ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 18 สาเหตุของ...แรงจูงใจ
“ภูผาเย็นนี้นายว่างไหม ไปกินข้าวกัน?” ฉันถามปลายสาย
“ว่าง! แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันหยุดที่ตกลงกันนี่?”
“เราขอเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน วันนี้ชีวิตเราแย่มาก”
“โอเค เดี๋ยวเราไปรับเธอที่บ้าน ส่งโลเคชั่นมาแล้วกัน”
 
เย็นวันนั้นฉันฉันชวนภูผามากินข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากเจอเรื่องราวที่แย่...มาตลอดทั้งวัน
 
....................
 
“ไม่!!! ไม่จริงงงงง...พวกคุณโกหก! ฮือ...” เสียงพ่อหมอสามตาร้องไห้และตะโกนโหวกเหวก เมื่อรู้ข่าวว่าเหยื่อที่ถูกฆาตกรรมรายล่าสุดนั้น
 
คือลูกสาวคนเดียวของพ่อหมอนั่นเอง!
 
“ไหนพวกคุณบอกว่าประวัติของพวกเราเป็นความลับ แต่นี่แค่เข้ามาช่วยงานวันแรก เหยื่อของฆาตกรก็เป็นคนใกล้ชิดของพวกเราซะแล้ว แบบนี้พวกเราจะปลอดภัยได้ยังไง!” หมอเรนพูดด้วยความโมโหใส่ทีมงานเจ้าหน้าที่
 
ขณะที่ฉันเข้าไปปลอบพ่อหมอและร้องไห้ด้วยความสงสาร
 
“ทางเราขอแสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ด้วย แต่ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญหรือว่าตั้งใจ  อย่างไรก็ดีความปลอดภัยของพวกคุณและคนใกล้ชิดก็เป็นเรื่องจำเป็น เราจะส่งเจ้าหน้าที่ตามดูแลพวกคุณและครอบครัวจนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้” ผู้กององอาจพูดขอโทษและอธิบาย
 
หลังจากรู้ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของลูกสาวพ่อหมอ พวกเราก็ขอตัวกลับกันเลยเพราะไม่มีสมาธิพอที่จะช่วยงาน
 
ฉันนั่งอยู่เป็นเพื่อพ่อหมอสามตา เพื่อให้แกตั้งสติได้และรอเจ้าหน้าที่ขับรถไปส่งเพื่อไปรับศพลูกสาวของพ่อหมอที่โรงพยาบาล
 
“น่าตลกดีนะ ที่ผมดูอนาคตให้คนอื่น แต่ไม่เคยดูให้ลูกสาวตัวเองเลย” พ่อหมอพูดขณะที่นั่งดูรูปถ่ายลูกสาวที่ถ่ายรูปคู่กัน
 
“ฟ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของผม แกเป็นเด็กดีและไม่เคยคิดร้ายกับใคร แต่ทำไมคนดีๆถึงได้โชคร้ายแบบนี้ เพราะผมเลือกที่จะมาช่วยทำคดีนี้ใช่ไหม?” พ่อหมอพูดและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
 
“สมัยก่อนผมก็เคยเป็นตำรวจ แม้จะเคยปลอบญาติผู้เสียชีวิตมามากมาย แต่พอได้เป็นคนที่สูญเสียเอง ผมกลับคิดว่ามันเจ็บปวดมากกว่าที่ผมเข้าใจมากนัก”
 
“ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมจะจับฆาตกรให้ได้!” พ่อหมอพูดจบก็หันมาทางฉัน
 
“หนูทับทิม คดีนี้อันตรายเกินไป ทางที่ดีหนูควรถอนตัว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป” พ่อหมอพูดเตือนฉัน ก่อนที่จะไปกับเจ้าหน้าที่เพื่อไปรับศพลูกสาวของตัวเอง
 
ปล่อยให้ฉันทบทวนเรื่องราวที่วุ่นวายในวันนี้
 
.............................
 
“เธอไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะเธอไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้” นายภูผาที่นั่งอยู่ฝั้งตรงข้ามพูดขึ้น ขณะที่กำลังคีบหมูกระทะที่สุกแล้วให้ฉัน หลังจากที่ฉันเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
 
แม้ทางตำรวจจะให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ฉันก็อยากจะระบายความเครียดของเรื่องนี้ให้ใครฟังสักคน แต่ที่ไม่ปรึกษาแม่และยัยเมย์เพื่อนซี้ก็เพราะรู้ว่าทั้งสองคนจะให้ถอนตัวแน่นอน
 
“แล้วเราควรถอนตัวดีไหม นายก็รู้ว่าเรายังแม่มีอีกคน ถ้าฆาตกรมุ่งมาที่คนใกล้ชิดของหมอดูที่มาช่วยตำรวจ เรากลัวว่า.....?” ฉันถามนายภูผาพร้อมเริ่มวิตกกังวลเรื่องแม่
 
“ไม่รู้สิ! แต่ถ้าเป็นเรา หากสามารถช่วยจับตัวฆาตกรได้เร็ว คนบริสุทธิ์อีกมากก็จะได้ไม่ต้องเสียชีวิต เพราะถึงถอนตัว ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าฆาตกรจะไม่มายุ่งกับครอบครัวคนที่ช่วยงานตำรวจ การมีตำรวจคอยช่วยดูแลก็อาจจะปลอดภัยกว่า ” นายภูผาออกความเห็น ในแง่มุมที่ฉันไม่ได้คิด
 
“นั่นสิ! เราไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้ ขอบคุณนายมากนะที่ช่วยเตือนสติ” ฉันขอบคุณนายภูผาและแอบคิดว่าเลือกปรึกษาคนได้ถูกจริง ๆ
 
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราสิต้องขอบคุณเธอที่พามาเลี้ยงหมูกระทะแล้วยังช่วยเรื่องแม่ด้วย ศาสตร์ดูดวงของเธอแม่นยำมากนะ ขนาดเราไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ยังต้องยอมเลย เราว่าเธอน่าจะใช้เรื่องนี้ช่วยเรื่องคดีนี้ได้แน่นอน” นายภูผาพูดให้กำลังใจฉัน
 
เป็นครั้งแรกที่ฉันมีคนอื่นให้กำลังใจ นอกเหนือจากแม่และยัยเมย์ แถมคน ๆ นั้นยังเป็นคนที่ฉันตกหลุมรักและคบเป็นแฟนหลอก ๆ อยู่
 
บางที...สถานะคงไม่สำคัญเท่ากับการมีใครสักคนที่เข้าใจและรับฟัง รวมถึงให้คำแนะนำที่ดี เวลาที่เรามีปัญหา
 
การมีแฟนที่ดี...มันเป็นแบบนี้นี่เอง
 
แม้ฉันจะแอบใจหายว่า ช่วงเวลาดี ๆ เรื่องความรักของฉันจะมีเวลาเหลืออีกไม่นาน
 
แต่ตอนนี้ฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยจับตัวคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตความรักช่วงที่เหลืออย่างคุ้มค่า
 
....................................
 
มนุษย์เราทุกคนไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะมีแรงจูงใจอยู่เสมอ เราทำงานก็เพราะมีเงินหรือความชอบเป็นแรงจูงใจ
 
หรือหากจะทำอะไรเพื่อใคร ก็มักจะมีความชอบหรือความสงสารเป็นจูงใจ
 
แต่แรงจูงใจของฆาตกรรายนี้....นอกจากการที่เหยื่อจะเกี่ยวข้องกับเลข 6 แล้ว
 
ก็ยังไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าแรงจูงใจในการฆาตกรรมแท้จริงแล้ว...คืออะไร!
 
................................
 
ณ ห้องทำงานของหน่วยสืบสวน
 
หลังจากที่วุ่นวายเรื่องคดีมาทั้งวัน ผู้กององอาจก็ยังไม่กลับบ้าน เพราะเขาสังหรณ์ใจว่าคดีฆาตกรรมล่าสุด  ฆาตกรน่าจะตั้งใจเล็งมาที่ครอบครัวของหมอดูที่มาช่วยงาน มากกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
 
“หรือฆาตกรจะเป็นหนึ่งในทีมสอบสวน เพราะข่าวของทีมผู้นำทางไม่น่าจะหลุดไปได้เร็วขนาดนี้” ผู้กององอาจนั่งดูรายชื่อของทีมงานแล้ววิเคราะห์
 
“แต่ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่เริ่มเกิดคดีแรกทางเราเองก็ยังหาแรงจูงใจของฆาตกรไม่ได้หรือมันจะเป็นแค่ฆาตกรโรคจิตที่ไม่มีแรงจูงใจอื่น นอกจากฆ่าทุกคนที่เกี่ยวกับเลข 6 ตามใจตัวเอง”
 
ขณะที่กำลังนั่งวิเคราะห์อยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาพร้อมกาแฟและขนม
 
“กาแฟกับขนมของผู้กองครับ ผมแวะมาเอาของเห็นไฟห้องผู้กองเปิดอยู่ เลยซื้อจากข้างล่างมาฝาก”
 
“จ่าดำ” พูดขึ้นพร้อมยิ้มอย่างใจดี เขาเป็นชายกลางคน ผิวคล้ำ รูปร่างสูงใหญ่ อายุสี่สิบสอง เป็นลูกน้องคนสนิทของผู้กององอาจ
 
“ผู้กองดูรายงานที่หมอดูช่วยทำนายวันนี้หรือยังครับ ผมวางไว้บนโต๊ะของผู้กอง” จ่าดำถามถึงเอกสาร ขณะที่วางของฝากบนโต๊ะผู้กอง
 
“ยังเลย! วันนี้ผมยุ่ง ๆ และมีเอกสารกองใหญ่อยู่บนโต๊ะ เลยไม่ได้สังเกต”
 
“แม้ว่าวันนี้จะเลิกงานกันเร็ว เพราะเรื่องลูกสาวของพ่อหมอสามตา แต่คุณทับทิมก็ทำนายเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตไปได้สามคน และเริ่มพบจุดเชื่อมโยงบางอย่างของฆาตกรครับ” จ่าดำอธิบายเพิ่มเติม
 
“จ่าว่าอย่างไรนะ!...”
 
........................................
 
ขณะเดียวกัน ในห้อง ๆ หนึ่ง ของตึกเก่าที่ตั้งอยู่ชานเมือง
 
มีคนลึกลับคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือของเขากำลังถือรูปของหญิงสาวผู้หนึ่งไว้
 
พร้อมพูดชื่อ ๆ หนึ่ง ด้วยเสียงแหบพร่าว่า
 
“แม่หมอออนไลน์ ทับทิมสยาม!...เลข6! .......”
 
............................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 19 ข้อมูลที่เพิ่งรู้...จากการทำนาย