ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 19 ข้อมูลที่เพิ่งรู้...จากการทำนาย
เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้กององอาจเรียกประชุมทีมสืบสวน”ผู้นำทาง” ทุกคนเป็นการด่วน
 
นั่นรวมถึงฉันและผู้นำทางที่เหลือด้วย!
 
“ก่อนที่เราจะเริ่มประชุม ผมขอถามความสมัครใจของผู้นำทางทั้งสามก่อนว่ายังมีความประสงค์จะเข้าร่วมทีมสืบสวนต่อหรือไม่?” ผู้กององอาจเริ่มต้นด้วยคำถาม
 
“ผมเสียลูกสาวไปแล้ว อย่างไรก็ต้องจับตัวฆาตกรให้ได้ ผมเข้าร่วมเหมือนเดิมครับ” พ่อหมอสามตาเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา
 
“ผมก็อยากช่วยพ่อหมอสามตาให้จับตัวคนร้ายได้เช่นกัน ผมร่วมเหมือนเดิม แต่ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของพวกเราและครอบครัวด้วย” หมอเรนพูดพร้อมย้ำเรื่องความปลอดภัย
 
“เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วง ผมสั่งการให้ทุกหน่วยคุ้มครองครอบครัวของพวกคุณเรียบร้อยแล้ว” ผู้กององอาจยืนยันเรื่องนี้
 
ตอนนี้สายตาทุกคน มองมาที่ฉันอย่างไม่ได้นัดหมาย จนฉันเริ่มกดดัน
 
“หนูก็ขอร่วมทีมเหมือนเดิมค่ะ ก็ฝากเรื่องความปลอดภัยด้วยนะคะ” ฉันตอบทุกคน
 
เมื่อได้ยินทุกคนยืนยันในการร่วมทีมแล้ว ผู้กององอาจและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
“ผมขอบคุณทุกคนมากที่เสียสละ เอาล่ะ! เรามาเข้าสู่ความคืบหน้าของคดีกันก่อนดีกว่า” ผู้กององอาจให้สัญญาณ จากนั้นภาพสไลด์ก็ปรากฏขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์
 
“ตั้งแต่คดีนี้เริ่มปรากฏขึ้นมา เรายังไม่สามารถหาสาเหตุของแรงจูงใจของฆาตกรกรได้ว่าเป้าหมายคืออะไร เพราะผู้เสียชีวิตทุกคนไม่ได้มีอะไรที่เชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกัน นอกจากจะอยู่กับวัตถุที่มีเลข 6 หรือเรื่องราวของเลข 6”
 
“แต่เมื่อวานจากการทำนายของคุณทับทิม ทำให้พวกเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตทุกคนมีการเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวที่เคยไปงานเลี้ยงงานหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน” ตอนนี้ภาพสไลด์ก็ปรากฏภาพงานเลี้ยงใหญ่งานหนึ่งขึ้นมาบนจอ ที่มีผู้ร่วมงานหลักหมื่นคน
 
“งานเลี้ยงนี้เป็นงานฉลองเปิดสะพานแห่งหนึ่งของจังหวัด ที่มีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานทั่วประเทศ ตอนนี้ผมได้ให้สืบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับงานเพิ่มเติมแล้วว่ามีอะไรที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต” เมื่อผู้กององอาจพูดจบ ทุกคนก็นิ่งเงียบ ยกเว้นก็แต่.....
 
“เหลือเชื่อมาก..เป็นไปไม่ได้!....เมื่อสิบปีก่อน ผมเองก็ได้ไปร่วมงานนี้” พ่อหมอสามตาพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
 
“หา!...” ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมต่างตกใจกันทุกคน
 
“สิบปีก่อนผมยังรับราชการอยู่เป็นหน่วยสืบราชการลับ ก็ได้รับคำสั่งให้เข้าไปอารักขาความปลอดภัยของรัฐมนตรีที่ไปเปิดงาน แต่เรื่องนี้ฆาตกรจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อมีคนร่วมงานหลายหมื่นคนจากทั่วประเทศ” พ่อหมออธิบายเหตุผลที่ไปร่วมงาน
 
“ตรงส่วนนี้ผมเองก็ไม่รู้ ว่าฆาตกรรู้ได้อย่างไรว่าครอบครัวของเหยื่อเคยไปร่วมงานนี้ คุณทับทิมครับ ช่วยเล่าตอนที่ทำนายเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตหน่อยได้ไหมครับ?” ผู้กององอาจถามฉันเมื่อตอนที่ทำนายเรื่องนี้
 
ฉันจึงยืนขึ้นและเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันที่เรียกดวงดาวของผู้เสียชีวิตมาถามข้อมูล
 
อันที่จริงศาสตร์ดาราพยากรณ์นั้นแม้จะสามารถถามดวงดาวของผู้ที่เสียชีวิตได้ แต่ก็ยากที่จะล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมด เพราะในชีวิตของคนผู้หนึ่งผ่านเรื่องราวมากมาย
 
ยกเว้นครั้งนี้ที่ดวงดาวเป็นผู้บอกเองเรื่องที่มีคนในครอบครัวไปร่วมงานเมื่อสิบปีก่อน ราวกับว่าอยากให้ช่วยจับฆาตกรให้ได้
 
แต่เมื่อถามถึงข้อมูลของฆาตกร ดวงดาวทั้งสามดวงกลับตอบไม่ได้ ทั้งหมดพูดแค่เพียงว่า
 
“มองไม่เห็นฆาตกร!”
 
......................
 
หลังการประชุมจบลง ผู้กององอาจก็ให้พวกเราแยกตัวไปทำนายเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติม ส่วนผู้กองก็เรียกประชุมกับทีมสืบสวนต่อ
 
“ไปเร่งหาข้อมูลเกี่ยวกับงานนี้และเช็คประวัติผู้เสียหายหรือฟ้องร้องโครงการสร้างสะพานแห่งนี้ทั้งหมด ผมว่าฆาตกรอาจจะเป็นหนึ่งในครอบครัวของผู้ที่ได้รับความเสียหาย” ผู้กององอาจบอกความต้องการกับทีมงาน
 
ทันใดนั้นจ่าดำที่เป็นลูกน้องคนสนิท ก็ยกมือเพื่อเสนอความเห็น
 
“ผู้กองครับผมว่าเราควรตรวจสอบนักการเมืองที่เกียวข้องกับโครงการสะพานแห่งนี้ด้วยดีไหมครับ ผมคิดว่าน่าจะช่วยตีกรอบให้แคบลงได้”
 
“ดีมากจ่าดำ! ให้ทุกคนดำเนินการตามนี้ได้เลย” ผู้กององอาจเห็นด้วย
 
สิบปีที่แล้ว...ทางภาครัฐมีการเปิดสะพานแห่งใหม่เพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดอยุธยา เนื่องจากเป็นสะพานแห่งที่ 6 ทางราชการจึงตั้งชื่อว่า สะพาน “ฉัฐมาพร” (ฉอ หรือ ฉะ แปลว่าเลขหก)
 
ในวันนั้นมีการจัดงานเฉลิมฉลองและมหรสพมากมาย จึงมีผู้ร่วมงานจากทั่วประเทศในจำนวนหลักหมื่นคน
 
แม้จะสามารถหาจุดเชื่อมโยงของฆาตกรได้ แต่การสืบวงกว้างแบบนี้ก็ยังถือว่ายากลำบากอยู่ดี
 
............................
 
หลังจากประชุมเสร็จ ฉันก็เรียกดวงดาวของผู้เสียชีวิตมาสอบถามเพิ่มเติมอีกสองถึงสามคน แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม คือเรื่องคนในครอบครัวไปร่วมในงานนี้ แต่มองไม่เห็นฆาตกร!
 
“เฮ้อ! ทำนายเกี่ยวกับเรื่องคดีฆาตกรรมนี่ก็ยุ่งยากเหมือนกันนะ” ฉันถอนหายใจเมื่อกลับถึงบ้าน ส่วนเจ้าข้าวตูเปิดตู้เย็นแล้วคาบขวดน้ำเย็นใส่ถาดมาให้
 
“อึมม! เดี๋ยวนี้เริ่มเรียนรู้งานได้ดีขึ้น แต่ครั้งหน้าแกควรมีผ้าเย็นมาด้วยนะ!” ฉันบอกเจ้าข้าวตู พลางหยิบขวดน้ำมาดื่ม
 
มันทำหน้าสลดที่ทำงานผิดพลาด ก่อนคาบถาดแล้วเดินกลับไป
 
“น้องหมาบ้านอื่น น่าจะฉลาดมากกว่านี้นะ ข้าวตูอย่าเพิ่งน้อยใจ วันหนึ่งแกต้องทำได้ดีขึ้น” ฉันตะโกนให้กำลังใจ ส่วนข้าวตูหันกลับมาแล้วตะเบ๊ะรับ เหมือนเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด
 
ทันใดนั้นเอง! โทรโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น
 
ตรู๊ด!...ตรู๊ด!
 
“สวัสดีค่ะผู้กอง! พรุ่งนี้มีประชุมด่วนอีกหรือคะ?” ฉันถามปลายสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของผู้กององอาจ
 
“คุณทับทิมอย่าเพิ่งพูดอะไรนะครับ! ตอนนี้คุณต้องรีบหนีออกจากบ้านด่วนเลยครับ แล้วไปหาที่พักใหม่ก่อน” ผู้กององอาจพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
 
“หา! ทำไมต้องรีบหนีด้วยล่ะค่ะ หรือว่า....” ฉันกำลังจะถามผู้กองเรื่องสาเหตุ แต่ก็พลันนึกขึ้นได้ว่า...
 
“เพราะตอนนี้....ฆาตกรกำลังตรงไปที่บ้านของคุณครับ!”
 
.........................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 20 หนีสุดชีวิต...ซิ่งสุดซอย