ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 14 พวกเรา..ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ
โครม!
“พวกคุณทำงานกันยังไง! นี่มันเกือบสองปีแล้วนะ” เสียงแฟ้มเอกสารกระแทกบนโต๊ะอย่างแรง พร้อมเสียงตะโกนด้วยความโมโห จากชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุม ในเครื่องแบบนายตำรวจยศใหญ่
 
ส่วนผู้ที่นั่งอยู่ราวสิบคนบนโต๊ะนั้น ต่างก็ก้มหน้าก้มตาและทำหน้าหงอ ทุกคนแต่งกายในชุดตำรวจเช่นกันแต่มียศที่น้อยกว่า  จนกระทั่งนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งก็ลุกขึ้นเพื่ออธิบาย
 
“ผู้การครับ! จากการวิเคราะห์ของทีมเรา คนร้ายรายนี้ฉลาดมาก ดูแล้วน่าจะเคยเป็นตำรวจหรือทำงานเกี่ยวกับด้านคดีความมาก่อน จึงสามารถหลบหนีโดยไม่เคยทิ้งหลักฐานไว้ในที่เกิดเหตุ ทำให้พวกเรายังไม่สามารถหาเบาะแสเพิ่มเติมได้ครับ” ผู้กององอาจรายงานผลการสืบคดี
 
“พวกคุณ! คือมือดีที่สุดของหน่วยสืบสวน คดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้เป็นที่จับตาของประชาชนมาก เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ผ่านมาเกือบสองปี ฆาตกรก็ยังลอยนวลและก่อคดีทุกเดือนอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย ผมโดนผู้ใหญ่ถามเรื่องนี้ทุกวันถึงความคืบหน้า แล้วผมจะตอบผู้ใหญ่ว่าอย่างไร?” ผู้การชูชาติพูดอย่างอารมณ์เสีย เพราะถูกกดดันจากเบื้องบน
 
ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมต่างนิ่งเงียบไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมา ส่วนผู้กององอาจก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง พลางนึกถึงวันแรกที่คดีนี้เริ่มต้นขึ้น
 
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว คนร้ายเลือกเป้าหมายเป็นผู้หญิงและเด็ก ทุกครั้งที่ก่อเหตุจะมีจุดที่เหมือนกัน ก็คือ เหตุการณ์มักจะเกิดในวันที่ 6 หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเลข 6 อยู่เสมอ
 
ตั้งแต่วันเกิดเหตุ อายุของผู้ตาย บ้านเลขที่ เลขทะเบียนรถ ฯลฯ
 
ด้วยเหตุนี้สื่อมวลชนจึงตั้งชื่อฆาตรว่า “ฆาตกรหมายเลข 6”
 
“ผมให้เวลาพวกคุณสามเดือน หลังจากนี้หากไม่มีความคืบหน้า พวกคุณเตรียมหางานใหม่ได้เลย!” ผู้การชูชาติพูดขู่ปิดท้ายก่อนเดินออกไปนอกห้องประชุมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
 
เมื่อเขาออกไปแล้ว เหล่านายตำรวจที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและจับกลุ่มคุยกันทันที
 
“งานเข้าซะแล้วพวกเรา! นี่ถ้าครั้งนี้ จับตัวไม่ได้ ไม่ตกงานก็คงโดนย้ายไปอยู่ที่ไกล ๆ แน่นอน” ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
 
“แต่จะว่าไปครั้งนี้ฆาตกรก็เก่งเกิน ยังกับมันอยู่ในหน่วยงานของเรา รู้ล่วงหน้าทุกทีว่าเรากำลังเคลื่อนไหว คงไม่ใช่ว่ามันเป็นหนึ่งในพวกเราแบบในหนังหรอกนะ” ตำรวจวัยกลางคนพูดขึ้น
 
“เอาล่ะ! ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระ ตอนนี้เราต้องมาประชุมวางแผนเร่งด่วนกันแล้วว่าจะใช้วิธีไหนกันดี ไม่งั้นหน่วยงานเราโดนยุบแน่ ๆ” ท่านรองวัลลภ ที่เป็นรองผู้กำกับและเป็นหัวหน้าทีมพูดขึ้น ทำให้ทุกคนทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
 
“เอ่อ!...ท่านรองครับ ผมมีทางออกเสนอครับ แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะเห็นด้วยไหม?” ผู้กององอาจยกมือพูดขึ้น ทำให้ตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังจ้องมองไปที่เขา
 
“ว่ามา!..”
 
.....................................
 
“อะไรดีบุ๋มก็ว่าดี สบู่เบนเนทพิสูจน์แล้วว่าดีจริง ด้วยยอดขายอันดับหนึ่ง 6 ปีซ้อน สบู่เบนเนทดีจริงทุกสูตร!” เสียงโฆษณาสบู่เบนเนทดังขึ้นจากโทรทัศน์ ทำให้ฉันที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หันไปดูด้วยความปลื้มปริ่ม
 
ก็แหม! ก็ต้องขอบคุณสบู่เบนเนทด้วย ที่ทำให้คนหน้าบ้าน ๆ อย่างฉันมีผิวที่ดี พอที่จะอวดข้อดีให้ชาวบ้านเขาได้ชื่นชมบ้าง
 
ตรู๊ดด! ตรู๊ดด!
 
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น ทำให้ฉันต้องละสายตาจากโทรทัศน์แล้วรับสายแทน
 
“สวัสดีค่ะ”
 
“สวัสดีครับ นั่นใช่แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยามหรือเปล่าครับ”
 
“ใช่ค่ะ!”
 
“แม่หมออยู่บ้านเลขที่ xxxxxxxx ใช่ไหมครับ?” ปลายสายพูดที่อยู่บ้านฉันได้อย่างถูกต้อง
 
“เดี๋ยวนะ! ฉันไม่เคยบอกที่อยู่ให้ใครรู้ คุณเป็นใครกันแน่?” ฉันเริ่มเอะใจ เพราะไม่เคยมีใครรู้ที่อยู่ที่บ้านของฉันมาก่อน
 
“ไม่ต้องตกใจนะครับ ผมเป็นตำรวจและตอนนี้อยู่ที่หน้าบ้านของคุณแล้ว รบกวนเปิดประตูให้ด้วยนะครับ” เสียงปลายสายแนะนำตัวด้วยความสุภาพ
 
“ตำรวจ!” แต่สำหรับฉันพอได้ยินคำว่าตำรวจก็ตกใจและเริ่มลนลาน
 
“ตำรวจมาทำไมหรือว่าเราไปทำอะไรผิด! หรือว่าการดูหมอเป็นการหลอกลวง หรือว่า........โอ๊ย! ขี้เกียจคิดแล้ว โว๊ย!” ฉันคิดเรื่องในหัวมากมายว่าตำรวจจะมาทำไม ก่อนบอกปลายสายว่าให้รอสักครู่และรีบแต่งตัวทันที
 
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างน้อยมีเจ้าข้าวตูอยู่ก็น่าจะพออุ่นใจ” ฉันมองเจ้าข้าวตู ที่เหมือนได้ยินฉันพูดในโทรศัพท์แล้วรู้ว่าตำรวจกำลังจะเข้ามา มันรีบคาบห่อข้าวผัดและขวดโอเลี้ยงมาให้ฉันทันที เหมือนรู้ความหมาย
 
อึมม! นี่แกไม่ได้กำลังแช่งฉันใช่ไหมนี่!
 
หลังจากแต่งตัวเสร็จ ฉันก็เช็คกล้องวงจรปิดและโทรบอกยัยเมย์ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันจึงเปิดประตู ให้คุณตำรวจเข้ามา
 
“เชิญค่ะ!” ฉันมองเห็นตำรวจหนุ่มคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบ มีใบหน้าตาคมเข้ม แบบไทยๆ ผิวสองสี รูปร่างสูงโปร่ง แม้ใบหน้าอาจไม่หล่อมาก แต่ก็ดูมีเสน่ห์แบบผู้ชาย
 
แต่น่าเสียดาย..ถึงจะหล่อแค่ไหน แต่ตอนนี้ฉันก็ตกหลุมรักใครไม่ได้อีกแล้ว วุ๊ย! พูดแล้วก็เขินตัวเอง
 
นายตำรวจคนนั้นทักทายฉัน ก่อนถอดหมวกแล้วเดินเข้ามาในบ้านของฉัน
 
“เอ่อ! แม่หมอทับทิมไม่อยู่หรือครับ?” นายตำรวจหันมองไปรอบ ๆ ขณะที่ฉันนำน้ำมาให้ดื่ม
 
“หนูนี่แหละค่ะ! แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยาม ดูนี่นะคะ......” ฉันเริ่มชินกับการที่ใบหน้าไม่ตรงปก ก่อนเปิดแอพแล้วแสดงให้คุณตำรวจดู เพราะคุณไม่ใช่คนแรกที่ไม่เชื่อ  แอพนี้ควรจ่ายค่ารีวิวให้ฉันนะนี่!
 
หลังจากที่คุณตำรวจเชื่อแล้วว่าฉันคือแม่หมอทับทิมตัวจริง เราจึงเริ่มบทสนทนากัน
 
“สวัสดีครับ! ผมร้อยตำรวจเอก องอาจ พิทักษ์ราชธานีมณีศรี อยู่ฝ่ายสืบสวนนะครับ” นายตำรวจหนุ่มแนะนำตัว
 
“อ้อ! สวัสดีค่ะผู้กององอาจ” ฉันสวัสดีคู่สนทนาอีกครั้ง
 
“วันนี้ที่ผมมา...เพราะต้องการคุณทับทิมครับ!” ผู้กององอาจพูดอย่างจริงจัง
 
“หา!..ว่าอะไรนะคะ?” ฉันตกใจพลางเอามือมาปิดตัวเองดดยอัตโนมัติ อีตาผู้กองคนนี้หื่นมาจากไหนนี่
 
“เอ่อ!..ขอโทษครับ ผมคงใช้คำผิดไป คือผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณทับทิมน่ะครับ” ผู้กององอาจอธิบายเพิ่มเติม
 
“แล้วไป..ผู้กองทำหนูตกใจหมดเลย แล้วอยากให้ช่วยเรื่องอะไรคะ?” ฉันเริ่มสงสัยว่าหมอดูอย่างฉันจะไปช่วยอะไรตำรวจได้
 
“ผมอยากให้คุณทับทิมช่วยจับฆาตกรให้หน่อยน่ะครับ!” ผู้กององอาจพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง
 
“หา!.....” ฉันตกใจจนอ้าปากค้าง
 
............................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 15 มหกรรมรวมดาว...หมอดูทั่วไทย