ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 15 มหกรรมรวมดาว...หมอดูทั่วไทย
“ฮัลโล! เธอตื่นหรือยัง?” เสียงปลายสายถามฉัน แน่นอนว่าเป็นนายภูผา ไอ้ต้าวน้อยของฉันที่ต้องโทรมาปลุกทุกเช้า
 
“ตื่นแล้ว วันนี้เรามีธุระข้างนอกน่ะ เลยตื่นตั้งแต่เช้า” ฉันตอบปลายสายขณะที่กำลังแต่งตัว
 
“วันนี้เธอมีนัดลูกค้าดูดวงหรือ?”
 
“ปล่าว! วันนี้ฉันมีภารกิจช่วยชาติน่ะ!”
 
“...................”
 
........................................
 
ณ อาคารแห่งหนึ่งในหน่วยงานสอบสวน
 
“วันนี้เกิดอะไรขึ้นนี่ มีแต่คนแปลก ๆ เต็มไปหมด” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพูดกับเพื่อนร่วมงาน
 
“นั่นสิ! ทั้งเจ้าแม่ ฤาษี หมอผี กุมาร เดินกันเต็มเลย จนหลงนึกว่าอยู่ในงานพิธีที่ไหนสักแห่ง”
 
“จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป! นี่เป็นภารกิจลับของหน่วยสืบสวนเค้า หัวหน้าบอกมาว่าห้ามเอาไปพูดนะ ต้องเก็บเป็นความลับ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ดูอาวุโสสุดพูดเตือนเพื่อนร่วมงาน
 
ภายในห้องกระจกห้องหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นห้องอีกห้องหนึ่งได้แบบที่คนในห้องนั้นไม่รู้ตัว ตอนนี้ท่านรองวัลลภกำลังพูดอยู่กับทีมงาน
 
“ผู้กององอาจ! คุณแน่ใจนะว่าแผนนี้จะใช้ได้ผล?” ท่านรองวัลลภหัวหน้าทีมสืบสวนกำลังถามชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
 
“เราลองมาทุกวิธีแล้ว ก็เหลือแต่วิธีนี้แหละครับท่าน ตอนนี้ก็ได้แต่ลองทดสอบคัดตัวดูก่อน ว่าใครที่จะทำนายแม่นบ้าง เพื่อที่จะเลือกมาช่วยงานครับ” ผู้กององอาจตอบ
 
“ห้ามให้ข่าวเรื่องนี้หลุดเด็ดขาด! ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงพวกเราป่นปี้แน่ ๆ” ท่านรองวัลลภสั่งการเน้นย้ำทันที พร้อมกับเดินส่ายหัวเบาๆออกจากห้อง
 
“ครับท่าน!” ทีมงานในห้องขานรับพร้อมกันพร้อมยืนตรง ก่อนจะหันมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน
 
“รายงานผลครับ! เจ้าแม่ตะเคียน ทำนายผิดกว่าครึ่งหนึ่ง ตกรอบครับ!”
 
“เทพช้างน้อย ทำนายถูกเพียงข้อเดียว ตกรอบครับ!”
 
“หมอมดผู้รอบรู้ ทำนายไม่ถูกเลยสักข้อ ตกรอบครับ!”
 
ทีมงานทดสอบพากันรายงานผล ทำเอาผู้กององอาจและเพื่อนๆ เริ่มใจคอไม่ดี
 
“วิธีนี้มันจะเวิร์คจริงหรือวะ? ถ้าใครรู้ว่าตำรวจต้องพึ่งหมอดูในการจับคนร้าย รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ” เพื่อนของผู้กององอาจพูดขึ้น
 
ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็เริ่มคล้อยตาม แต่ผู้กององอาจยังเชื่อมั่นในวิธีการของตัวเองอยู่
 
...................
 
ย้อนกลับไปในวันที่ประชุมใหญ่
 
“นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไงผู้กอง ถึงได้เสนอวิธีแบบนี้!” ท่านรองวัลลภหัวหน้าทีมสืบสวนพูดอย่างอารมณ์เสีย เมื่อได้ยินวิธีที่ลูกน้องเสนอมา
 
“ผมไม่ได้บ้าครับท่าน แต่ที่อเมริกาเวลาที่สืบสวนบางคดีแล้วเจอทางตัน เจ้าหน้าที่สืบสวนเองก็มักจะใช้วิธีนี้เพื่อช่วยตามหาคนร้ายเช่นกันครับ” ผู้กององอาจตอบ
 
ท่านรองวัลลภและคนอื่น ๆ คิดตาม แล้วก็พบว่าเป็นเรื่องจริง ที่บางคดีในต่างประเทศ กลับพบตัวคนร้ายจากพวกหมอดู
 
“แม้มันจะเป็นวิธีที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็น่าจะลองดู เพียงแต่ผมจะให้คุณดำเนินการคนเดียวนะผู้กอง คนอื่นๆ ต้องใช้แนวทางสืบสวนแบบเดิม และที่สำคัญห้ามข่าวนี้หลุดออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคุณต้องรับผิดชอบคนเดียว” ท่านรองวัลลภย้ำในที่ประชุม ก่อนอนุญาตให้ใช้วิธีนี้
 
นั่นคือที่มาของโปรเจค “ผู้นำทาง” ที่ถือเป็นโปรเจคที่ค้นหาหมอดูและนักทำนายทั่วประเทศเพื่อหาเบาะแสของ “ฆาตกรหมายเลย 6”
 
ในวันนี้เป็นวันแรกในการคัดตัวของ โปรเจค “ผู้นำทาง” หมอดูทั้งหมดที่เชิญมาจะต้องทำนายถูกเกิน 50% ขึ้นไปจึงจะผ่านเข้ารอบ
 
วันนี้มีหมอดูทั้งหมดหนึ่งร้อยคนที่ถูกเชิญมา ผ่านไปเกือบครึ่งวันแล้ว ก็ยังไม่มีหมอดูคนไหนทำนายได้แม่นเกิน 50%
 
“ผู้กองครับ ผู้เข้าทดสอบเกือบทั้งหมด ยังไม่มีใครทำนายถูกตามคะแนนที่ตั้งไว้เลย ผมเกรงว่าโปรเจคนี้ น่าจะ....” ผู้คัดเลือกคนหนึ่ง รายงานขึ้นพร้อมแสดงความเป็นห่วง
 
“ไม่ต้องห่วง ทดสอบให้ครบทุกคน แล้วค่อยมารายงาน” ผู้กององอาจพูดกับทีมงาน พลางมองผ่านกระจกที่มองเห็นทีมงานกำลังทดสอบกับชายกลางคนที่แต่งตัวเหมือนหมอผี ที่ตอนนี้กำลังทำพิธีจุดธูปเรียกวิญญาณ
 
เขาส่ายหน้าเบา ๆ พลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ได้คุยกับ หมอดูสาวคนหนึ่ง
 
...................................
 
“หา!.....ผู้กองว่าอะไรนะคะ! จะให้หนูไปจับฆาตกร นี่ล้อเล่นกันหรือเปล่าคะ?” ฉันตกใจเมื่อได้ยินธุระของนายตำรวจที่นั่งอยู่ตรงข้าม พลางมองดูรอบๆ ว่ามีกล้องแอบถ่ายอยู่หรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้ชอบมีรายการทำคอนเทนส์แอบถ่ายแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
 
“ไม่ได้ล้อเล่นครับผมพูดจริง นี่เป็นเอกสารของโปรเจคนี้ ที่ได้อนุมัติแบบลับสุดยอด คุณทับทิมลองอ่านดูได้ครับ” ผู้กององอาจยื่นเอกสารที่มีตราราชการให้ฉันอ่าน บนเอกสารประทับตราว่า “ลับสุดยอด”
 
หลังจากฉันอ่านเสร็จ ผู้กองก็อธิบายเพิ่มเติมและถามความสมัครใจของฉัน
 
ก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไป ฉันก็เล่าปัญหาของฉันเกี่ยวกับเรื่องโรคประจำตัวให้ผู้กองฟังก่อน
 
“โรคของคุณทับทิมนี่แปลกจริง ๆ เท่ากับว่าหากที่ดวงดาวพูดเป็นความจริง คุณทับทิมจะมีเวลาประมาณสามเดือน ก่อนที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถูกต้องไหมครับ?”
 
“ใช่ค่ะ! ด้วยเหตุนี้หนูถึงเจอผู้คนได้และถึงได้มานั่งคุยกับผู้กอง ปกติหนูแทบไม่เจอกับใครเลย” ฉันอธิบายเพิ่มเติม หวังว่าผู้กองจะเห็นใจและเลิกวุ่นวายกับชีวิตที่แสนสงบของฉัน
 
“เยี่ยมเลยครับ! เพราะพวกผมเองก็มีเวลาเหลือแค่สามเดือนในการสืบคดีเหมือนกัน แถมด้วยการที่ไม่มีใครรู้จักใบหบ้าที่แท้จริงของคุณทับทิม น่าจะทำให้การสืบคดีง่ายขึ้น”
 
“หา!....ไม่ดีมั้งคะ ผู้กองลองคิด.....” ฉันพูดปฏิเสธทันที แต่ยังพูดไม่จบ ผู้กองก็แทรกขึ้นมา
 
“คุณทับทิมครับ ตอนนี้มีเหยื่อที่เป็นผู้บริสุทธิ์ตายทุกเดือน ไม่ว่าเด็กหรือผู้หญิงพวกนั้นจะเป็นใคร แต่พวกเขาก็ไม่ควรจะมาเสียชีวิตเพราะฆาตกร นี่เป็นโอกาสเดียวที่คุณทับทิมจะสามารถช่วยพวกเขาได้” ผู้กององอาจพูดจบก็ยื่นซองเอกสารให้ฉัน
 
“ในนี้มีกำหนดการทดสอบและแผนที่ พร้อมหนังสือเรียนเชิญอย่างเป็นทางการ หากคุณทับทิมได้เข้าร่วมและผ่านการทดสอบจนสามารถจับคนร้ายได้ ทางเรามีรางวัลนำจับมอบให้หนึ่งล้านบาท คุณทับทิมลองพิจารณาดูก่อนนะครับ” ผู้กององอาจพูดทิ้งท้ายก่อนขอตัวกลับ
 
ปล่อยให้ฉันนั่งคิดทบทวนถึงโปรเจคนี้คนเดียวกับเจ้าข้าวตู!
 
“แม้โปรเจคนี้อาจจะเสี่ยงไปสักหน่อย แต่เงินหนึ่งล้านก็มากพอที่จะช่วยชาติได้ เราไม่ใช่คนงกแต่ก็เป็นคนรักชาติอยู่แล้ว การช่วยราชการก็เป็นเรื่องที่ดี จริงไหมข้าวตู!” ฉันคุยกับเจ้าข้าวตู ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนกับว่าไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
 
นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันต้องเดินทางไปเอาเงินหนึ่งล้านบาท
 
เอ๊ย! ไปช่วยชาติในวันนี้ โว โฮ โฮ่!
 
.................................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 16 รวมทีมผู้นำทาง...โปรเจคลับ