ความรัก...ชั่วพริบตา
ตอนที่ 37 ศึกจอมขมังเวทย์
“ผู้กองครับ! จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายแล้วครับ ” หมอเรนแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ที่ตอนนี้ขุดไปแล้วจำนวนห้าจุดและพบศพของหญิงตั้งครรภ์ทุกจุด
 
“โอเค! จ่าดำให้รถขุดเริ่มลงมือได้เลย ที่เหลือติดต่อเจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆ ให้มารับช่วงต่อ” ผู้กององอาจสั่งการทีมงาน ที่ตอนนี้ล้าจากการขุดจนแทบหมดเรี่ยวแรง
 
ขณะที่เจ้าหน้าที่ กำลังเลื่อนรถขุดมายังจุดที่หมอเรนบอก
 
ทันใดนั้น! เสียงหมาหอนก็ดังขึ้น พร้อมอากาศที่เย็นลงจนขนลุก
 
“พวกมึงเองน่ะหรือ...ที่มาทำลายหลักสะกดวิญญาณของกู!” เสียงของชายชราที่แหบพร่าดังขึ้นทั่วบริเวณ ทำเอาทุกคนตกใจจนขาแข้งอ่อนแรง
 
“ผู้กองดูนั่น!” จ่าดำชี้ให้ผู้กององอาจดูมุมหนึ่งที่ปรากฎร่างของชายชราในชุดสีขาว ผู้เป็นต้นเสียงนี้
 
“หมอเทียง! ” ผู้กององอาจตกตะลึง พร้อมอุทานออกมาเมื่อเห็นหมอผีที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาฆ่าหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้ ปรากฎตัวขึ้น
 
“นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็ตำรวจไทยกับหมอผีกระจอกสามคน ไม่ต้องห่วงถึงหลักสะกดวิญญาณจะถูกทำลายไปแล้วห้าหลัก จนเหลือแค่หลักเดียว แต่จำนวนคนที่ตรงนี้ก็พอที่จะทดแทนหลักเดิมที่ถูกทำลายไปได้ ฮ่า ๆ ๆ” หมอเทียงหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัวทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตรงหน้า
 
“จ่าดำนำคนไปจับกุมหมอเทียง ฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม!” ผู้กององอาจสั่งการจ่าดำและลูกน้องทันที
 
“เสียเวลาเปล่า ๆ ไม่ต้องหรอกผู้กอง เพราะวันนี้จะไม่มีใครรอดกลับไป โอม! .........” หมอเทียงตอบกลับผู้กององอาจ พลางท่องคาถาเป็นภาษาโบราณ ไม่นานก็ซัดผงสีขาวพุ่งมาทางทีมเจ้าหน้าที่
 
ทันใดนั้น! เงาดำกลุ่มหนึ่งก็ลอยขึ้นมาจากพื้นดินแล้วพุ่งเข้าปากและจมูกของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ไม่นานทุกคนก็ล้มลงแล้วส่งเสียงร้องระงมด้วยความทรมาน
 
“โอ๊ย! ปวด ๆ ทำไมปวดท้องอย่างนี้ ช่วยด้วย!” จ่าดำร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด ตามด้วยเสียงของคนอื่น ๆ ที่ร้องดังไม่แพ้กัน
 
“โหงพรายเก้าป่าช้าของกู ไม่เคยมีใครรอดไปได้ พวกมึงจงลิ้มรสความทรมานก่อนตายซะ โทษฐานที่มาทำลายหลักสะกดวิญญาณของกู พอพวกมึงใกล้ตายกูก็จะจับพวกมึงโยนใส่หลุมที่พวกมึงขุดออกมา เพื่อใช้เป็นหลักสะกดวิญญาณใหม่ ฮ่า ๆ ๆ” หมอเทียงหัวเราะ พลางมองดูเจ้าหน้าที่สิบกว่าคนนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
 
โหงพรายเก้าป่าช้าของหมอเทียง เป็นกระดูกของคนตายโหงที่ถูกฝังในป่าช้าเก้าแห่ง ที่หมอเทียงไปสะกดวิญญาณมา เมื่อนำเถ้ากระดูกทั้งหมดมาผ่านพิธีศาสตร์มืดโบราณ ก็จะกลายเป็นวิญญาณโหงพรายที่มีฤทธิ์มากกว่าวิญญาณธรรมดาเพราะเป็นวิญญาณที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เต็มไปด้วยความแค้น โดยหากผู้ที่เลี้ยงไม่สามารถควบคุมได้ โหงพรายเก้าป่าช้าก็จะย้อนกลับมาทำร้ายผู้เลี้ยงเช่นกัน
 
“โหงพรายเก้าป่าช้าของหมอเทียงร้ายกาจสมคำร่ำลือ แต่บังเอิญพวกข้าก็มีของดีเช่นกัน ดูท่าคืนนี้หมอเทียงคงต้องไปนอนในคุกแล้ว”  เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหมอเทียงหันกลับไปก็เห็นกลุ่มคนห้าคนพร้อมหมาอีกหนึ่งตัว
 
“หึ! ใช้วิชาดำดินหลบมาอยู่ข้างหลังของข้าได้ ดูแล้วพวกมึงก็มีดีพอตัว” หมอเทียงหันมาพูดกับกลุ่มคนที่ปรากฎด้านหลัง ซึ่งประกอบไปด้วย พ่อหมอสามตา หมอเรน ภูผา ผู้กององอาจ ฉันและเจ้าข้าวตู!
 
“หมอเรน! เอาผ้ายันต์นี้ไปช่วยคนที่โดนโหงพรายกัดกินอวัยวะภายในก่อน ทางนี้ผมจัดการเอง” พ่อหมอสามตาส่งผ้ายันต์ปึกหนึ่งให้หมอเรน ก่อนที่หมอเรนจะหายตัวไปจากที่เดิม แล้วไปปรากฎตัวอยู่ตรงกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้วยวิชาดำดิน
 
“คิดว่าจะกำราบโหงพรายของกูได้ก็ลองดู ส่วนพวกมึงมีอะไรก็งัดออกมา ขอกูดูวิชาหน่อยเถอะว่าจะสมกับที่คุยไว้หรือเปล่า!” หมอเทียงพูดด้วยความมั่นใจ พลางยืนนิ่งราวกับให้พวกเราแสดงฝีมือออกมา
 
“พ่อหมอ! จะสู้กับไอ้หมอผีเขมรคนนี้ไหวหรือ?” ฉันแอบกระซิบถามพ่อหมอสามตา
 
“ไม่ลองก็ไม่รู้! แต่หนูทับทิมใช้คำผิดนะ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะสู้กับมัน แต่เป็น “เรา” ต่างหากที่จะสู้” พ่อหมอสามตาหันมาพูดกับฉัน
 
“หา! แล้วพวกหนูจะเอาอะไรไปสู้กับมัน?” ฉันร้องอุทานเสียงดัง เมื่อรู้ว่าพ่อหมอสามตาอยากให้พวกเราร่วมด้วย
 
“ไม่ต้องห่วง หนูทับทิมทำแบบนี้นะ.........” พ่อหมอสามตากระซิบบอกแผนการณ์ให้ฉันฟัง
 
“ได้ค่ะ! หนูจะลองดูนะพ่อหมอ” ฉันพยักหน้ารับปากพ่อหมอ พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ก่อนจะพาภูผา ข้าวตูและผู้กององอาจให้หลบอยู่หลังพ่อหมอพร้อมอธิบายแผนของพวกเรา
 
“มาเริ่มกันเถอะหมอเทียง!” พ่อหมอสามตาตะโกนขึ้น พลางหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากย่ามแล้วท่องคาถาพึมพัม ไม่นานก็โยนของสิ่งนั้นที่เป็นเหมือนวงแหวนออกไป
 
พริบตาเดียววงแหวนนั้นก็คลายตัว แล้วปรากฎเป็นงูตัวใหญ่ที่มีชีวิต พุ่งเข้าหาหมอเทียงทันที
 
“บ่วงนาคบาศ อย่างนั้นรึ! คิดจะเอาบ่วงนาคบาศมาจับตัวกู อย่างนี้มันดูถูกกันไปหน่อยนะ” หมอเทียงพูดพลางมองดูงูยักษ์พุ่งเข้าใส่อย่างใจเย็น
           
"บ่วงนาคบาศ" เป็นสุดยอดเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ตามตำนานเล่าว่า “นาคบาศ” คือ “ศรของอินทรชิต” ที่ยิงไปเป็นงูรัดศัตรู บ่วงนี้เด่นเรื่องพุทธคุณในเรื่องป้องกันและจับกุม ตัวบ่วงเกิดจากงูที่กินหางตัวเองจนเสียชีวิตตามธรรมชาติ จนกลายเป็นวงแหวนวงหนึ่ง เมื่อผ่านพิธีกรรมบางอย่างจะกลายเป็นเครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธิฤทธิ์ทันที
 
ขณะที่งูยักษ์กำลังจะไปถึง จู่ ๆ หมอเทียง ก็แบมือออกมาพร้อมของสิ่งหนึ่งก่อนทำปากพึมพัมเหมือนท่องคาถา
 
ทันใดนั้น! ร่างของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ก็ลอยออกมาจากมือของหมอเทียง พร้อมส่งเสียงคำรามพร้อมกระโดดเข้าหางูยักษ์ทันที
 
“โฮก!”  
 
“ปั้นเหน่งพญาเสือโคร่ง!” เมื่อเห็นภาพดังกล่าว พ่อหมอสามตาอุทานเป็นชื่อของขลังชนิดหนึ่งขึ้นมา
 
ปั้นเหน่งคือกระดูกหน้าผาก ในประเทศไทยจะใช้กับกระดูกหน้าผากของศพที่ตายโหง แต่ในศาสตร์เขมรจะใช้กระดูกหน้าผากของสัตว์ด้วย โดยเฉพาะเสือโคร่งตัวใหญ่ที่อยู่มานาน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าพญาเสือโคร่ง โดยถือว่า ปั้นหน่งขอพญาเสือโคร่งจะเป็นศูนย์รวมของพลังและจิตวิญญาณ ทำให้มีฤทธิ์มาก
 
“ฟ่อออ! โฮกกกก!”
 
ตอนนี้ทั้งวิญญาณงูยักษ์และเสือโคร่ง ต่างก็ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในช่วงนั้นพ่อหมอสามตาก็หยิบของอีกสิ่งหนึ่งออกมาและร่ายคาถาต่อ
 
“มึงมีอะไรก็งัดเอาออกมาให้หมดนะ เพราะพรุ่งนี้มึงคงจะไม่มีโอกาสได้ใช้แล้ว!” หมอเทียงพูดกับพ่อหมอสามตาอย่างใจเย็น
 
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอดูหน่อย ว่าหมอเทียงจะทำได้ไหม?” พ่อหมอสามตาพูดตอบ พลางกางมือออกมาและเผยสิ่งที่อยู่ข้างใน ที่เป็นท่อนไม้ขนาดเล็กก่อนจะค่อย ๆ ขยายใหญ่กลายเป็นไม้เท้าอันหนึ่ง
 
“ไม้ครู! มึงก็มีของดีเหมือนกันนี่ ขอลองหน่อยซิว่าไม้ครูของมึงจะร้ายขนาดไหน” หมอเทียงพูดจบก็ล้วงเข้าไปในย่ามแล้วหยิบมีดหมอที่สลักด้วยอักขระออกมา
 
"ไม้ครู" เป็นเครื่องรางของขลังประเภทตะกรุด มีการสร้างหลายรูปแบบ แต่ไม้ครูของพ่อหมอสามตาเป็นของเก่าแก่จากเกจิสมัยก่อน ที่ทำจากไผ่สีสุกที่ถูกฟ้าผ่าจนล้ม ก่อนมาผ่านการปลุกเสก จนมีฤทธิ์เหมือนนิ้วเพชรของพระอินทร์ ที่ชี้เป็นชี้ตายได้ สามารถขับไล่ภูติผีวิญญาณร้ายและหากชี้ไปที่ศัตรูจะทำให้ถึงแก่ชีวิต
 
ส่วนมีดหมอของหมอเทียง ทำจากเหล็กตะปูป่าช้าทั้งเจ็ด ผสมกับเหล็กไหล เมื่อผ่านพิธีปลุกเสกพร้อมสลักอักขระแล้ว ก็ถือเป็นอาวุธที่ร้ายกาจ ปราบได้ทั้งวิญญาณและผู้คน
 
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังเข้าต่อสู้แบบประชิดตัว เพื่อหวังจะสยบอีกฝ่ายให้พ่ายแพ้
 
................................
 
“หัวหน้าครับ! หมอเทียงกำลังสู้กับพวกตำรวจอยู่ พวกเราต้องไปช่วยไหมครับ?” ชายชุดดำคนหนึ่งถามชายชุดดำร่างกำยำที่เป็นหัวหน้า เขาก็คือ “สิงห์” มือขวาของท่านวีระ รัฐมนตรีที่เป็นประธานของบริษัทรับเหมาสร้างสะพานนั่นเอง
 
“ไม่ต้องเข้าไปช่วย! นายบอกมาแล้วว่าให้พวกเราเข้าไปเอาสมบัติในสุสานเลย เผื่อหมอเทียงโดนจับ นายก็จะใช้เส้นผลักความผิดทั้งหมดไปที่หมอเทียง” สิงห์ออกคำสั่งกับลูกน้อง
 
“แต่หมอเทียงบอกว่า ต้องสลายวิญญาณโบราณให้หมดก่อน ถึงจะเข้าไปเอาสมบัติได้นะครับ” ชายชุดดำคนเดิมถามต่อ
 
“ผ่านไปตั้งสิบปีแล้ว ป่านนี้วิญญาณโบราณพวกนั้นน่าจะอ่อนแรงไปมาก คงไม่ได้น่ากลัวอย่าที่หมอเทียงบอก รีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ ถ้าได้สมบัติแล้ว เราจะทิ้งหมอเทียงไว้ที่นี่ เพื่อถ่วงเวลากับตำรวจ ฮ่า ๆ ๆ”
 
.....................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 38 วิญญาณเฝ้าสมบัติ