ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 26 พบวิญญาณโบราณ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังประชุมเสร็จพวกเราก็ออกมาที่สะพานอีกครั้ง
 
ฉันนึกถึงฝันเมื่อคืนที่ดูแปลกและเหมือนจริง แต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ส่วนเมื่อเช้าตอนประชุมกัน พวกเราก็ได้ข้อมูลเพิ่มนั่นก็คือ
 
มีชาวบ้านคนหนึ่งเคยทำงานอยู่ในทีมผู้รับเหมา นั่นทำให้ผู้กององอาจอยากสอบถามและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม โดยหมู่บ้านนี้อยู่อีกฝั่งที่พวกเรายังไม่ได้ไปดู
 
เมื่อถึงหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราเดินดูรอบ ๆ โดยแยกเป็นกลุ่ม หมู่บ้านนี้เป็นชุมชนริมน้ำขนาดเล็กหลายชุมชน รถยนต์ไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะถนนแคบ ชาวบ้านยังคงใช้วิถีริมน้ำ มีทั้งเรือพาย ยอสำหรับดักปลาและท่าน้ำเล็ก ๆ หน้าบ้าน ดูสงบและย้อนอดีตมาก ๆ
 
“อยู่แบบนี้ก็ดีนะไม่วุ่นวายดี” นายภูผาพูดขึ้น ขณะที่กำลังเดินอยู่ในกลุ่มเดียวกับฉัน พร้อมเจ้าหน้าที่อีกสองคน
 
“เราก็ชอบนะ ” ฉันพูดตอบ
 
“ชอบหมู่บ้านหรือชอบเรา!” นายภูผาแซวฉันกลับ พร้อมทำหน้าทะเล้น ไอ้ต้าวนี่ ช่างรู้ใจเจ๊จริง ๆ!
 
“ชอบนายน่ะเหรอ มันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นจะจ้างทำไม” ฉันสวนกลับบ้าง คิดจะทำให้เจ๊เขินอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางซะหรอก หุหุ
 
พักหลังนี้เราสองคนสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ มีคนเคยพูดว่าหากคนสองคนเคยผ่านเรื่องราวอันตรายหรือเลวร้ายมาด้วยกัน โอกาสที่คนสองคนนั้นจะชอบกันจะมีมากกว่า 80%
 
บางทีฉันก็แอบหวังให้นายภูผามีความรู้สึก 80% นั้น กับเค้าบ้าง
 
ผ่านไปหลายชั่วโมง ผู้กององอาจก็ซักถามชาวบ้านที่เคยทำงานเรียบร้อย และแจ้งให้ทุกคนมาที่รถตู้เพื่อเดินทางกลับ พวกเราจึงเดินมายังรถตู้สองคันที่จอดรออยู่
 
เมื่อรถตู้ออกตัวไปสักพัก ฉันก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับนายภูผา
 
ทันใดนั้นเอง!
 
เอี๊ยด! โครม! รถตู้คันหน้าก็เกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้าอย่างกระทันหัน จนรถตู้คันที่ฉันนั่งต้องเบรคจนหัวทิ่ม
 
“ผู้กองครับ! รถคันหน้าหักหลบเลยชนกับเสาไฟข้างหน้า ผมขอลงไปดูก่อนนะครับ” คนขับรถแจ้งสถานการณ์ ก่อนลงไปดูเพื่อช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าน่าจะนานพวกเราก็เลยลงไปดูด้วย
 
ตอนนี้รถตู้คันหน้าชนกับเสาไฟจนข้างหน้ายุบ ควันจากหม้อน้ำและเครื่องยนต์ลอยออกมาจนฟุ้ง ส่วนคนขับเหมือนจะสลบ โชคดีที่มีถุงลมนิรภัยออกมาช่วยรับแรงกระแทก ส่วนคนในรถไม่มีใครเป็นอะไร ต่างก็ทยอยลงมาจากรถเช่นกัน
 
“เอาตัวคนขับออกมาก่อน!” เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกเพื่อน
 
เมื่อนำตัวคนขับลงมาแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปฐมพยาบาลจนฟื้น แต่ตอนที่ฟื้นพี่คนขับกลับมีอาการที่แปลกออกไป
 
“อีทับทิม! กูอุตส่าห์บอกมึงเมื่อคืน วันนี้มึงยังจะพาไอ้หนุ่มคนนี้มาหยามกูถึงที่ กูบอกแล้วใช่ไหมว่ารอมึงมานาน กูจะเอามึงกลับไป!” พี่คนขับรถที่ตอนนี้ตาขวาง นั่งชี้นิ้วมาทางฉัน พร้อมพูดด้วยเสียงที่ทำให้ฉันขนลุกและเริ่มกลัว
 
เพราะเสียงนี้...คือเสียงของชายสมัยโบราณที่ฉันฝันเมื่อคืน!
 
“ไม่ดีแล้ว เขาถูกผีเข้า! หลีกทางหน่อย” พ่อหมอสามตาเห็นท่าไม่ดี รีบขอทางเพื่อมาอยู่ที่เบื้องหน้าพี่คนขับรถ
 
“โอม!........” พ่อหมอพนมมือ และร่ายคาถา ก่อนจะถอดสร้อยพระที่คอ สวมให้กับพี่คนขับทันที!
 
“โอ๊ย! ร้อน ไอ้หมอจัญไร มึงจะเป็นศัตรูกับกูใช่ไหม ได้! ถ้าอย่างนั้นกูจะเอาพวกมึงทุกคนกลับไปอยู่ด้วย ฮ่า ๆ ๆ ” พี่คนขับรถทำท่าทรมาน ก่อนพูดขู่อาฆาตพวกเรา แล้วก็นิ่งสลบไป ท่ามกลางความตกใจของพวกเราทุกคน!
 
“ไม่ดีแล้ว! พวกเราอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ต้องรีบกลับ ผู้กองช่วยพาตัวคนขับไปโรงพยาบาลแล้วเรียกรถคันใหม่มารับด่วนนะครับ” พ่อหมอสามตาพูดกับผู้กององอาจด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด พร้อมมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า เหมือนกับใช้พลังไปมาก
 
หลังจากผู้กองเรียกรถพยาบาลและรถคันใหม่มารับแล้ว พ่อหมอและหมอเรนก็รีบมาพูดคุยกับฉัน
 
“หนูทับทิม เมื่อคืนหนูเจออะไรหรือเปล่า?” พ่อหมอถามคำถามอย่างรวดเร็ว
 
ฉันก็เริ่มเล่าความฝันเมื่อคืนให้พ่อหมอและหมอเรนฟังอีกครั้ง โดยมีนายภูผาและเจ้าหน้าที่บางคนร่วมฟังด้วย
 
“เรื่องมันไม่น่าจะบังเอิญขนาดนี้ ถ้าหากที่หนูทับทิมเล่ามาเป็นเรื่องจริง เท่ากับตอนนี้วิญญาณโบราณมันพยายามจะหาวิธีฆ่าหนูทับทิมเพื่อให้อยู่กับมันที่นี่” พ่อหมอสามตาพูดวิเคราะห์
 
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนนี้มันยังหมายหัวพวกเราอีกด้วย พวกเราเองก็จะไม่ปลอดภัย” หมอเรนพูดเสริม
 
“แล้วหนูจะทำอย่างไรดี หนูเป็นแค่หมอดูนะไม่ใช่หมอผีจะได้ไล่ผีได้!” ฉันเริ่มตกใจกลัว เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างดูจะเกี่ยวข้องกับฉัน
 
“ไม่ต้องกลัวนะ คนกับผีอยู่คนละโลก ถึงวิญญาณเหล่านั้นจะเฮี๊ยนแค่ไหน แต่พ่อหมอก็ปราบมาเยอะแล้ว” พ่อหมอสามตาปลอบฉัน
 
“ใช่แล้วครับ ผมมีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายชิ้น เดี๋ยวถึงที่พักผมจะนำมาให้เพื่อความอุ่นใจนะครับ” หมอเรนพูดกับฉันด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
 
หลังจากที่พวกเราพูดคุยกันอีกสักพักไม่นาน รถพยาบาลและรถตู้สำรองก็มาถึง
 
พี่คนขับถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ส่วนพวกเราก็เดินทางกลับที่พัก ตอนนี้หลายคนเริ่มหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
 
“ที่นี่เฮี๊ยนจริง ๆ นะนี่ ขนาดกลางวันแสก ๆ ยังโผล่มาเข้าสิงร่างได้” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น
 
“ใช่ ๆ เมื่อกี้นะตอนที่มันขู่ ผมยังตกใจจนฉี่แทบจะไหลออกมาเลย” เจ้าหน้าที่อีกคนพูดเสริม
 
“นี่ถ้ากลับบ้านไป ผมคงต้องหาพระดี ๆ มาคล้องคอสักองค์ จะได้อุ่นใจ” เจ้าหน้าที่ ๆ นั่งข้าง ๆ พูดต่อ
 
ขณะที่ผู้คนในรถกำลังกำลังคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ทุกคนก็รู้สึกหนาวขึ้นมา จนขนลุกเกรียวพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
 
“พี่ ๆ เบาแอร์หน่อย ข้างหลังหนาวมาก” เจ้าหน้าที่คนที่อยากได้พระเครื่องดี ๆ ตะโกนบอกคนขับรถ
 
ทันใดนั้น! หมอเรนก็หลับตาแล้วพูดขึ้นมาว่า
 
“ไม่เกี่ยวกับแอร์หรอกครับ! ตอนนี้เรากำลังมีแขกมาเยี่ยมพวกเรา” เมื่อหมอเรนพูดจบ ทุกคนก็ทำหน้าเหวอ แล้วเริ่มหันไปดูรอบ ๆ ข้าง
 
ส่วนคนที่ขวัญอ่อน ตอนนี้ก็หยิบพระที่คอมาพนมมือแล้วเริ่มสวดมนต์
 
“ไม่ต้องมองหาหรอกครับ เค้าไม่ได้อยู่ในรถคันนี้” หมอเรนพูดบอกทุก ๆ คน
 
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย ตกใจแทบแย่ แล้วหมอเรนรู้ได้อย่างไรว่าพวกเรามีคนมาเยี่ยม?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้น
 
“รู้สิครับ! เพราะจิตสัมผัสของผมบอกมา”
 
“ถึงตอนนี้....คนที่มาเยี่ยมพวกเราจะไม่ได้อยู่ในรถ”
 
“ แต่กำลังนั่งอยู่บนหลังคา แถมยังพาเพื่อนมาอีกหลายคน!”
 
เมื่อหมอเรนพูดจบ พวกเราทั้งคันต่างก็ขนหัวลุกทันที!
 
.....................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 27 ตามรังควานไม่เลิกรา