ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 20 หนีสุดชีวิต...ซิ่งสุดซอย
หลังจากได้ยินข้อความของจากผู้กององอาจเกี่ยวกับฆาตกร ฉันก็เริ่มลนเหมือนหนูติดจั่นทันที!
 
“ตายแล้วทำไงดี ๆ ฆาตกรกำลังจะมาที่บ้านฉัน จะหนีไปไหนล่ะนี่” ฉันวิ่งเก็บของจ้าละหวั่น ในหัววนเวียนคิดถึงแต่สถานที่ ๆจะไปหลบภัย
 
“โอ๊ย! คิดไม่ออก รีบออกจากบ้านก่อนแล้วกันวะ! ” ฉันถือกระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมอุ้มเจ้าข้าวตูไปด้วย ส่วนสายตาก็มองรถแท็กซี่ที่กำลังวิ่งมา
 
“จอด ๆ !” ฉันร้องตะโกนแถมยืนขวางกลางถนนเพราะกลัวรถแท็กซี่ไม่จอด
 
เอี๊ยดดดด!
 
รถแท็กซี่ที่กำลังมาเบรคตัวโก่ง และรีบลดกระจกเตรียมตัวด่าฉัน 
 
“เฮ้ย! อยากตายหรือไง อ้าว!”
 
แต่ช้าเกินไปเพราะฉันเปิดประตูเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว
 
“รีบออกรถ! ตามคันหน้าไปด่วนเลย” ฉันพูดส่ง ๆ เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะไปไหน พลางยื่นแบงค์พันให้คนขับ อำนาจของกระดาษสีเทาช่างล้ำลึกนัก เพียงแค่หยิบออกมาก็ทำให้คนขับกลายเป็นมิตรทันที
 
“ได้เลยครับ! เดี๋ยวผมเหยียบให้มิดเลย” คนขับรูปร่างท้วมหยิบแบงค์พันเสร็จ ก็รีบออกรถทันที
 
“คันหน้าสีขาว ที่เราตามอยู่เป็นรถนิสชิน รุ่นสกายวอล์เกอร์ เก่าแต่เก๋า เครื่องสามพันติดเทอร์โบ เราอาจตามไม่ทันแต่ไม่ต้องห่วง ตำนานนักซิ่งคลองห้าอย่างผมเจอมาเยอะ เราจะเร่งให้ทันตอนเข้าโค้งนี่แหละ” คนขับอธิบายสรรพคุณของรถคันหน้า ก่อนดริฟท์เข้าโค้งเพื่อร่นระยะห่าง
 
เอี๊ยดดด !!!
 
“เราร่นระยะมาได้นิดหน่อย ข้างหน้ามีทางลัด ผมจะตัดเข้าแล้วไปดักข้างหน้ามัน” พี่คนขับที่ตอนนี้ตั้งใจจะตามคันหน้า หักเลี้ยวแบบเก้าสิบองศาที่ซอยหน้า พร้อมเหยียบจนสุดคันเร่ง แบบไม่สนใจผู้โดยสารอย่างฉัน
 
จนเมื่อใกล้ถึงปากซอยรถคันขาวที่นำหน้าก็มาถึงพอดี
 
“จับแน่ ๆ นะครับ ผมจะเร่งเครื่องแล้วปาดหน้ามัน ครั้งนี้มันไม่รอดแน่” คนขับตะโกนบอก พลางเหยียบคันเร่งจนสุด จนรถแทบจะเร็วปานจรวด
 
ในที่สุดก็สามารถปาดหน้ารถคันขาวได้ แม้จะท้ายปัดหมุนวนไปหนึ่งรอบจนควันขึ้น
 
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!
 
“เรียบร้อยแล้ว แม้ตอนจบจะเป๋ไปหน่อยแต่ก็ตามทัน ให้ผมลงไปช่วย....อ้าว! หนู! ..หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?” พี่คนขับตกใจเมื่อหันกลับมามองฉันที่เบาะหลัง
 
เพราะตอนนี้ฉันกับเจ้าข้าวตู นั่งน้ำลายฟูมปากเพราะช็อคตั้งแต่โค้งแรก ที่แกเริ่มดริฟท์แล้ววว!!!
.....................
 
“นั่นก็เลยเป็นสาเหตุ ที่เธอมาขออาศัยพักกับฉันที่คอนโดใช่ไหม?” นายภูผาพูดเสียงเข้ม ตอนที่ลงมาเปิดประตูตึกคอนโดให้ฉัน
 
“ก็ฉันโทรหายัยเมย์ไม่ติด แล้วก็ไม่รู้จักใครที่ไหนอีก ก็มีแต่นายนี่แหละที่รู้จัก ” ฉันพูดพลางทำตัวลีบอย่างสำนึกผิด
 
“แต่คอนโดฉันห้ามเลี้ยงสัตว์! ถ้ามีคนร้องเรียนจะต้องถูกย้ายออก” นายภูผาพูดแล้วมองไปที่เจ้าข้าวตู
 
ข้าวตูสะดุ้ง! มันส่ายหัวไปมาเหมือนบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนเอามือปิดปากและทำตัวแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาตัวหนึ่ง
 
“มันบอกว่ามันส่งเสียงอะไรแน่นอน จะทำตัวเหมือนตุ๊กตาไม่มีใครจับได้หรอก” ฉันแปลสิ่งที่ข้าวตูบอกให้ภูผาฟัง
 
“เธอเข้าใจที่มันบอกด้วยหรือนี่! เอาล่ะงั้นก็ตามมา” ภูผาทึ่งเมื่อเห็นฉันเข้าใจ ก่อนจะเดินนำมาที่ห้องของตัวเอง
 
.........................
 
“ผู้กองครับ! คนของเราที่ส่งไปดูแลความปลอดภัยบ้านคุณทับทิม ตอนนี้ฟื้นแล้วครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงานผู้กององอาจ
 
“แล้วคนที่เราส่งสมทบเพิ่มเจอหลักฐานอะไรบ้างไหม?” ผู้กององอาจถามขึ้น
 
“ไม่มีเลยครับ! แต่โชคดีที่คุณทับทิมหนีออกมาได้ทันก่อนที่คนร้ายจะเข้าไปในบ้าน ข้อมูลนี้ทีมของเราตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านของเธอครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมรายงาน
 
เดิมทางทีมสืบสวนได้ส่งคนไปช่วยรักษาความปลอดภัยผู้นำทางโดยเฝ้าระวังอยู่ในรถ แต่ทีมที่บ้านของฉันขาดการติดต่อ ทางผู้องอาจจึงให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเดินอยู่บริเวณรถก่อนมุ่งหน้ามาทางบ้านของฉัน
 
ทำให้ผู้กององอาจรีบโทรแจ้งเตือนให้ฉันรีบออกจากบ้าน
 
“ครั้งนี้มันดูผิดปกติมาก ฆาตกรเพิ่งก่อเหตุไปไม่ครบเดือน ทำไมถึงตั้งใจก่อเหตุอีก หรือว่ามันจะเปลี่ยนรูปแบบเพราะคิดว่าคุณทับทิมจะรู้อะไรเพิ่มเติม” ผู้กององอาจวิเคราะห์สถานการณ์
 
“ตรวจสอบกล้องวงจรปิดไล่ย้อนไป ผมอยากรู้ว่าชายคนนี้เริ่มเดินทางมาจากไหนและกำลังไปที่ไหนต่อ!”
 
........................
 
“หนูไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้มาพักอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง”
 
“เดี๋ยวผมจะส่งคนไปเฝ้าระวังให้นะครับ แล้วตอนเช้าคุณทับทิมค่อยเดินทางมาที่หน่วยของเรา ครั้งนี้คนร้ายน่าจะไม่กล้าตามไป คืนนี้คุณน่าจะปลอดภัยแล้ว” เสียงของผู้กององอาจบอกฉัน
 
จากนั้นเราก็คุยกันอีกเล็กน้อยก่อนวางสายไป
 
“ทางตำรวจว่าอย่างไรบ้าง?” นายภูผาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
 
“ก็ส่งคนมาเฝ้าที่หน้าคอนโด แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปที่หน่วยสืบสวนน่ะ” ฉันตอบพลางมองไปรอบ ๆ ห้องที่นอนอยู่
 
ห้องคอนโดของนายภูผาดูดีและสะอาดกว่าที่คิดมาก แม้จะเป็นคอนโดเก่า แต่ห้องก็กว้างแถมยังมีห้องนอนแยกจากห้องนั่งเล่นด้วย
 
ภูผาเล่าว่าเขากับแม่อยู่ที่นี่มาหลายปี โดยเช่ากับคนรู้จักของแม่ในราคาที่ไม่แพง โดยแม่จะนอนในห้องส่วนภูผาจะนอนที่ห้องนั่งเล่น
 
ภูผาให้ฉันนอนในห้องของแม่ ส่วนฉันเองพอหายกลัวเรื่องฆาตกร ก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมานอนที่ห้องผู้ชายสองต่อสอง แต่.....
 
“หงิงงง! ๆ” ข้าวตูแตะขาฉันแล้วอ้อนเบา ๆ
 
อึมม! รวมแกไปด้วยก็ได้ เป็นสองคนกับหนึ่งตัว
 
ในขณะที่ฉันกำลังคุยกับภูผาที่ห้องนั่งเล่น
 
ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น!
 
ก๊อกๆๆ!
 
...........................
 
 
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 21 ตอนนี้ฉัน...ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว