ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 28 ค่ำคืนแห่งการหลอกหลอน
หลังจากไฟดับและเจ้าข้าวตูหอนรับ ทำให้ทุกคนเริ่มหวาดกลัวทันที
 
โป๊กก!
 
“บรรยากาศก็น่ากลัวอยู่แล้ว แกจะหอนเพิ่มเอฟเฟคทำไม?” ฉันเขกกะโหลกเจ้าข้าวตู พร้อมดุมันทันที หลังจากที่ดวงดาวของจ่ามีออกจากร่าง
 
ข้าวตูเหมือนรู้ตัวว่าทำผิด มันปิดปากตัวเองแล้วก้มหน้า เหมือนกำลังบอกว่าจะไม่หอนพร่ำเพื่ออีกแล้ว
 
“หมอเรนสรุปแล้ว ตอนนี้วิญญาณพวกนั้น ตามพวกเรามาถึงที่นี่หรือเปล่าครับ?” จ่าดำถามขึ้น พร้อมนั่งเบียดเข้ามาอีก
 
“มันมาแล้ว มีอยู่หกตัว ตอนนี้กำลังยืนล้อมพวกเราอยู่” หมอเรนลืมตาแล้วพูดขึ้น
 
“หา! แล้ว..แล้วพวกเราทำไงดี บรึ๋ย! ” จ่าดำร้องอุทาน พลางมองไปที่พ่อหมอสามตา
 
“ไม่ต้องกลัว อยู่ในสายสิญจน์นี้ พวกมันเข้ามาไม่ได้แน่นอน” พ่อหมอสามตาพูดขึ้น ทำให้พวกเราอุ่นใจ
 
“แล้ว..แล้วถ้าอยากไปเข้าห้องน้ำ จะทำอย่างไรครับ?” จ่าดำถามอีก
 
“ก็อั้นไว้ก่อน...จะรักษาชีวิตหรือไปห้องน้ำก็เลือกเอา” พ่อหมอสามตาตอบกลับ
 
“คะ..คือผมเวลากลัว ท้องไส้จะปั่นป่วน ควบคุมไม่ได้ ตอนนี้ข้าศึกเริ่มบุกตีด่านสุดท้ายแล้วครับ” จ่าดำพูดสารภาพ พร้อมทั้งปล่อยเสียงและกลิ่นเพื่อยืนยัน
 
“ปู๊ดด!”
 
“นี่จ่าดำไปกินหมาเน่ามาหรือไงนี่ เหม็นบรรลัยเลย!” หมอเรนที่อยู่ใกล้จ่าดำพูดขึ้นพร้อมปิดจมูก ทุกคนตอนนี้ต่างก็ทำตามหมอเรนแม้กระทั่งเจ้าข้าวตู
 
“พ่อหมอกับหมอเรนพอจะมีวิธีแก้ไขไหมครับ เพราะถ้าพวกเราอยู่กันแบบนี้น่าจะตายก่อนเพราะข้าศึกของจ่าดำแน่ ๆ” ผู้กององอาจพูดขึ้นขณะที่บีบจมูกตัวเอง
 
“ผมจะลองใช้ "คาถารวมจิตชนะมาร" ไล่วิญญาณโบราณพวกนี้ก่อน ทุกคนต้องนั่งล้อมวงและจับมือกัน แล้วท่องคาถาตามผม เพื่อรวมพลังจิตและไล่พวกมัน แต่ห้ามลืมตาเด็ดขาด เพราะคาถานี้จะทำให้เรามองเห็นพวกมันได้ เดี๋ยวสติจะกระเจิงปล่าว ๆ” พ่อหมอสามตาพูดอธิบายวิธีการ
 
ตอนนี้พวกเราทำตามที่พ่อหมอบอก ต่างนั่งล้อมวงแล้วหลับตา พร้อมท่องคาถาตามพ่อหมอ
 
“นะโมตัสสะ......” พ่อหมอเริ่มสวดคาถาทันทีที่ทุกคนพร้อม  ขณะที่กำลังท่องคาถาอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนมีใครมาหายใจรดต้นคอ
 
“นี่ขนาดไม่เห็นหน้านะเนี่ย ยังหลอนได้ขนาดนี้” ฉันคิดในใจ พลางข่มตาไม่ให้ลืมขึ้น
 
แต่ถึงจะข่มตาขนาดไหน ฉันก็เผลอลืมตาอยู่ดี เมื่อเจ้าข้าวตูเห่าขู่สิ่งที่อยู่ข้างหลังฉัน
 
“โฮ่ง!”
 
ด้วยความเคยชินที่ฉันจะชอบดุมันเวลามันทำตัวไม่น่ารัก ฉันจึงเผลอลืมตาและก็เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นทันที
 
“เหวอ..ไม่..ไม่..ฉันไม่กลัว” ฉันในตอนนี้ มองเห็นวิญญาณที่แต่งชุดแบบโบราณหกตัว กำลังเดินรอบ ๆ และพยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้พวกเรามากที่สุด มีบางตัวพยายามจะใช้ขาก้าวเข้ามา แต่ก็ข้ามไม่ได้ มันเหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นอยู่
 
แต่คนมันจะซวย อะไรก็ห้ามไม่ได้ เพราะทันทีที่ฉันลืมตา ก็ได้สบตากับวิญญาณตัวหนึ่งพอดี
 
“แฮ่!” วิญญาณโบราณตัวนั้น แสยะยิ้มให้ฉันก่อนจะสะกิดเพื่อนให้มองมาที่ฉัน เหมือนเป็นของแปลก
 
เท่านั้นแหละ! วิญญาณทุกตัวก็เดินอ้อมมาทางฉันแล้วพยายามยื่นหน้าเข้ามาพร้อมส่งเสียงประกอบ
 
“แฮ่! พวกมึงไม่รอดแน่ มาอยู่กับพวกกูดี ๆ จะได้ไม่ทรมาน!” เสียงของวิญญาณร้ายตัวหนึ่งพูดอยู่ใกล้ ๆ หูของฉัน พร้อมปล่อยกลิ่นลมหายใจที่เหม็นไม่แพ้กลิ่นข้าศึกของจ่าดำออกมา
 
“พ่อหมอใกล้พิธีใกล้เสร็จแล้วหรือยัง หนูจะแย่อยู่แล้ว?” ฉันพูดเสียงสั่นถามพ่อหมอ ที่ตอนนี้กำลังท่องคาถาอยู่ในช่วงสำคัญ
 
พ่อหมอไม่ตอบฉัน แต่ตั้งใจท่องคาถาต่อไป ส่วนตัวของฉันก็หลับตาและพยายามทำสมาธิ โดยไม่สนใจวิญญาณที่ยั้วเยี้ยอยู่ข้างหลัง
 
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ พ่อหมอก็ท่องคาถาช่วงสุดท้ายจบ
 
“โอม!....วิญญาณร้ายจงพินาศ!” สิ้นเสียงพ่อหมอ เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของฉัน ทำเอาฉันขนลุกด้วยความหวาดกลัว
 
“โอ๊ย ทำไมมันปวด..ทำไมมันร้อนๆ อ๊ากซ์!” สิ้นเสียงร้องโอดครวญของวิญญาณ ฉันก็รู้สึกหายใจคล่องขึ้น ก่อนค่อย ๆ แอบลืมตานิด ๆ
 
“ลืมตาเถอะ พวกมันไปแล้ว!” พ่อหมอสามตาพูดขึ้น พลางเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า
 
“เฮ้อ! กลัวแทบตาย พ่อหมอสามตานี่เก่งจริง ๆ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ถอนหายใจแล้วยกนิ้วให้พ่อหมอ
 
“เดี๋ยวนะ! ทำไมผมยังได้กลิ่นซากศพอยู่ พวกมันยังไม่ได้หายไปไหน!” ผู้กององอาจทำสีหน้าตกใจ ที่ได้กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพ
 
เมื่อได้ยินเสียงของผู้กององาจ พวกเราก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวอีกครั้ง
 
ทันใดนั้นเอง!
 
“เอ่อ!...ผู้กองครับ นั่นไม่ใช่กลิ่นซากศพครับ แต่เป็นกลิ่นข้าศึกของผมที่โจมตีด่านออกมาได้ ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ!” จ่าดำพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก พลางใช้มือกุมที่ก้นแล้วรีบลุกขึ้นไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
 
............................
 
คืนนั้นพ่อหมอสามตาและหมอเรนช่วยกันทำน้ำมนต์พรมรอบ ๆ ห้องพักและเขียนยันต์เพื่อป้องกันวิญญาณโบราณให้กับทุกคน
 
ส่วนฉัน ข้าวตูและนายภูผาก็ย้ายไปนอนที่ห้องของพ่อหมอสามตาเพื่อความปลอดภัย ซึ่งตอนนี้กลายเป็นวอร์รูมชั่วคราว
 
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปผมว่าพวกเราอาจเป็นโรคประสาทเพราะวิญญาณพวกนี้แน่ ๆ” ผู้กององอาจถามพ่อหมอสามตาและหมอเรน ตอนนี้พวกเรากำลังประชุมทีมผู้นำทางเพื่อวางแผนแก้ปัญหา
 
“พรุ่งนี้เป็นวันพระใหญ่และเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง วิญญาณเหล่านั้นจะมีพลังมากขึ้น ถ้าตัวหัวหน้าออกมาเอง ถึงพวกเราจะหนีกลับกรุงเทพ ก็ไม่น่าที่จะหนีรอด เว้นเสียแต่ว่า....” พ่อหมอสามตาพูดด้วยสีหน้าหนักใจและเว้นวรรคประโยค
 
“เว้นแต่ว่าอะไร พ่อหมอมีวิธีใช่ไหม?” ฉันถามพ่อหมอด้วยความอยากรู้
 
“เว้นเสียแต่ว่า... พวกเราจะต้องทำพิธีสะกดวิญญาณของพวกมันในตอนกลางวันให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น ถ้าถึงตอนกลางคืน พวกเราอาจไม่รอด!” พ่อหมอสามตาพูดขึ้น
 
ท่ามกลางพวกเราที่กำลังตกตะลึง....จนต้องอ้าปากค้าง!
 
..................
           
ตอนต่อไป
ตอนที่ 29 แยกกันเราอยู่