ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 10 ชีวิตนี้...ฉันขอลิขิตเอง
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ในช่วงหัวค่ำ
 
ชายหนุ่มสูงโปร่งคนหนึ่ง กำลังจอดรถมอเตอร์ไซค์ ที่ด้านหลังของเบาะมีกล่องใส่พัสดุของแอพเดลิเวอรี่เจ้าดังติดอยู่ เมื่อถอดหมวกกันน็อคออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อสไตล์เกาหลี คิ้วเข้ม จมูกโด่งได้รูป ผิวขาวละเอียด
 
เขาคนนี้ก็คือ “นายภูผา” ที่ฉันกำลังตามหานั่นเอง
 
ฉันกับเจ้าข้าวตูแอบมองอยู่ตรงลานจอดรถของคอนโดแห่งนี้อยู่นาน หลังจากเมื่อวานฉันได้พูดคุยกับดวงดาวของตัวเอง
           
เมื่อเห็นเขาอีกครั้ง ใจของฉันก็เต้นแรงราวกับรัวกลองและเหมือนมีคำสั่งในหัว ให้วิ่งออกไปคุยกับเขา จนฉันต้องหายใจลึก ๆ หลายครั้งเพื่อตั้งสติ
 
พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เพิ่งผ่านมา
 
...................
 
หลังจากที่ดวงดาวของฉันได้บอกว่าอาการที่ฉันตกหลุมรักผู้ชายคนนี้จะอยู่ได้เพียงสามเดือน ก่อนจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ ฉันก็ใจหายและถามกลับไปว่า
 
“แล้วหากเริ่มต้นใหม่ หนูจะรักคนที่เห็น นานแบบนี้อีกหรือปล่าวคะ?”
 
“เรื่องนี้ข้าตอบเจ้าไม่ได้ แต่บอกได้เพียงว่า ระยะเวลาในการหลงรักของเจ้าจะไม่เท่ากันทุกคน ส่วนจะเพราะอะไรนั้น เจ้าต้องหาคำตอบเอง” ร่างโปร่งแสงของดวงดาวตอบกลับมา
 
“เด็กน้อย ข้าคุยกับเจ้าได้แค่นี้ เพราะไม่อย่างนั้นอายุขัยของเจ้าจะหายไปมากกว่าห้าปี อย่าใช้พิธีต้องห้ามนี้อีก เพราะครั้งหน้าอายุขัยที่ต้องใช้มันจะมากกว่านี้ขึ้นไปเรื่อย ๆ”
 
“บางทีการไม่รู้อนาคต อาจจะดีสำหรับมนุษย์อย่างพวกเจ้า ขอให้เจ้าโชคดี” ร่างโปร่งแสงของดวงดาวพูดลาพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจฉัน
 
ทันใดนั้น! ดวงจิตของฉันก็ย้ายกลับมาในร่างเดิม
 
“นี่ฉันทำอะไรลงไปนี่ เสียอายุขัยไปห้าปีกับข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์” ฉันตัดพ้อตัวเอง ที่ด่วนตัดสินใจ ขณะที่เจ้าข้าวตูเดินเข้ามาคลอเคลียด้วยความเป็นห่วง
 
“ไม่เป็นไรข้าวตู แม่ยังสบายดี” ฉันบอกข้าวตูแล้วกอดมันเบา ๆ
 
หรือชีวิตนี้....ฉันคงต้องอยู่กับเจ้าข้าวตูแบบนี้ตลอดไป!
 
..............................
 
“แกจะบ้าเหรอทับทิม!” เสียงยัยเมย์ดังขึ้นหลังจากคุยกับฉันไม่นาน
 
“ใช่! ฉันตัดสินใจแล้ว” ฉันตอบกลับยัยเมย์เพื่อนรัก
 
และสิ่งที่ฉันตัดสินใจ ก็คือเหตุผลที่ฉันมาอยู่ที่นี่ในวันนี้
 
...............................
 
“สวัสดี เราชื่อทับทิม นายจำเราได้ไหม?” ฉันเดินเข้าไปทักนายภูผาพร้อมจูงเจ้าข้าวตูไปด้วย หลังจากรวบรวมความกล้าอยู่นาน
 
“เราเคยเจอกันมาก่อนด้วยหรือครับ?” นายภูผาทำหน้าตางง ๆ เหมือนจำฉันไม่ได้
 
“เราเคยเจอกันที่ร้านขายของชำของอาม่าแถวค่ายทหารไง ที่วันนั้นนายไปซื้อของแล้วตะโกนเรียกอาม่าอยู่นาน จำได้หรือยัง” ฉันทบทวนเรื่องในอดีตให้
 
นายภูผาทำท่านึกอยู่นาน ก่อนจะมองไปที่เจ้าข้าวตูแล้วก็ทำท่านึกออก
 
“อ๋อ! จำได้แล้ว เธอนั่นเอง ที่ให้หมาเดินนำทางมา ตอนแรกเรานึกว่าเธอตาบอดเสียอีก” นายภูผาจำเรื่องราววันนั้นได้แล้ว
 
อีตาบ้า! จำหมาได้แต่จำคนไม่ได้ นี่หน้าตาฉันมันไม่มีอะไรให้น่าจำเลยใช่ไหมนี่!
 
“แล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ร้านอาม่าอยู่ไกลจากที่นี่มากเหมือนกันนะ” นายภูผาถามฉัน สงสัยจะจำไม่ได้ ว่าวันนั้นฉันอ่อยไปเยอะ
 
“เรามีธุระจะคุยกับนายน่ะ นายพอมีเวลาว่างสักสิบนาทีไหม?” ฉันพูดเข้าประเด็น
 
“มีธุระ! กับเราเนี่ยนะ?” นายภูผาทำสีหน้างง ก่อนจะมองที่ฉันและเจ้าข้าวตู เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพ เขาก็ตอบตกลง
 
“ได้สิ! เธอมีธุระเรื่องอะไรจะคุยหรือ?” นายภูผาถามกลับ
 
“ยืนคุยตรงนี้มันเมื่อย แถมยุงก็กัดด้วย เราไปนั่งคุยตรงนั้นดีกว่า” ฉันชี้ไปที่ม้าหินใต้ต้นไม้ใกล้คอนโด ส่วนนายภูผาเมื่อมองเห็นม้าหินก็พยักหน้าแล้วเดินนำไป
 
“เอาล่ะ! ไหนเล่าธุระของเธอให้ฟังหน่อย” นายภูผาถามฉันและเล่นกับเจ้าข้าวตูไปด้วย
 
ดูท่าทางนายคนนี้จะชอบน้องหมานะนี่ ข้าวตูเอ๊ย! กลับไปเดี๋ยวแม่ให้รางวัลนะลูก
 
ฉันมองหน้านายภูผา แล้วรวบรวมความกล้าอีกครั้งในการพูด
 
“ก่อนอื่นขอแนะนำตัวอีกครั้ง เราชื่อทับทิม ตอนนี้เป็นหมอดูออนไลน์ ที่ใช้ชื่อว่า “แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยาม” นายเคยรู้จักไหม?”  ฉันเริ่มจากแนะนำตัวก่อน
 
“เดี๋ยวนะ! แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยาม เรารู้จักดีเลยล่ะ เพื่อน ๆ ที่คณะพูดถึงกันมาก แต่ที่เคยเห็นมัน......” นายภูผาทำหน้าตาสงสัย
 
“นั่นมันใช้แอพช่วย ดูนี่นะ!” ฉันกดมือถือถ่าย VDO ผ่านแอพให้นายภูผาดู เพื่อยืนยันในสิ่งที่พูดว่าฉันไม่ได้โกหก
 
”โห! อย่างนี้ตัวจริงพวกเน็ทไอดอลทั่วไป ก็อาจไม่สวยอย่างที่เห็นน่ะสิ” นายภูผาตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพในโทรศัพท์
 
“ก็แล้วแต่คน บางคนก็ใช้แต่งบ้างเล็กน้อยอาจจะไม่ถึงขนาดนี้ นายช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะ” ฉันเก็บโทรศัพท์และย้ำเรื่องนี้
 
“แล้วแม่หมอทับทิมสยาม มีธุระอะไรกับผมครับ” นายภูผาทำหน้ากวนแล้วถามฉัน
 
แต่ตอนนี้ฉันกลับหน้าแดงก่ำ อีตาบ้านี่ เวลาทำหน้ากวน ๆ แล้วหล่อชะมัด!
 
โชคดีที่เจ้าข้าวตูเอาขาหน้ามาสะกิด ทำให้ฉันได้สติแล้วคุยธุระต่อ
 
“อะแฮ่ม! เราอยากเล่าเรื่องของเราให้นายฟังก่อน แล้วค่อยคุยธุระตอนท้าย” ฉันเล่าเรื่องชีวิตของฉันให้นายภูผาฟัง ตั้งแต่เรื่องโรคประหลาด ครอบครัว และอาการของโรคที่เปลี่ยนไปเมื่อพบกันครั้งที่แล้ว
 
รวมถึงเรื่องที่ฉันทำพิธีเพื่อติดต่อกับดวงดาวของตัวเอง!
 
นายภูผาฟังเรื่องราวของฉันแล้วก็อึ้งในความแปลกประหลาด แต่เมื่อฉันเอาใบรับรองจากหมอขวัญให้ดู นายภูผาก็เชื่อและนิ่งไปสักพัก
 
“เรื่องของเธอน่าสงสารนะ แถมโรคที่เป็นก็แปลกประหลาด แล้วธุระของเธอคืออะไรล่ะ?” นายภูผาเข้าเรื่องสำคัญ
 
ฉันนั่งนิ่ง ก่อนรวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วพูดเข้าใจความสำคัญของการพบกันในครั้งนี้ออกไป
 
“ฉันอยากให้นายมาเป็นแฟนของฉัน!”
 
“หา!..”
 
..........................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 11 คุณค่าของความรัก...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา