ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 9 หัวใจก็มีเวลาของมัน
“เฮ้อ! ฉันจะเอาอะไรไปสู้กับยัยนั่นได้นะ” ฉันบ่นทางโทรศัพท์กับยัยเมย์
 
“มันก็พูดยากนะ บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะชอบของแปลกก็ได้” ยัยเมย์แซวกลับ
 
นี่คือเหตุการณ์หลังจากที่ฉัน Live สดแล้วได้พบกับเด็กสาวรุ่นเดียวกัน ที่มาดูดวงเรื่องความรัก แต่โลกกลมเพราะผู้ชายคนนั้น ก็คือผู้ชายคนที่ฉันกำลังตามหา!
 
.........................
 
“เหมือนฝัน” คือชื่อของผู้หญิงคนนี้
 
เธอทั้งเรียนดี หน้าตาสวย หุ่นเหมือนนางแบบ แถมที่บ้านยังเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่โต แต่กลับมาชอบรุ่นพี่ปีสี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ที่ชื่อว่า “ภูผา”
 
ภูผาเป็นนักกีฬาฟุตบอลของมหาวิทยาลัย เป็นหนุ่มหล่อสุดฮ๊อตคนหนึ่ง มีนิสัยเงียบ ๆ ไม่เข้าสังคม และภูผานี่แหละคนชายหนุ่มที่ฉันกำลังตามหาอยู่
 
เหมือนฝันประทับใจภูผา มาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ทั้งสองเรียนคณะเดียวกัน แม้จะเป็นฝ่ายเข้าไปคุยแต่ภูผาก็ดูไม่สนใจ
 
เรื่องราวของเหมือนฝันและภูผาถูกถ่ายทอดมาตอนที่ดวงดาวของเหมือนฝัน ใช้ร่างของฉันเป็นสื่อกลางในการพูดคุย แย่ไปกว่านั้นก็คือ ดวงดาวของเธอบอกวิธีการที่จะชนะใจภูผาให้เธอรู้อีกด้วย
 
“ผู้ชายคนนี้เป็นคนดี แม้ฐานะไม่ร่ำรวย แต่ก็สร้างฐานะได้ในอนาคต สิ่งที่เจ้าต้องเปลี่ยนก็คือนิสัยเอาแต่ใจของเจ้า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เจ้าต้องการทุกอย่าง หากเจ้าอยากสมหวังในรักครั้งนี้ เจ้าเองก็ต้องซื่อสัตย์และหมั่นดูแลคนรอบข้างของผู้ชายคนนี้ให้ดี จึงจะสมหวัง” ดวงดาวแนะนำเหมือนฝัน
 
ส่วนฉันที่รับรู้เรื่องราวทุกอย่าง ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงตัวประกอบในนิยาย ที่มาคั่นแทรกพระเอกกับนางเอก ที่กำลังจะรักกัน
 
ด้วยความเหมาะสมในรูปร่างหน้าตาของทั้งคู่ ทำให้ฉันที่รับรู้เหตุการณ์ ยังแอบเอาใจช่วยไม่ได้ เหมือนกำลังดูซีรีย์เกาหลี
 
แค่ความรู้สึกนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ความรักที่เลื่อนลอยของฉัน ดูไร้ค่าในทันที
 
.............................
 
“อย่างน้อยแกก็ควรดีใจนะ ว่าชายหนุ่มที่แกชอบเป็นหนุ่มหล่อจริง ๆ ที่แกไม่ได้มโนไปเอง” ยัยเมย์แซวฉันอีกครั้ง
 
“แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ธรรมดาฉันก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว นี่ดวงดาวประจำตัวยังเป็นแม่สื่อแม่ชักให้อีก ครั้งนี้ฉันคงต้องทนแอบหลงรักอย่างนี้ต่อไป จนกว่าจะหาย” ฉันพูดด้วยความถอดใจ ไปยังปลายสาย
 
“ทับทิม! แกเคยบอกฉันไม่ใช่หรือว่าแม้ดวงดาวคอยช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะสมหวังเสมอไป เพราะดวงดาวของอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้เห็นด้วย ถ้าดวงดาวของนายภูผานั่นไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ แกก็ยังมีหวังนะ” ยัยเมย์ให้กำลังใจฉัน
 
“ก็จริง ตอนนี้ฉันเริ่มสับสนตัวเอง เดี๋ยวขอคิดก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อ ขอบคุณนะเมย์ แกเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของฉันเลย” ฉันวางสาย แล้วนั่งคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียว
 
           
เราทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีความรักที่ดีกันทั้งนั้น
 
หนังและละครส่วนใหญ่ ตัวเอกมักจะหน้าตาดีและเหมาะสมกัน ส่วนคนที่หน้าตาธรรมดาก็มักจะเป็นแค่ตัวประกอบ
 
สอดคล้องกับพื้นฐานในชีวิตจริงของมนุษย์ ที่ธรรมชาติสร้างให้เราชอบคนหล่อและสวย เพราะในการขยายเผ่าพันธุ์ คนหล่อและสวยมักจะถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดี จิตใต้สำนึกของเราจึงอยากได้มาเป็นคู่ชีวิต
 
แต่ไม่ใช่ฉัน!
 
ฉันเพียงแค่อยากมีความรักธรรมดาเหมือนคนอื่น ที่ไม่ใช่เห็นใครคนแรกในตอนเช้าแล้วตกหลุมรักทันที นายภูผาคนนี้ก็แค่พิเศษกว่าคนอื่น ตรงที่ฉันเห็นเขาแล้ว ไม่ได้ลืมเหมือนคนอื่น ก็แค่นั้นเอง
 
ทุกเช้าที่ฉันตื่นมา ฉันพยายามภาวนาว่าอย่าให้ลืมผู้ชายคนนี้ เพราะฉันอยากมีความรู้สึกแบบนี้ต่อไป แม้จะดูเลื่อยลอยและเจ็บปวดในการคิดถึง แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีคุณค่าในตัวเอง
 
ตอนนี้ฉันจึงได้แต่คิดวนเวียนว่าจะทำอย่างไรกับหัวใจของตัวเอง!
 
ถ้าฉันติดต่อดวงดาวของตัวเองได้ก็คงจะดี มันคงมีทางออกทางอื่นแน่ ๆ
 
ทันใดนั้น! ฉันก็นึกขึ้นได้ถึงบางอย่าง
 
นั่นก็คือ...
 
"พิธีต้องห้ามในการติดต่อดวงดาวของตัวเอง!"
 
พิธีนี้ถูกบรรพบุรุษสั่งห้าม ไม่ให้คนในตระกูลใช้ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริง ๆ เพราะนอกจากจะไม่รับรองผลแล้วยังต้องแลกด้วยอายุขัยของตัวเอง
 
“แต่อยู่อย่างนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น ถ้ามีอายุยืนยาวแล้วกำหนดชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้ ฉันขอลือกทางนี้ดีกว่า” ฉันตัดสินใจแล้ว!
 
ฉันเข้าไปในห้องของแม่ แล้วเปิดตู้เอกสารสำคัญของบ้าน ไม่นานฉันก็เห็นสมุดใบลานเล่มหนึ่งที่เก่าแก่โบราณ ในนั้นมีลายมือเขียนถึงพิธีต้องห้ามนี้
 
“เจอแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ายังอยู่ที่เดิม” ฉันทำท่าดีใจเมื่อเห็นสมุดเล่มนี้อีกครั้ง พลางนึกไปถึงสมัยเด็กที่พ่อเคยนำมันออกมาให้ดูแล้วกำชับอย่างจริงจัง
 
“ทับทิม! จำไว้นะลูก ศาสตร์ดาราพยากรณ์แม้จะให้คนในตระกูลของเราทำนายได้อย่างแม่นยำ แต่ก็ไม่ให้คนในตระกูลล่วงรู้อนาคตของตัวเอง แต่เมื่อถึงคราวคับขัน พวกเราก็ยังสามารถใช้พิธีต้องห้ามนี้ได้ เพียงแต่ต้องแลกด้วยอายุขัย ที่ไม่มีใครบอกได้ว่ากี่ปีและผลที่ได้จะคุ้มค่าหรือไม่ พ่อหวังว่าหนูจะจดจำและเลือกที่จะไม่ใช้มัน” พ่อของฉันย้ำนักหนา แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เราจากกัน
 
แต่ตอนนี้ฉันเลือกที่จะเสี่ยง เพราะฉันอยากหายจากโรคนี้เสียที
 
ฉันเปิดตำราและเริ่มทำตามพิธีอย่างรวfเร็ว ในนั้นมีบทสวดและของทำพิธีไม่มาก แม้จะยุ่งยากในการวาดอักขระอยู่บ้าง แต่เนื่องจากฉันก็เรียนกับพ่อมาตั้งแต่เด็กจึงสามารถทำได้
 
แต่หัวใจสำคัญของพิธีนี้ก็คือต้องสวดอักขระเหล่านี้นานเกือบครึ่งวัน โดยไม่หยุดพัก
 
เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเต็มใบหน้าของฉัน พร้อมกับเรี่ยวแรงที่ค่อย ๆ หายไป
 
นี่ถือเป็นการสวดมนต์ที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของฉันเลยทีเดียว!
 
และแล้ว!...เมื่อฉันทำพิธีถึงช่วงสำคัญ แสงสว่างจากอักขระบนพื้นก็สว่างขึ้น และพาให้จิตของฉันล่องลอยไปสู่มิติแห่งดวงดาวทันที
 
“เจ้าเป็นคนเรียกข้าอย่างนั้นหรือ?” เสียงผู้หญิงที่นุ่มนวลชวนฟัง ดังลอยออกมาจากบริเวณโดยรอบ ไม่นานก็ปรากฏร่างโปร่งแสงของผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่งดงามราวภาพวาด
 
ดวงดาวประจำตัวของฉันนั่นเอง!
 
ฉันผ่านการพบเจอกับดวงดาวของคนอื่นมามากมาย แต่บอกได้เลยว่าไม่มีดวงดาวไหนที่สวยเท่ากับของฉัน
 
“สาวน้อยเจ้ารู้ข้อห้ามดีว่า หากตระกูลของเจ้าต้องการจะพูดคุยกับดวงดาวของตัวเองตัวจ่ายค่าตอบแทนที่แสนแพง ครั้งนี้ค่าใช้จ่ายของเจ้าคืออายุขัยจำนวนห้าปี ซึ่งข้าไม่สามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับโรคร้ายของเจ้าได้ เพราะมันเป็นข้อตกลงของผู้ที่ใช้ศาสตร์ดาราพยากรณ์”
 
ฉันทำหน้าเศร้าทันที เมื่อรู้ว่าสูญเสียอายุขัยไปห้าปี แต่ไม่มีคำตอบเรื่องโรคที่ต้องการ
 
พิธีนี้อาจจะไม่คุ้มค่าจริง ๆ!
 
“อย่างไรก็ดี! ในฐานะที่ข้าเป็นดวงดาวประจำตัวเจ้า ข้าสามารถช่วยบอกเจ้าได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ...”
 
“เจ้าจะหลงรักชายหนุ่มคนนี้อีกสามเดือน หลังจากนั้นเจ้าก็จะกลับสู่ปกติ"
 
"และเริ่มหลงรักผู้ชายคนใหม่ที่เจ้าได้มองเห็นเป็นคนแรก....”
 
..............................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 10 ชีวิตนี้...ฉันขอลิขิตเอง