ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 32 รักนั้น...ซับซ้อนมากกว่าจะเข้าใจ
เสียงของจิตเส ดังขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่วิญญาณของเขากลายเป็นควันสีดำและกำลังถูกหม้อดินเผาดูดเข้าไป
 
“จิตเส ข้าช่วยอะไรท่านไม่ได้ ทุกอย่างต่างเกิดขึ้นแล้วดับลง ท่านจงไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้เถิด” ฉันพูดกับจิตเส เพื่อให้เขาเข้าใจ
 
วิญญาณของจิตเสเหมือนจะรับฟัง ก่อนจะพูดกับฉันต่อในช่วงท้าย
 
“นี่มันคงเป็นกรรมของกูที่ทำมา สุดท้ายนี้แม้กูจะไม่ได้ครอบครองมึงเหมือนตั้งใจ แต่กูก็ขอให้มึง ขุดสุสานแล้วเผากระดูกของมึงกับกูให้มอดไหม้ไปพร้อมกัน แค่นี้ก็คงพอจะให้กูมีความสุขเป็นครั้งสุดท้าย”
 
“ได้! ข้าจะทำให้ท่านสมหวัง”  ฉันตอบกลับจิตเสด้วยความเต็มใจ
 
จิตเสเริ่มเสียงอ่อนลงและพูดกับฉันต่อ
 
“แม้กูจะไม่อยู่ที่สุสานแล้ว มึงก็ต้องระวังคนที่กำลังตามหา เพราะตั้งแต่มนต์สะกดเริ่มคลาย กูก็ได้พบกับมันและสอนวิชาอาคมที่มีให้มันไปจนหมด เพื่อหวังให้มันช่วยกูออกไป แต่ตอนนี้มันไม่มีกูคอยคุม ไม่ช้ามันก็คงตามฆ่าพวกมึงจนหมด” จิตเสพูดต่อด้วยความเป็นห่วง
 
“มึงจำคำกูไว้ แม้การรอคอยของกูจะไร้ความหมาย แต่กูก็ไม่เสียใจ และจะขอรักมึงแบบนี้ตลอดไป!”  จิตเสพูดทิ้งท้าย ก่อนที่วิญญารสีดำของเขาจะหายลงไปในหม้อจนหมด
 
ฟุ่บ! “เฮ้อ!” พ่อหมอสามตาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากที่ดูดวิญยาณจิตเส ออกจากร่างของเจ้าหน้าที่คนนั้นจนหมด แล้วผนึกไว้ด้วยผ้ายันต์สีแดง
 
ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็เริ่มสดใส ลมที่พักอย่างรุนแรงก็เงียบสงบ ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
 
“เรียบร้อยแล้ว ทุกคนไม่เป็นไรใช่ไหม?” พ่อหมอสามตาหันมาถามพวกเรา หลังจากที่ทำพิธีเสร็จ
 
“ทุกคนปลอดภัย พ่อหมอไม่ต้องห่วง”  หมอเรนตอบพ่อหมอ พลางใช้มือกุมที่แก้มตัวเองด้วยความเจ็บ หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นทำร้าย
 
“พวกเรายังโชคดี ที่ตัววิญญาณหัวหน้า ยังไม่หลุดจากอาคมมนต์สะกดทั้งหมด ไม่อย่างนั้นพวกเราคงสู้กับมันไม่ได้ แน่ ๆ” พอหมอสามตาพูดพลางเช็ดเหงื่อที่หน้า ตอนนี้หน้าของพ่อหมอดูอ่อนแรงและเหน็ดเหนื่อยจนขาวซีด
 
“หนูทับทิม หนูไม่เป็นไรนะ?” หมอเรนถามฉัน หลังจากที่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างฉันและวิญญาณโบราณในอดีต
 
“ไม่เป็นไรค่ะ! แต่วันนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้น จนทำให้หนูเหนื่อยมาก ถ้าเสร็จงานแล้ว หนูอยากกลับไปพักที่ห้องพักค่ะ” ฉันบอกกับทุกคนและนั่งเงียบ ๆ
 
หลังจากฉันพูดจบ ทุกคนก็เริ่มเก็บข้าวของและแยกกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมีพ่อหมอสามตา หมอเรนและเจ้าหน้าที่อีกสองคน เดินทางเพื่อไปประกอบพิธีสะกดวิญญาณต่อที่วัดแห่งหนึ่ง เพื่อให้วิญญาณของจิตเส ไปสู่สุขติ
 
ส่วนอีกกลุ่มก็คือคนที่เหลือ ก็เดินทางไปพักที่โรงแรมเช่นเดิม
 
หลังถึงที่พักฉันก็ไม่คุยกับใครเลย แม้แต่นายภูผา เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องและเฝ้าคิดถึงเรื่องราววุ่นวายที่ผ่านมา
 
ทำไมฉันถึงไม่รักจิตเส?
 
ทั้งที่เขามีทุกอย่างพร้อมทั้งฐานะเงินทองและอำนาจ แม้จะแต่งงานแล้ว แต่ในยุคสมัยนั้น การที่ผู้ชายมีเมียหลายคนก็เป็นเรื่องปกติ
 
ที่สำคัญเขายอมทำทุกอย่างเพื่อฉัน และเฝ้ารอฉันมานานหลายพันปี
 
แม้จะรู้ความจริงว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้ารอ ไม่เคยรักเขาเลยแม้แต่น้อยแถมยังวางยาพิษกับตัวเอง เพราะไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขา
 
แต่เขาก็ไม่โกรธ แถมยังจะคงยึดมั่นในความรักนั้นต่อไป
 
อันที่จริงฉันก็ตกใจเมื่อรู้ความจริงในชาติภพก่อนและก็แอบอิจฉาตัวฉันในอดีต ที่เคยมีผู้ชายคนหนึ่งทุ่มเททุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้อยู่กับฉัน
 
แต่ความรัก...มันคงมีอะไรมากกว่านั้น!
 
เพราะฉันสัมผัสได้จากความทรงจำว่า ฉันไม่ได้รักคนจากความทุ่มเท แต่จะรักใครคนหนึ่งเพราะว่าฉันอยากจะรัก
หรือว่าเพราะกรรมในภพชาติก่อน จึงทำให้ชาตินี้ ฉันจึงกลายเป็นโรคประหลาดที่รักใครง่ายเกินไปเพียงแค่เห็นหน้าในตอนเช้า
 
สรุปแล้วการที่เรารักใครเพียงคนเดียวแล้วยึดมั่นไม่เปลี่ยนกับคนที่เปลี่ยนรักได้ทุกวัน คนแบบไหนจะมีความสุขมากกว่ากัน
 
แม้ว่าผลสุดท้ายทั้งสองคนจะไม่ได้ความรักตอบกลับไป!
 
คำตอบนี้ฉันเองก็คงตอบไม่ได้เช่นกัน
 
“จะมาคิดมากทำไมละโว๊ย! กลับมาเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว นี่แน่ะ ๆ ๆ” ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วทุบหัวตัวเองไปมาเพื่อให้ได้สติและพยายามกลับมาเป็นคนเดิมให้เร็วที่สุด
 
“ข้าวตูมาหาแม่มา!” ฉันตะโกนเรียกเจ้าข้าวตู มันรีบวิ่งมาหาด้วยความยินดีที่ฉันคิดถึงมัน
 
“ข้าวตูแกบังอาจวิ่งหนีเอาตัวรอด ตอนที่วิญญาณบุกเข้ามากลางวง วันนี้แกต้องอดกินข้าวเย็น โว โฮ โฮ” ฉันแกล้งลงโทษเจ้าข้าวตูเพื่อแก้เซ็ง หน้าที่ยิ้มจนปากบานของมันหุบลงอย่างกระทันหันหลังได้ยินบทลงโทษ
 
หงิง! ๆ มันส่งเสียงอ้อน พลางทำท่าทำทางว่ามันถูกทำร้าย และวิ่งหนีไปเพื่อรอโอกาส แถมยังโชว์แผลถลอกให้ดูอีกด้วย
 
ก็ไม่รู้ว่าฉันเข้าใจที่มันพูดไปได้อย่างไร แต่ฉันก็แอบขำทุกทีที่มันชอบแก้ตัว
“ไม่เป็นไร แม่แค่ล้อแกเล่น เดี๋ยววันนี้เรามาฉลองกันดีกว่า จัดไปเลยกับชุดเนื้อเกรดพรีเมี่ยมแบบไม่อั้น โอเคมั้ย!” ฉันเปลี่ยนเป็นพูดให้รางวัลมันแทน ตอนนี้ข้าวตูทำท่าทางดีใจมากกว่าเดิม มันกระโดดโลดเต้น และเต้นท่าทางแปลก ๆ ให้ฉันดูด้วย
 
พร้อมกับทำท่าทำทางถามว่าไม่ชวนภูผามาฉลองด้วยกันเหรอ
 
“ไม่อ่ะ! วันนี้ยังไม่อยากเจอใคร!” ฉันตอบข้าวตู ด้วยความที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน!
 
............................
 
“ผู้กองครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!” เสียงของจ่าดำร้องตะโกนขึ้น พลางวิ่งมาหาผู้กององอาจที่ห้องพัก
 
“เกิดอะไรขึ้นจ่าดำ ร้องเสียงดังโวยวายเหมือนมีคนตาย?” ผู้กององอาจถามจ่าดำ ขณะที่กำลังเดินเข้ามา
 
“ก็มีคนตายสิครับ ผมถึงได้ตกใจ” จ่าดำตอบผู้กององอาจพลาง ทำท่าหอบเพราะวิ่งมา
 
“เกิดอะไรขึ้น มีใครตายอีก?” ผู้กององอาจถามจ่าดำด้วยความตกใจ
 
“ก็พวกกลุ่มผู้รับเหมาที่ผู้กองให้สืบประวัติ ตอนนี้หกในสิบคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถูกฆ่าตายพร้อมกัน และถูกแขวนไว้ที่สะพานครับ!”
 
.............................
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 33 การกลับมา...ของเหล่าตัวละครในอดีต