
ยัยเมย์ให้ฉันนั่งรออยู่ในรถ ไม่นานก็กลับมาพร้อมอุ้มน้องหมาพันธ์ “บีเกิล” ตัวเล็กน่ารักมาหนึ่งตัว
 
“เฮ้ย! น่ารัก” ฉันรับน้องหมามาอุ้ม มันดูฉลาดและดูไม่ตื่นคน ทำให้ฉันหายเครียดเรื่องหาแฟนไปได้
 
“แกจะตั้งชื่อมันว่าอะไร?” ยัยเมย์ถามฉัน
 
“เดี๋ยวฉันลองถามดวงดาวก่อน!” ฉันหลับตาแล้วพยายามติดต่อกับดวงดาวของเจ้าหมาตัวนี้ โดยดูเลขวันเดือนปีเกิดของมัน จากปลอกคอร้าน การตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงให้ถูกโฉลกก็เป็นการเสริมดวงให้กับเจ้าของเหมือนกัน
 
ไม่นานฉันก็ลืมตา แล้วบอกยัยเมย์ว่า
 
“แก! ดวงดาวบอกชื่อมาแล้วแต่ฉันไม่กล้าใช้ว่ะ” ฉันบอกยัยเมย์
 
“ชื่ออะไรแกก็ใช้ไปเถอะ แค่ชื่อหมาเองไม่ต้องคิดมาก”
 
“แต่ถ้าชั้นใช้เรียกชื่อมัน เกรงว่าจะซวยเอาน่ะสิ”
 
“ชื่ออะไรวะ ถึงกับทำให้ซวยได้”
 
“ก็ชื่อลุงคนนั้น! ที่หงุดหงิดตลอดเวลาแล้วชอบทุ่มโพเดี้ยมไง”
 
“เชรี้ยยย! ดวงดาวมันแกล้งป่าววะ อยู่ ๆ ก็หางานมาให้ ครั้งนี้แกไม่ต้องเชื่อก็ได้นะ”
 
“นั่นสิ! ขอไม่เชื่อดวงดาวสักครั้งละกันเนอะ” ในที่สุดฉันก็ตั้งชื่อให้น้องหมาใหม่ โดยไม่เชื่อดวงดาว
 
ก็บ้านฉันอยู่หน้าค่ายทหาร ถ้าเผลอเรียกชื่อนี้ตอนอยู่ข้างนอก พวกคุณก็คงไม่ได้อ่านเรื่องราวของฉันแล้วล่ะ
 
บางอย่างก็เชื่อเรื่องดูดวงทั้งหมด...ไม่ได้จริง ๆ
 
......................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 4 เชื่อหัวใจหรือเชื่อสมอง